เมืองไทยจะมีการเลือกตั้งทั่วไป หรือเรียกชัดๆ ว่าเลือกตั้งสส.ในเดือนกุมภาพันธ์ 2562 นี่คือคำประกาศครั้งล่าสุดจากนายกรัฐมนตรี ประยุทธ์ จันทร์โอชา ซึ่งสวมหมวกอีกใบหนึ่งคือหัวหน้า คสช.
แต่ถึงกระนั้นคนที่ต้องการให้มีการเลือกตั้งอย่างจริงๆ จังๆ เพราะเชื่อว่าเลือกตั้งคือเครื่องแสดงความเป็นประชาธิปไตย ก็ยังคาดคั้นถามแบบเอาเป็นเอาตายว่า แล้ววันเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันที่เท่าไร เดือนอะไร ปีอะไร เหตุที่มีคำถามเช่นนี้ก็เพราะว่าคนอยากเลือกตั้งไม่เชื่อคำพูดของนายกรัฐมนตรี
ส่วนคนที่ยังไม่ต้องการให้มีการเลือกตั้งทั่วไปก็ตั้งคำถามกลับไปยังรัฐบาลคสช.ว่าปฏิรูปการเมืองสำเร็จเสร็จสิ้นแล้วหรือ แล้วถ้าหากก่อนถึงวันเลือกตั้ง แต่ได้บังเกิดเหตุการณ์ไม่ปกติขึ้นในบ้านเมือง วันเลือกตั้งที่กำหนดคร่าวๆว่าจะมีในเดือนกุมภาพันธ์ปีหน้าจะยังคงเดิมหรือไม่
ส่วนประเด็นปัจจัยเรื่องกฎหมายลูกอีกสองฉบับ (การเลือกสส. และการสรรหาสว.) ก็ยังต้องรอดูว่าจะลงเอยอย่างไร แต่โปรดอย่าลืมว่ากฎหมายลูกทั้งสองฉบับนี้ยังไม่ผ่านความเห็นของสนช. และถึงแม้จะผ่านสนช.แล้วก็ต้องมีขั้นตอนต่อไปคือการนำขึ้นทูลเกล้าทูลกระหม่อมเพื่อทรงลงพระปรมาภิไธย
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้นายกรัฐมนตรีจะประกาศไปแล้วว่าจะมีการเลือกตั้งทั่วไปในเดือนกุมภาพันธ์ 2562 แต่ถึงกระนั้นก็ยังไม่มีอะไรรับรองเป็นมั่นเป็นเหมาะว่าจะมีการเลือกตั้งเกิดขึ้นจริง เพราะสถานการณ์การเมืองของไทยในยามนี้แม้จะดูเสมือนไม่มีการสู้รบกันอย่างเต็มที่ในรูปแบบสงครามกลางเมืองอย่างที่เคยเกิดขึ้นมาเกือบตลอดหนึ่งทศวรรษที่ผ่านมา แต่ก็มิได้หมายความว่าทุกสิ่งทุกอย่างจะสงบและเป็นปกติสุข
ผู้คนที่เข้าใจสถานการณ์การเมืองของไทยต่างรู้ดีอยู่แก่ใจว่ายังมีคลื่นใต้น้ำที่เคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลา และยังมีความคุกรุ่นของความขัดแย้งทางการเมืองดำรงอยู่เสมอมาเพียงแต่ความขัดแย้งเหล่านั้นถูกกดทับอยู่ใต้รองเท้าบู๊ตทหารดังนั้น ในวันใดเมื่อรองเท้าบู๊ตทหารไม่สามารถกดทับความขัดแย้งให้อยู่ใต้พื้นรองเท้าได้ต่อไป ความโกลาหลก็อาจจะบังเกิดขึ้นในสังคมไทยได้อย่างแน่นอน
อยากเรียนถามประชาชนไทยทุกคนว่า คุณคิดและเชื่อจริงๆ หรือว่า ณ บัดนี้สังคมไทยมีความสงบสุขอย่างแท้จริง และปราศจากความขัดแย้งทางความคิดด้านการเมืองระหว่างกลุ่มคนต่างๆ โดยแท้จริง คุณเชื่อหรือว่าทุกวันนี้สังคมไทยมีความสมานฉันท์ปรองดองกันแล้ว และคุณเชื่อหรือว่านักการเมืองโดยเฉพาะกลุ่มที่สนับสนุนอดีตนายกรัฐมนตรีสองคน ซึ่งมีสถานะเป็นนักโทษหนีคดีอาญา จะไม่ปลุกระดมให้ผู้คนในสังคมไทยลุกขึ้นมาเผชิญหน้าแล้วประหัตประหารกันเองเหมือนเช่นในอดีต
ไฟแห่งความไม่สงบที่ดูเสมือนมอดดับลงแล้วนั้น แต่อันที่จริงยังคงคุกรุ่นอยู่ตลอดเวลา แม้ไฟกองนั้นจะไม่มีเปลวเพลิงแห่งความร้อนแรงแสดงออกให้เห็นชัดเจน แต่ความร้อนระอุยังคงมีอยู่ตลอดเวลา แล้วมันก็รอวันปะทุระเบิดขึ้นมาอีกครั้ง เพราะว่าเหตุปัจจัยแห่งความแตกแยกในสังคมไทยยังคงดำรงอยู่เช่นเดิม นี่คือสิ่งคนไทยต่างรู้และเข้าใจความหมายของคำว่า “ไม่มีสงคราม แต่ก็ไม่มีความสงบ”
เพราะฉะนั้นโปรดอย่าปักใจเชื่อเรื่องวันเลือกตั้งครั้งใหม่ว่าจะเกิดขึ้นในวันไหน ถ้าหากความร้อนแห่งความขัดแย้งยังคงคุกรุ่นสะสมอยู่ในกองฟอนที่ดูเสมือนมอดดับ แต่มันกำลังรอวันปะทุกลายเป็นเปลวเพลิงที่ร้อนแรงในอนาคตอันใกล้ เมื่อเป็นเช่นนั้นก็จงอย่าหวังว่าจะเกิดการเลือกตั้งครั้งหน้าในเร็ววัน แต่ที่สำคัญยิ่งกว่าคือ คสช.ต้องไม่เป็นตัวเร่งให้เกิดการปะทุกลายเป็นเปลวเพลิงเสียเอง
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี