นโยบายสร้างช่องทางพิเศษสำหรับตรวจคนเข้าเมืองให้กับนักท่องเที่ยวจีนที่เข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยนั้น ถ้าหากดูเผินๆ ก็อาจจะดูเป็นเรื่องดีงาม แต่ทว่าในข้อเท็จจริงแล้วนโยบายนี้ไม่เป็นผลดีต่อภาพรวมธุรกิจการท่องเที่ยวไทยเลย เพราะจะก่อให้เกิดปัญหาตามมาอีกหลายประการ
ปัญหาประการแรกคือ นักท่องเที่ยวชาติอื่นๆ โดยเฉพาะจากชาติตะวันตก โดยเฉพาะจากกลุ่มประเทศสแกนดิเนเวีย ซึ่งมีนักท่องเที่ยวจำนวนมาก และเป็นนักท่องเที่ยวคุณภาพชั้นดีเยี่ยมของไทยมาเป็นระยะเวลายาวนานหลายสิบปีได้ตั้งคำถามว่า ทำไมพวกเขาจึงถูกเลือกปฏิบัติเช่นนี้ ทั้งๆ ที่เขาคือกลุ่มผู้สร้างรายได้ให้กับการท่องเที่ยวไทยมากเป็นอันดับหนึ่งมาโดยตลอด
อย่าลืมข้อเท็จจริงที่ว่า นักท่องเที่ยวยุโรปตะวันตก โดยเฉพาะกลุ่มจากสแกนดิเนเวีย คือ นอร์เวย์ สวีเดน เดนมาร์ก และฟินแลนด์ รวมถึงนักท่องเที่ยวจากยุโรปตะวันตกอื่นๆ มีความสำคัญต่อตัวเลขรายได้การท่องเที่ยวไทยอย่างมาก เพราะคนกลุ่มนี้เข้ามาท่องเที่ยวแล้วพักในประเทศไทยโดยเฉลี่ยครั้งหนึ่งไม่ต่ำกว่า 15 วัน ในขณะที่มีอีกจำนวนไม่น้อยที่พักอยู่ในประเทศไทยยาวนาน 1-2 เดือน นั่นหมายถึงค่าใช้จ่ายที่พวกเขาจะทุ่มให้กับการท่องเที่ยวไทยย่อมมากมายมหาศาลตามไปด้วย
อย่างไรก็ตาม ไม่มีใครปฏิเสธความสำคัญของนักท่องเที่ยวจีนในยุคนี้ เพราะนักท่องเที่ยวจีนเป็นตัวจักรกลสำคัญที่ส่งผลต่อรายได้การท่องเที่ยวไทยที่มีเป็นจำนวนมากของไทย เพราะนักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้ามาเที่ยวในไทยปีหนึ่งหลายล้านคน แต่ถึงกระนั้นผู้กำหนดนโยบายด้านการตรวจคนเข้าเมือง ที่ต้องการอำนวยความสะดวกให้กับนักท่องเที่ยว ก็ต้องระลึกไว้เสมอว่า ต้องให้บริการกับนักท่องเที่ยวทุกคน ทุกชาติ ทุกภาษา ด้วยความเสมอภาคและเท่าเทียมกัน อีกทั้งต้องไม่สร้างความรู้สึกไม่เท่าเทียมหรือเลือกปฏิบัติต่อนักท่องเที่ยวชาติใดชาติหนึ่ง จนทำให้เขาเข้าใจได้ว่า สังคมไทยไม่ให้ความสำคัญกับพวกเขา
หลังจากมีนโยบายเปิดช่องทางพิเศษสำหรับตรวจคนเข้าเมืองให้กับนักท่องเที่ยวจีน ก็ทำให้มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างมากว่า ทำไมนักท่องเที่ยวจีนจึงได้อภิสิทธิ์มากกว่านักท่องเที่ยวจากชาติอื่นๆ
นักท่องเที่ยวจากสแกนดิเนเวียหลายคนบ่นเชิงตำหนิว่า ทำไมพวกเขาจึงถูกเลือกปฏิบัติ ทั้งๆ ที่พวกเขาเดินทางเป็นระยะเวลานานถึง 14-15 ชั่วโมง จากประเทศของเขา แล้วทำไมรัฐบาลไทยหรือหน่วยงานราชการของไทยที่ดูแลเรื่องการตรวจคนเข้าเมืองจึงไม่ให้ความสำคัญกับพวกเขาให้เทียบเท่ากับนักท่องเที่ยวจีน อย่างไรก็ตาม พวกเขาบอกว่าไม่มีเจตนาตำหนินักท่องเที่ยวจีน แต่เพียงมีคำถามว่า ทำไมทางการไทยจึงมีนโยบายที่เห็นได้ชัดว่าเลือกปฏิบัติเช่นนี้
แน่นอนว่านักท่องเที่ยวจากสแกนดิเนเวียที่เข้ามาเที่ยวในไทยอาจจะมีจำนวนเพียง 9 แสนถึง 1 ล้านคนต่อปี ซึ่งน้อยกว่านักท่องเที่ยวจีนหลายเท่า แต่ต้องไม่ลืมว่าคนกลุ่มนี้ใช้จ่ายเพื่อการท่องเที่ยวในไทยมากมายมหาศาลมาโดยตลอด
ภาครัฐของไทยที่กำหนดนโยบายเรื่องนี้คงจะมีความตั้งใจดี และคงเชื่อว่าการกำหนดนโยบายดังกล่าวจะช่วยส่งเสริมให้ธุรกิจการท่องเที่ยวของประเทศดีขึ้น แต่ก็มีคำถามว่า ความตั้งใจดีเช่นนี้ใช้ฐานคิดอะไรเป็นตัวกำหนด และผู้กำหนดนโยบายนี้เคยศึกษาผลกระทบด้านลบอื่นๆ ที่จะตามมาหรือไม่ หวังว่าผู้กำหนดนโยบายเช่นนี้คงไม่ผลีผลามออกนโยบายเพียงเพื่อเอาใจนักท่องเที่ยวจีนให้หายโกรธหลังจากผู้บริหารระดับสูงบางรายในรัฐบาลไทย ใช้วาจาที่สร้างความไม่พอใจอย่างมากให้กับชาวจีน หลังเกิดเหตุการณ์เรือล่มในจังหวัดภูเก็ต เมื่อต้นเดือนกรกฎาคม 2561
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี