เมื่อวันที่ 2 กันยายน เว็บไซต์ “แนวหน้าออนไลน์” รายงานว่า แหล่งข่าวจากพรรคเพื่อไทย (พท.) แจ้งว่า หลังจากคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เตรียมคลายล็อกการเมืองช่วงเดือนกันยายนนี้ แม้จะยังไม่ให้ทั้งพรรคและนักการเมืองเคลื่อนไหวปราศรัยหรือหาเสียง แต่ให้พรรคจัดประชุมดำเนินงานการเมืองบางอย่างได้นั้น
หลังจากคลายล็อกแล้วพรรคจะเรียกสมาชิกและอดีตสส.จัดประชุมเพื่อเลือกหัวหน้าพรรคและคณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ แทนชุดรักษาการเดิมได้ โดยมีสัญญาณจากคนแดนไกล ต้องการให้ปรับเปลี่ยนภาพลักษณ์ ทั้งพรรคและผู้นำใหม่ ถึงแม้ฐานเสียงเดิมในภาคเหนือและอีสาน ที่เคยชนะเลือกตั้งยังสนับสนุนพรรคอย่างเหนียวแน่น แต่พรรคต้องการเจาะฐานเสียงคนรุ่นใหม่ด้วย
โดยชูภาพลักษณ์ผู้นำพรรคที่ดี พร้อมนโยบายที่ตอบโจทย์ไปพร้อมกัน คนรุ่นใหม่ที่เหมาะสม คุณสมบัติครบถ้วนคือ นายณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์ สามีของ น.ส.พินทองทา ชินวัตร หรือเอม บุตรสาวนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯปัจจุบันเป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัทเอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เป็นบุคคลที่คุณสมบัติครบตามที่นายทักษิณและแกนนำพรรคต้องการ หวังจุดกระแสใหม่ๆ ให้เกิดในประเทศ ไม่ต้องการให้พรรคอนาคตใหม่ (อนค.) ช่วงชิงตลาดการเมือง และยังล้อไปกับทิศทางของโลกที่ต้องการคนหนุ่มมาเป็นผู้นำพัฒนาประเทศมากขึ้น นอกจากนี้นายทักษิณ เคยสอบถามอดีตสส.ที่เดินทางไปพบในต่างประเทศถึงผู้นำพรรคคนใหม่ว่า อยากได้คนหนุ่มหรือผู้อาวุโสมานำพรรค แม้อดีตสส.ที่ร่วมพูดคุยระบุเพียงว่า แล้วแต่ทางพรรค จะเป็นใครก็ได้ ขอให้มีหัวหน้าพรรค เพื่อเตรียมสู้ศึกเลือกตั้ง
รายงานข่าวเผยอีกว่า แม้น.ส.พินทองทาและคุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพชร แม่ฝ่ายภรรยา ไม่อยากให้ลูกหลานที่ใกล้ชิดเข้ามาเกี่ยวข้องกับแวดวงการเมืองอีกอยากให้ดูแลครอบครัวและทำงานด้านธุรกิจไปเพียงเท่านั้น แต่เชื่อว่าลึกๆแล้วนายณัฐพงศ์ กำลังครุ่นคิดอย่างหนัก หากจะลงเล่นการเมืองจริง พรรคจะมีการปรับภาพลักษณ์หรือรีแบรนดิ้งพรรคใหม่หลายอย่าง เช่น คณะทำงาน คณะกรรมการบริหารพรรค ที่จะนำคนรุ่นใหม่ ในวัยไม่ถึง 50 ปี มาช่วยนายณัฐพงศ์ทำงานให้สอดคล้องกัน ไม่มีช่องว่างระหว่างวัยมาเป็นอุปสรรค อดีตสส.ที่อยู่ในข่ายที่จะถูกดึงมาช่วยงาน อาทิ ว่าที่ร.ท.ปรีชาพล พงษ์พานิชอดีตสส.ขอนแก่น น.ส.ขัตติยา สวัสดิผล อดีตสส.บัญชีรายชื่อ นายพลภูมิ วิภัติภูมิประเทศ อดีตสส.กทม.เป็นต้น นอกจากนี้ หากมีการผลักดันนายณัฐพงศ์ขึ้นมา ยังจะช่วยลดความขัดแย้งภายในที่อดีตสส.และแกนนำพรรค ไม่ให้การยอมรับแกนนำบางราย หากต้องขึ้นมาทำหน้าที่ผู้นำพรรค
หลังข่าวนี้ออกมา ก็มีบรรดาลูกพรรคออกมาแสดงความเห็นกันหลายคน
นายสมคิด เชื้อคง อดีตสส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย(พท.) กล่าวถึงการเลือกกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่และผู้นำพรรคคนใหม่ ว่า ยังไม่ได้พูดคุยกัน แต่คนที่จะเป็นผู้นำพรรคต้องเป็นคนที่ต่อสู้ตามแนวทางประชาธิปไตยมา เคยสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับพี่น้องประชาชน ต้องมีความรู้รอบด้าน ถ้าเก่งเศรษฐกิจได้ก็ยิ่งดี ตอนนี้มีรายชื่อ 4-5 คน เป็นแคนดิเดตจากสื่อ แต่จะเป็นใคร คงแล้วแต่ที่ประชุมพรรคโหวตเลือก
นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการเลขาธิการพรรคเพื่อไทย (พท.) ให้สัมภาษณ์ว่า พรรคยังไม่ได้พิจารณารายละเอียดชื่อว่าจะเอาใครหรือชื่อไหนมาเป็นหัวหน้า แต่ก็มีลักษณะที่คนนั้นคนนี้ชอบใคร เชียร์ใคร ก็เสนอชื่อขึ้นมา แต่ในพรรคยังไม่มีการพูดเรื่องนี้ กำลังอยู่ในกระบวนการที่จะดำเนินการสอบถามความเห็นต่างๆ ซึ่งภายในแกนนำพรรค หรือภายในพรรคยังไม่ได้พูดคุยกันเรื่องนี้
เมื่อถามว่า ที่ผ่านมามีการพูดชื่อนายณัฐพงศ์บ้างหรือไม่ นายภูมิธรรมกล่าวว่า ก็เห็นมีสื่อเสนอ แต่ภายในพรรคยังไม่มีการพูดเรื่องนี้เลย มีแต่การให้ทุกคนเสนอความเห็นมา แล้วเราก็จะนำมา
พิจารณาร่วมกัน ก็มีคนเสนอคนนั้นคนนี้เต็มไปหมด
เมื่อถามว่า แสดงว่าเป็นไปได้ที่นายณัฐพงศ์ จะมานั่งคุมเพื่อไทย นายภูมิธรรมกล่าวว่า ก็เพิ่งได้ยินวันนี้
เมื่อถามว่า การดำเนินการคัดเลือกหัวหน้าพรรค จะทำหลังจากที่ คสช. คลายล็อกใช่หรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า ใช่ครับ เมื่อ คสช.คลายล็อก เราจะเริ่มดำเนินการในส่วนนี้ทันที
นายอำนวย คลังผา อดีตสส.ลพบุรี พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ยังเป็นเพียงกระแสข่าว นายณัฐพงศ์จะได้เป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทยหรือไม่ ต้องรอมติจากที่ประชุมพรรค ซึ่งขณะนี้ยังไม่สามารถดำเนินการได้ ถ้าคสช. คลายล็อกเมื่อไหร่ เรื่องหัวหน้าพรรคจะมีความชัดเจน ถ้ามติพรรคเลือกนายณัฐพงศ์ตนก็ยอมรับ และคิดว่าตอนนี้กระแสคนรุ่นใหม่กำลังมาแรง เห็นได้จากพรรคอนาคตใหม่ ซึ่งถือเป็นมติใหม่ทางการเมือง
นายไพจิต ศรีวรขาน อดีต สส.นครพนม พรรคเพื่อไทย และแกนนำกลุ่ม สส.อีสาน กล่าวว่า น่าจะเป็นการปล่อยข่าว สร้างความสับสนมากกว่า ทั้งนี้ ยืนยันแนวทางพรรคว่าสนับสนุนนายกรัฐมนตรีที่มาจากการเลือกตั้ง ดังนั้น เมื่อมีการจัดประชุมพรรค ก็จะมีการเสนอชื่อ และโหวตคนที่เหมาะสมเข้ามาทำหน้าที่
นายไพจิตกล่าวว่า พรรคเพื่อไทยก้าวข้ามนายทักษิณได้หรือไม่นั้น พรรคยังให้ความเคารพไม่เสื่อมคลาย แต่หน้าที่พรรคการเมืองต้องดำเนินการต่อไป แม้มีข่าวว่านายทักษิณอยู่เบื้องหลังก็ตาม
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้มีการดูด สส.แต่เชื่อมั่นว่าชาวอีสานยังให้ความไว้วางใจพรรคเพื่อไทยอยู่ หากมีคนไปอยู่พรรคอื่น อาจสอบตกได้ แต่ยืนยัน อดีต สส.ยังมั่นคง สู้เต็มกำลัง
จากข่าวนี้ สะท้อนให้เห็นอะไรบ้างครับ
1) พรรคเพื่อไทยยังยินดีอยู่ภายใต้ร่มเงาของ “ทักษิณ ชินวัตร” ก็อย่างที่คนทั่วไปเขารู้สึกกันนั่นแหละครับ ว่าพรรคนี้คือพรรคของทักษิณ จะไม่เอาทักษิณ ไม่ฟังทักษิณ ไม่รอการตัดสินใจจากทักษิณได้อย่างไรกัน แต่นี่คือ “ร่องรอย” ที่ กกต. ควรประมวลเก็บไว้ ว่าเป็นหนึ่งในองค์ประกอบที่ภายภาคหน้าอาจต้องใช้ในการ “ยุบพรรค” หรือไม่ เพราะกฎหมายใหม่ เอาจริงเอาจังเรื่องการควบคุมบงการพรรคมากขึ้น
2) พรรคเพื่อไทยไม่มี “จุดขาย” อื่น นอกจาก “ทักษิณ” และตระกูลชินวัตร บุคลากรในพรรคไม่เคยแสดงความรู้ความสามารถ มากไปกว่าแสดงความพินอบพิเทา เป็นมือเป็นเท้าให้แก่ทักษิณ ชัดเจนที่สุดคือการออก พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ในสมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ทั้งๆ ที่ต้องเอาความตายของ นปช. คนเสื้อแดงไปสังเวยเหมือน “หัวหมู” หรือเครื่องเซ่นอื่นๆ ก็ไม่สน ลากกฎหมายจนผ่านด้วยเสียงส่วนใหญ่ + ประธานในที่ประชุม ไม่สนใจนิติรัฐ นิติธรรม คำทักท้วง หรือความถูกต้องเป็นธรรม แต่ทำเพื่อจะยัดการนิรโทษกรรมคดีทุจริตของผู้เป็นนายไว้ในนั้น
3) ในภายภาคหน้า ต่อให้ถูก “ยุบพรรค” ก็ไม่เป็นไร แถมจะกลายเป็นคะแนนสงสาร สร้างวาทกรรมฝ่ายประชาธิปไตยถูกรังแกได้อีกต่างหาก วัฒนธรรมโกหกจนตัวเองเชื่อมีให้เห็นอยู่เนืองๆ ในหมู่ สส.และแกนนำมวลชน ก็ขนาดถูกยุบมา 2 พรรค คือ ไทยรักไทย เพราะกรรมการบริหารพรรคทุจริตการเลือกตั้ง กับพรรคพลังประชาชน ถูกยุบด้วยพฤติกรรมเดิม คือ ทุจริตการเลือกตั้ง
ก็ไม่เคยอับอาย คนเลือกก็น่าแปลก ไม่เคยถือสา แถมพลิกมาสร้างวาทกรรมโจมตีคนอื่น เช่น ตั้งรัฐบาลในค่ายทหาร (ทั้งๆ ที่สุดท้ายต้องโหวตในสภา และตัวเองก็ไม่เสนอชื่อคนในพรรคแข่งด้วย) บอยคอตต์การเลือกตั้ง เป็นต้น
4) ในพรรคเพื่อไทยไม่เป็นเอกภาพ พวกหนึ่งหนุนหลังคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ แต่สายเครือญาติฝั่งเหนือ หวงแหนพื้นที่แห่งอำนาจ ไม่อาจทำใจได้ที่จะเห็นหญิงหน่อยมาชุบมือเปิบ เพราะที่ผ่านมา “ลอยตัว” ไม่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกับพรรคและมวลชน เวลานี้ ดันจะมาเสนอหน้าเป็นหัวหน้าพรรค ใครก็ทำใจไม่ได้ จึงมีข่าวว่า “เยาวภา วงศ์สวัสดิ์” ดันผัวขึ้นแข่งด้วยสุดตัว แต่ในทางการเมือง ผัวก็เป็นของชำรุด มีตำหนิ พี่ชายกับอดีตพี่สะใภ้ก็ไม่ชอบใจที่จะให้นำพรรค จึงต้องมองหาคนอื่นไปเรื่อยๆ แต่ก็ไม่อาจเป็นอื่นไปจากตระกูลชินวัตร
5) มีลูกชายอยู่คน ก็ไม่เอาอ่าวเอาทะเล เรียนหนังสือก็ไม่รุ่ง แถมมีประวัติพกโพยเข้าห้องสอบติดตัว ธุรกิจการงานก็ไม่เป็นชิ้นเป็นอัน ไม่เป็นที่ยอมรับ วันๆ ให้ใครก็ไม่รู้มานั่งเขียนเฟซบุ๊คเด๋อๆ ด๋าๆ ในชื่อของตัวเอง หรือถ้าเขียนเองก็ยิ่งแล้วใหญ่ ไม่ได้ความ ชื่อของ “ลูกเขย” จึงได้โผล่มาไงล่ะ
6) ความจริงข่าวดัน “ลูกเขย” เล่นการเมือง มีมาก่อนหน้านี้แล้ว ก็อย่างที่บอกนั่นแหละ ตัวเองก็หนีคุก น้องสาวก็หนีคุก เมียก็ชอบอยู่หลังม่าน ลูกก็ไม่ได้เรื่อง น้องสาวก็คนชัง น้องเขยก็มีตำหนิ เปิดสาแหรกโคตรญาติดูแล้ว ก็เหลือแต่ลูกเขยนี่แหละ ที่ผุดผาดที่สุด เป็นนักธุรกิจอายุน้อย หน้าตาดี ไม่มีประวัติเสื่อมเสีย ยิ่งเจอพรรคอนาคตใหม่ขายแคมเปญ “คนรุ่นใหม่” ก็ยิ่งหวั่นไหวว่าคะแนนถูกแบ่งไปมาก จึงเกิดความต้องการของลูกพรรค อยากให้นายส่งลูกเขยมานำขบวน
7) ลูกเขยไม่มีทีท่าสนใจการเมืองมาก่อนเลย แต่ก็พูดยาก ดูยิ่งลักษณ์สิ ทั้งไม่เคยสนใจ ไม่มีประสบการณ์ และสติปัญญามีปัญหา ยังปั้นกันขึ้นมาจนเป็นนายกฯ ได้
8) ปากบอกว่ายังมั่นใจในพื้นที่เหนือ-อีสาน แต่จริงๆ ก็คงหวั่นไหว เพราะจำนำข้าวก็ดี ปล่อยคนเสื้อแดงติดคุกลำพังก็ดี การหนีเอาตัวรอดทั้งพี่ทั้งน้องก็ดี ฯลฯ ทำให้คะแนนเสียงในพื้นที่
ไม่แน่นเหมือนเดิม นี่ดีว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา บริหารเศรษฐกิจไม่รุ่ง จึงยังเหลือเชื้อความฟุ้งฝัน ว่าทักษิณเป็นเทพเจ้าแห่งเศรษฐกิจให้คนละเมออยู่บ้าง ตั้งแต่ไปอยู่ต่างประเทศ ก็ไม่เห็นปรากฏเลยว่า ทักษิณก้าวขึ้นไปสู่การเป็นนักธุรกิจคนสำคัญได้เลย ที่ผ่านมา มั่งคั่งร่ำรวยกับการเล่นค่าเงินและกิจการสัมปทานของรัฐทั้งนั้น
แต่ก็นั่นแหละ 4-5 ปีที่ผ่านมา ลุงตู่ก็เอาแต่ดุแต่บ่น จำนำข้าวยิ่งลักษณ์ไม่ยึดทรัพย์เสียที สารวัตรหนุ่ยตามก้นยิ่งลักษณ์ไปดูบอลไปช็อปปิ้ง จนบัดนี้ก็เงียบฉี่ ไปบวกกับกรณีปล่อยยิ่งลักษณ์หนีไปได้ ตำรวจที่ขับรถไปส่งก็หนีไปได้ คนก็ไม่ค่อยแน่ใจ และรู้สึกว่า การเมืองมันเป็นเรื่องของการต่อรองหรือเปล่าหว่า
เวลานี้จึงพูดยากว่า “ลูกเขยทักษิณ” จะลงการเมืองหรือไม่ แล้วลงแล้วจะ “รุ่ง” ห่วงลูกชายทักษิณดีกว่าว่า จะรอดคดี “ฟอกเงินกรุงไทย” หรือเปล่า แล้วเที่ยวไปป้วนเปี้ยนช่องทางธรรมชาติแถวไหนไว้บ้างไหม พรุ่งนี้อัยการนัดฟังคำสั่งคดี ฟ้องหรือไม่ฟ้อง อยู่หรือไป ได้รู้กัน!!!
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี