ขอชื่นชมกับการตัดสินใจของคณะรัฐมนตรีที่ชะลอ การพิจารณาร่างพระราชบัญญัติจัดเก็บเงินสมทบเพื่อสนับสนุนการจัดบริการสาธารณสุขของหน่วยบริการภาครัฐ ในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. ... ตามที่กระทรวงสาธารณสุขและกระทรวงการคลังเสนอเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี แต่กลับให้ไปพิจารณาทบทวนเรื่องนี้อย่างรอบคอบถึงผลได้ผลเสียของร่างกฎหมายฉบับนี้ หลังจากมีกระแสวิพากษ์วิจารณ์จากนักวิชาการ สังคมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในหลายประเด็น โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเด็นขัดวินัยการเงินการคลังของรัฐ ประเด็นความไม่เป็นธรรม และประเด็นผลกระทบต่อเกษตรกรชาวไร่ยาสูบ
ประเด็นขัดพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. 2561 ซึ่งตามมาตรา 26 ของ พ.ร.บ.วินัยฯ ห้ามเสนอกฎหมายที่จัดเก็บภาษีอากรเพิ่มขึ้นจากที่กฎหมายกำหนดเพื่อให้หน่วยงานรัฐใช้ตามวัตถุประสงค์เฉพาะ แม้จะมิได้กำหนดนิยามคำว่า “ภาษี” เอาไว้ก็ตาม เมื่อพิจารณาการเก็บเงินสมทบตามร่าง พ.ร.บ.ฯ จะเห็นว่าแม้จะไม่ได้เรียกตรงๆ ว่า “ภาษี” แต่ด้วยบริบทการจัดเก็บและบทกำหนดโทษที่เหมือนกับในกฎหมายเก็บเงินบำรุงกองทุนอื่นๆ จากสินค้าบาปทำให้เงินสมทบบัตรทองมีผลเป็นการจัดเก็บภาษี การเสนอร่าง พ.ร.บ.ฯ ให้เก็บเงินสมทบเข้ากองทุนบัตรทองจึงขัดกับมาตรา 26 ของ พ.ร.บ. วินัยฯ อย่างชัดเจน
แม้ว่าจะมีความพยายาม “เลี่ยงบาลี” บอกว่านี่ไม่ใช่การจัดเก็บภาษีแต่เป็นเงินสมทบ ก็คงต้องวัดใจคณะรัฐมนตรีว่าจะคำนึงถึงเจตนารมณ์ของกฎหมายวินัยการเงินการคลังหรือไม่ เพราะมาตรา 9 ของพ.ร.บ.วินัยฯ ก็กำหนดให้ “คณะรัฐมนตรีต้องรักษาวินัยในกิจการที่เกี่ยวกับเงินแผ่นดินตามพระราชบัญญัตินี้อย่างเคร่งครัด” และท่านนายกรัฐมนตรีเองก็มีตำแหน่งเป็นถึงประธานคณะกรรมการนโยบายวินัยการเงินการคลังของรัฐด้วย
ประเด็นเรื่องความไม่เป็นธรรม กล่าวคือ ร่าง พ.ร.บ.ฯ กำหนดอัตราเงินสมทบต่อมวน ทำให้มีการตีความกันทั่วไปว่าเก็บเงินสมทบจากบุหรี่เท่านั้น ขณะที่ “ยาเส้น” ที่เป็นที่นิยมของนักสูบครึ่งประเทศจะไม่ต้องเสียเงินสมทบนี้ ทั้งๆ ที่กระทรวงสาธารณสุขระบุว่ายาเส้นอันตรายเหมือนบุหรี่แต่กลับยกเว้นไม่เก็บเงินสมทบจากยาเส้น
นอกจากนี้ ยังมีข้อกังขาจากสังคมทั่วทิศว่ามีเบื้องลึกเบื้องหลังอย่างไรทำให้ร่าง พ.ร.บ.ฯ ไม่เก็บเงินสมทบจากสุราไปด้วย เกิดเป็นประเด็นเรื่องความเหลื่อมล้ำไม่เท่าเทียมระหว่างชาวไร่ยาสูบบุหรี่ ชาวไร่ยาสูบยาเส้น และผู้ประกอบการสุรา ซึ่งดูเหมือนว่ากระทรวงสาธารณสุขเองก็ยังตอบคำถามนี้ไม่ได้
ประเด็นสุดท้ายเรื่องผลกระทบต่อเกษตรกรชาวไร่ยาสูบ ที่ตอนนี้ต้องสูญเสียรายได้ไปครึ่งหนึ่งในชั่วพริบตา เพราะการยาสูบแห่งประเทศไทย (ยสท.) ได้ประกาศลดโควตาครึ่งหนึ่งแล้วและกำลังต้องเซ็นสัญญาโควตากันอยู่ ขณะที่กระทรวงการคลังและ ยสท. ยังไม่สามารถสรุปว่าใครจะรับภาระแก้ปัญหาความเดือดร้อนนี้ เป็นเหตุให้ชาวไร่ยาสูบกลุ่มนี้ต้องเดินสายร้องทุกข์กับหน่วยงานต่างๆ มาหลายเดือนแล้ว รวมทั้งไปร้องทุกข์ต่อ 4 รัฐมนตรีจากพรรคพลังประชารัฐ
ดังนั้น ในวันที่ 29-30 ต.ค. นี้ที่จะมี ครม.สัญจรไปยังจังหวัดเชียงราย พะเยา แพร่ น่าน ซึ่งเป็นแหล่งปลูกยาสูบหลักของประเทศ คงต้องจับตาดูว่า ครม. จะพิจารณาร่างพ.ร.บ.ดังกล่าวอย่างไร ถ้าเห็นว่าถูกก็ควรเดินหน้าทำต่อไป แต่หากเห็นว่าไม่ถูกต้องไม่ชอบธรรมก็ควรต้องถอย ดีกว่าปล่อยให้ปัญหาตามมาภายหลังอีกมากมาย
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี