การวางค่ายกลทางกฎหมายที่ดำเนินการต่อเนื่องมาหลายปี ในส่วนที่เกี่ยวกับการเมืองนั้นก็พอเห็นกันได้ว่ามีเป้าหมายสำคัญประการหนึ่งคือ หยุดยั้งความเติบโตของพรรคเพื่อไทยเพื่อไม่ให้กลับมามีอำนาจอีก เหมือนที่เคยเกิดขึ้นหลังการยึดอำนาจ 19 กันยายน 2549
ดังนั้นจึงได้เกิดสิ่งที่เรียกว่า “อภินิหารทางกฎหมาย” และทำให้ผู้ที่เกี่ยวข้องในเรื่องนี้กลับกลายเป็นผู้มีอำนาจวาสนา ที่ใครจะทำอะไรก็ต้องมาปรึกษาหารือขอความเห็นชอบ จนกระทั่งบ้านเมืองเป็นดังที่เห็น
กระบวนการทางกฎหมายอาจถือได้ว่าเป็นการตั้งค่ายกลชนิดหนึ่งเพื่อบรรลุถึงเป้าหมายในการหยุดยั้งไม่ให้พรรคเพื่อไทยขยายตัวเติบโตและกลับมามีอำนาจ ดังนั้นเนื้อใหญ่ใจความจึงเป็นเรื่องของการทำให้กระจายคะแนนเสียงและจำกัดการมีจำนวน สส.ของพรรคใหญ่ให้มากที่สุด
ทั้งรัฐธรรมนูญและกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญที่เกี่ยวข้องซึ่งทำกันอย่างสับสนอลหม่านและสลับซับซ้อน จนคนทั้งหลายแทบจะไม่รู้ไม่เข้าใจว่ากฎหมายบัญญัติว่าอย่างไร ดังนั้นมีปัญหาสิ่งใดขึ้นมาก็ต้องให้คนทำกฎหมายตัดสิน ทั้งๆ ที่ไม่ได้มีอำนาจในการตัดสินเพราะการตีความกฎหมายนั้นเป็นอำนาจหน้าที่ของศาล
นอกจากนั้นยังเกิดความพิลึกพิลั่นจนต้องมีการยกเลิกเพิกถอนปรับปรุงแก้ไขกันหลายครั้งหลายหนทั้งๆ ที่กฎหมายบางฉบับเพิ่งมีพระราชโองการโปรดเกล้าฯตราเป็นกฎหมายไม่ทันข้ามสัปดาห์ก็ต้องแก้ไขปรับปรุงกันแล้ว จึงกลายเป็นเรื่องพิลึกพิลั่นมาก
ความคิดที่จะใช้กฎหมายซึ่งเป็นของตายตัวเพื่อเป็นกลไกเครื่องมือทางการเมืองซึ่งเป็นเรื่องความแปรผันไม่มีที่สิ้นสุด จึงเป็นความผิดพลาดทางความคิดครั้งสำคัญ และทำให้เกิดปัญหาขึ้นมากมาย เข้าลักษณะได้ไม่คุ้มเสีย
ก็แลเมื่อกลไกที่สร้างขึ้นเป็นการกำจัดขัดขวางพรรคใหญ่ไม่ให้แสดงอานุภาพของความใหญ่ในการที่จะได้มาซึ่ง สส.จำนวนมาก ดังนั้น เมื่อการเมืองเป็นเรื่องความผันแปรก็เกิดความผันแปรขึ้นเพื่อแก้ไขปัญหาข้อขัดข้องดังกล่าว
ทำเป็นไม่รู้เลยหรือว่าคุณทักษิณ ชินวัตร นั้นมีสติปัญญาปราดเปรื่อง เห็นค่ายกลแค่นี้แล้วจะยอมจำนน หรือจำทนไปตายเอาดาบหน้าโดยไม่ทำอะไรเลย ดังนั้น การตีค่ายกลจึงย่อมเกิดขึ้นเป็นธรรมดา
จากการพิเคราะห์สถานการณ์ที่เป็นไปในขณะนี้ดูกระบวนท่าลีลาการตีค่ายกลแล้ว ได้เห็นถึงความชัดเจนสองประการ คือ
ประการแรก เป็นกระบวนการป้องกันตัวจากข่าวคราวที่กระเซ็นกระสายหรือจากการคาดหมายตามปกติว่า พรรคเพื่อไทยอาจจะถูกยุบ ดังนั้นจึงมีการเตรียมพรรคสำรองไว้แบบเดียวกับนายมหาเธร์ โมฮัมหมัด ของมาเลเซีย ที่ถูกอำนาจรัฐสั่งยุบพรรคก่อนการเลือกตั้งไม่กี่วัน
และเมื่อมีการตั้งพรรคสำรองกันแล้ว ถึงแม้จะยุบพรรคไปก็ไร้ผล เพราะบทเรียนก็มีให้เห็นอยู่ทนโท่ ดังนั้นกระบวนกลเรื่องนี้จึงเห็นทีว่าจะสกัดระบอบทักษิณไม่อยู่แน่
ประการที่สอง เมื่อกลไกและเงื่อนไขตามกฎหมายเป็นอุปสรรคขัดขวางต่อความเป็นพรรคใหญ่ การตีค่ายกลจึงจัดตั้งพรรคย่อยขึ้นหลายพรรค อุปมาเหมือนการเผชิญหน้ากับตาข่ายใหญ่ ที่ถ้าหากเป็นปลาตัวใหญ่ก็จะติดตาข่ายนั้นไม่อาจหลุดรอดออกไปได้ แต่การเมืองนั้นไม่ใช่ปลา ดังนั้นเมื่อมีการตั้งพรรคย่อยทำให้เป็นปลาตัวเล็ก ตาข่ายก็ไม่สามารถขัดขวางอะไรได้
การจัดตั้งพรรคย่อย 4-5 พรรค และการประสานการเคลื่อนไหวของพรรคย่อยดังกล่าวอย่างเป็นเอกภาพ แม้เป็นเรื่องยุ่งยากลำบาก แต่ความยุ่งยากลำบากนั้นไม่ได้เกิดขึ้นกับคนทั่วไป
ความยุ่งยากลำบากทั้งหลายเกิดขึ้นกับผู้ที่ไม่มีสติปัญญา ภาระอันหนักทั้งหลายเกิดขึ้นกับผู้มีกำลังอันน้อย
สำหรับผู้มีสติปัญญาก็จะไม่มีเรื่องใดยุ่งยาก และสำหรับผู้มีกำลังมากก็สามารถแบกรับของหนักได้
ดังนั้นในวันนี้ดูการขับเคลื่อนทางการเมืองในสมรภูมิเลือกตั้งแล้ว ระบอบทักษิณสามารถจัดพรรคย่อยขึ้นหลายพรรค ที่เพียงพอต่อการรองรับกับกระบวนการยุบพรรค และขับเคลื่อนโดยสอดคล้องกับเงื่อนไขของกฎหมาย ที่ไม่เอื้อต่อความเป็นพรรคใหญ่แต่กลับเอื้อต่อความเป็นพรรคเล็กได้อย่างเต็มที่
ในขณะเดียวกัน พรรคพลังประชารัฐที่มีพละกำลังมากมายมหาศาลกำลังเติบโตเพราะมีผู้คนจำนวนมากมาเข้าพรรค ในขณะที่พรรคย่อยยังมีลักษณะเหงาหงอยอยู่โดยทั่วไป ดังนั้นหากไม่ใคร่ครวญให้จงดี ในที่สุดปลาใหญ่ก็จะติดตาข่ายใหญ่ที่วางไว้นั่นเอง
ระวังสิ่งที่เรียกว่ากรรมสนองกรรม หรือคำพังเพยไทยที่ว่า “ให้ทุกข์แก่ท่าน ทุกข์นั้นถึงตัว” ให้จงดีก็แล้วกัน!
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี