การเมืองไทยก่อนเข้าสู่โหมดการเลือกตั้ง หรือเริ่มอุ่นเครื่องเตรียมตัวเริ่มออกสตาร์ทก็เหมือนกับสังคมประชาธิปไตยครึ่งใบหรือประชาธิปไตยฟันปลอมทั้งหลาย หรือถ้าจะให้แคบเข้าก็เหมือนอดีตการปกครองของประเทศไทยหลังที่ถูกกักขังโดยรั้วสีเขียว แม้ครั้งนี้อาจยาวนานกว่าอดีตที่ผ่านมา ประชาชนบางกลุ่มอาจชอบและบางกลุ่มอาจไม่ชอบ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับกลุ่มใดอยู่ในสภาวะใด
สำหรับนักการเมืองลายครามที่ผ่านเหตุการณ์ทำนองเดียวกันมาในอดีตมากกว่าหนึ่งครั้ง อาจทำใจได้เพราะชินกับสภาพการณ์เนื่องจากมีเพียง“ชิวหาเป็นอาวุธ” เมื่อผู้ถือ “ศาสตราเป็นอาวุธ” แง้มประตูให้ทายใจก็คิดว่ายังดีกว่าประตูปิดตายดังที่ผ่านมา ส่วนผู้ที่ใช้อำนาจเบ็ดเสร็จที่ยังติดใจที่อยู่ในอำนาจก็ต้องปรับตัวที่จะเข้าสู่อำนาจแบบใหม่ภายใต้บรรยากาศใหม่ที่กำลังจะเกิดขึ้นจึงจำเป็นต้องหามืออาชีพที่ยินยอมพร้อมใจกันดึงอดีตนักการเมืองที่เรียกว่า “ดูด” แม้เป็นพวกที่ตนเคยประณามมาเป็นกำลังในสภาพแวดล้อมใหม่เพื่อมาช่วยค้ำบัลลังก์ให้แน่นหนา
ทั้งนี้เพราะในสนามการเมืองภายใต้กติกาใหม่ที่เปลี่ยนแปลงไม่เหมือนเดิม เนื่องจากมีผู้เล่นมากกว่าหนึ่งฝ่ายจึงจำเป็นต้องหามืออาชีพแม้จำเป็นต้องกลืนน้ำลายแต่เพื่อชัยชนะกลับเข้าเป็นผู้บริหารอีกครั้ง เพื่อสานต่อการพัฒนาสังคมตามแนวทางที่วางไว้ ฉะนั้นในฐานะสมาชิกคนหนึ่งในสังคมจึงใคร่จะเห็นว่าหลังจากการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองจากนี้ต่อไป จากสังคมเผด็จการและเดินสู่สังคมประชาธิปไตยที่แท้จริงและยั่งยืนตามแบบประเทศที่ปกครองโดยระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ใคร่ขอร้องให้นักการเมืองทุกสี ทุกกลุ่มจงประพฤติและปฏิบัติให้อยู่ในกรอบกติกาแห่งประชาธิปไตยดังกล่าว
แม้ขณะนี้ยังเป็นเพียง ประชาธิปไตยฟันปลอมก็ตาม ขอให้ยึดถือกติกาที่ได้ผ่อนคลายอยู่ในขณะนี้สิ่งที่สำคัญที่สุด ถ้าผู้มีอำนาจและประชาชนชาวไทยอยากจะเห็นการปกครองระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขแล้ว ทุกคนจะต้องยอมรับความเห็นต่างแต่ไม่ใช่ความเห็นที่แตกแยกและทุกฝ่ายต้องเคารพกติกาซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่สุดไว้ โดยปล่อยให้ทุกฝ่ายปฏิบัติตามกติกาที่วางไว้อย่างเคร่งครัด เมื่อเวลาผ่านไปถึงจุดหนึ่งแสงสว่างแห่งประชาธิปไตยย่อมเกิดขึ้น ยกเว้นผู้ที่มีหน้าที่บริหารประเทศภายใต้กติกาประชาธิปไตยครึ่งใบจะประพฤติตนเป็นไปตามสุภาษิตที่ว่า “ขึ้นต้นเป็นลำไม้ไผ่ แต่เหลาๆ ไปกลายเป็นบ้องกัญชา” และเมื่อนั้นองค์อธิปัตย์ที่แท้จริงอาจแสดงอภินิหารเพื่อรักษาผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนได้ เพราะผู้ที่มีหน้าที่ในการบริหารประเทศภายใต้การปกครองระบอบประชาธิปไตยครึ่งใบไม่คำนึงถึงความหมายของการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข องค์อธิปัตย์ที่แท้จริงอาจร่วมกับประชาชนทำให้ประเทศไทยมีการปกครองโดยระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขเฉกเช่นนานาประเทศที่ใช้ระบบนี้อย่างสมบูรณ์ ดังเป็นที่ปรารถนาของประชาชนส่วนใหญ่ในสังคมไทย
อภินิหารดังกล่าว เคยเกิดขึ้นในสังคมไทยมาแล้ว 2 ครั้ง คือเหตุการณ์ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2516 และเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ พ.ศ. 2535 แต่ผลที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ถ้ามีอาจแตกต่างกว่าเหตุการณ์ทั้งสองดังกล่าวข้างต้น จึงหวังเป็นอย่างยิ่งว่าอนาคตการเมืองไทยจะก้าวไปสู่การปกครองระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขจะเกิดขึ้นและคงอยู่กับสังคมไทยในอนาคตสำเร็จและยั่งยืน
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี