มีนิทานอีสปเรื่องหนึ่งที่นกกระสาไปบอกฝูงปลาว่า มีหนองน้ำที่อุดมสมบูรณ์อยู่ไม่ไกล ใครสนใจย้ายไปหนองน้ำนั้นก็ยินดีช่วยเหลือ ปลาหน้าโง่บางตัวเชื่อนกกระสาก็ยอมให้นกกระสาคาบ เพื่อนำไปสู่หนองน้ำใหม่ นกกระสาคาบไปแล้วก็เอาไปกินเป็นอาหาร และทำอยู่อย่างนี้จนกินปลาไปได้จำนวนมาก
ทว่านกกระสานั้น กินปลาไม่กี่ตัวก็อิ่มไปมื้อหนึ่ง ดังนั้นถึงจะกินอย่างไรฝูงปลาก็ไม่หมดเสียที ดังนั้นจึงพอมีปลาเหลือเป็นเผ่าพันธุ์ ให้ตกทอดมาเป็นอาหารแก่มนุษย์จนถึงทุกวันนี้
นิทานเรื่องนี้ไม่ได้สอนเรื่องนกกระสาหลอกปลาอย่างเดียว แต่คงมุ่งเตือนสติคนทั้งหลายว่า ยังมีพวกที่ร้ายกว่านกกระสาอยู่อีก ซึ่งพวกนี้กินไม่รู้จักอิ่ม กินไม่รู้จักพอกินทุกสิ่งทุกอย่างจนตายไปข้างหนึ่งก็ยังไม่แน่ว่าจะหยุดกินหรือไม่ นั้นก็คือความโลภที่ประจำสันดานของมนุษย์เรา
มานั่งทำบทความเรื่องนี้ ก็เพราะมีแรงบันดาลใจจาก ข่าวคราวที่ปรากฏลือลั่นสนั่นเมือง เมืองสัปดาห์ก่อน ที่มีการชักชวนให้ชาวนาลดการปลูกข้าว แล้วท่านผู้มีบุญก็จะมาเช่านา จ่ายค่าเช่านาให้แก่ชาวนาโดยอ้างว่า ชาวนาจะไม่ต้องมีความเสี่ยงจากการปลูกข้าวไม่ได้ผล หรือราคาตกต่ำอีกต่อไป
เพราะท่านจะจ่ายค่าเช่านาให้แก่ชาวนาเป็นจำนวนแน่นอนเป็นประจำ ชาวนาก็จะมีรายได้แน่นอนไม่ต้องเดือดร้อนอีกต่อไป
ไม่แค่เท่านี้ ท่านผู้มีบุญจะช่วยเหลือชาวนายิ่งกว่านี้อีก เพราะท่านคิดถึงชาวนาว่า เมื่อเอานาออกให้เช่าแล้ว ก็ไม่มีอะไรทำ หากปล่อยไว้นานก็จะกลายเป็นอัมพฤกษ์ หรืออัมพาต หรือไม่ก็จะเป็นโรคเครียด หรือโรคซึมเศร้า
ท่านผู้มีบุญจึงช่วยชาวนาเพิ่มขึ้นอีก โดยจะรับชาวนามาเป็นลูกจ้าง เพื่อทำนาที่ท่านผู้มีบุญได้เช่านามาจากท่านทั้งหลาย โดยจะจ่ายค่าจ้างให้เป็นประจำดีกว่าที่จะทำนาเอง เพราะจะได้รับค่าจ้างทุกเดือนต่างจากการทำอาชีพทำนา เพราะกว่าจะเก็บเกี่ยวได้ ขายได้ ก็ปีละครั้ง สองครั้ง สู้การเป็นลูกจ้างไม่ได้เพราะมีรายได้ประจำเป็นรายเดือน
พวกนักตีฆ้องร้องป่าวในเครือข่ายของท่านผู้มีบุญ ก็สร้างความหวังเพิ่มขึ้นว่า พี่น้องชาวนาทั้งหลาย เมื่อเอานาให้เช่าและเป็นลูกจ้างแล้ว ชีวิตนี้ก็จะมีอนาคตสดใส เพราะเมื่อมีรายได้แน่นอนก็สามารถกู้ยืมเงินมาผ่อนบ้านได้ ซึ่งจะมีโครงการสร้างบ้านให้กับคนยากจนที่มีรายได้มั่นคง แต่มีรายได้ประจำในอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำที่สุด
ทำให้น่าคิดต่อไปด้วยว่า เมื่อจัดหาบ้านให้ลูกจ้างชาวนาได้ผ่อนชำระแล้ว วันหนึ่งก็คงจะมีการจัดหารถกระบะให้ชาวนาซื้อผ่อน ก็จะมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ไปไหนมาก็จะสะดวกเพราะมีรถใช้เอง และไม่ต้องห่วงว่าจะเกิดอุบัติเหตุและหาเงินชำระไม่ได้ เพราะจะมีบริษัทประกันภัยมารับประกันให้เกิดความมั่นคงแก่ชีวิตไปตลอดกาลนาน
ไม่ต้องพูดถึงเรื่องความสะดวกสบาย ในเรื่องปลีกย่อยดั่งเช่น การซื้อหาเครื่องอุปโภค บริโภค หรืออาหารประเภทฟาสต์ฟู้ดที่กำลังโด่งดังทั้งหลาย เพราะเมื่อมีการจัดตั้งหมู่บ้านชาวนา ให้อยู่กันเป็นกลุ่มเป็นก้อนแล้ว ก็จะมีร้านสะดวกซื้อ หรือร้านอาหารฟาสต์ฟู้ดทำให้เกิดความสะดวกสบายแก่ชีวิตนี้เป็นอันมาก
ก็เป็นอันว่า เมื่อโครงการนี้เกิดขึ้นและดำเนินการได้ผลเพียงใด พี่น้องชาวนาทั้งหลายก็จะมีอนาคตใหม่ ที่มีความสุขสบายมั่นคง
แต่จะเหลือแต่ตัว เพราะที่นาจะถูกยึดเหมือนพวกที่เคยเข้าร่วมโครงการเลี้ยงเป็ด เลี้ยงไก่ เลี้ยงหมู หรือว่าจะอยู่ดีมีสุขเพียงใด หรือไม่ก็ต้องติดตามดูกันต่อไป
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี