สังคมไทยมีคนบางชนิดชอบแสดงอิทธิฤทธิ์อิทธิเดช ชอบทำตัวใหญ่โตเกินเหตุ และชอบให้คนอื่นคอยรองมือรองตีนให้ตน แต่เมื่อพิจารณาให้ลึกซึ้งแล้วจะพบว่าคนจำพวกนั้นมักเป็นคนจำพวกกลวงโบ๋ กึ่งดิบกึ่งดี ครึ่งผีครึ่งคน ไม่มีอำนาจโดยแท้จริงแต่ชอบอวดเบ่ง ชอบพองขน ซึ่งจะแตกต่างจากคนผู้มีอำนาจยิ่งใหญ่โดยแท้จริง เพราะคนมีอำนาจจริงๆ มักทำตัวสบายๆ ติดดินไม่ชอบพิธีรีตองที่มากจนเกินความพอเหมาะ รู้กาลเทศะและที่สำคัญ มักพบเสมอๆ ว่า ยิ่งเป็นคนยิ่งใหญ่อย่างแท้จริงแล้ว เขามักจะทำตัวไม่แตกต่างไปจากคนปกติทั่วไป อีกทั้งยังไม่ชอบแสดงอาการเจ้ายศเจ้าอย่าง ทำนองยกตนข่มท่าน
ดังนั้นคนมีอำนาจจริงๆ จึงไม่ใช่พวกกิ้งก่าได้ทอง หรือคางคกขึ้นวอ หรือวัวลืมตีน แต่เขาจะดำเนินชีวิตตามปกติธรรมดา ยิ่งเวลาคนมีอำนาจจริงๆ อยู่ร่วมกับคนทั่วไปในสังคม เขาจะให้เกียรติคนตัวเล็กตัวน้อย ไม่ถือตัวถือตน ไม่กดขี่ข่มเหงผู้ที่ด้อยกว่า
พูดถึงเรื่องนี้แล้ว ก็ทำให้คิดถึงเรื่องข่าวความล่าช้าของการบินไทย เที่ยวบิน TG 971 เมื่อวันที่ 11 ตุลาคม 2561 ปมปัญหาเรื่องนี้เกิดมาจากใครกันแน่ ระหว่าง กัปตัน-นักบิน นายสถานี (KK) ผู้โดยสาร เจ้าหน้าที่ผู้ออกตั๋วที่นั่งให้ผู้โดยสารจนเป็นต้นเหตุให้เกิดปัญหาในเรื่องที่นั่งบนเครื่องบิน หรือระบบการทำงานและการประสานงานของการบินไทยโดยรวม ซึ่งเรียกว่าไม่มีความเป็นมืออาชีพ ไม่สามารถแก้ปัญหาให้กับผู้รับบริการได้ ส่วนประเด็นที่ทำให้เครื่องบินล่าช้า (delay) กว่าสองชั่วโมงนั้น เป็นสิ่งที่ผู้บริหารสูงสุดของการบินไทยต้องสร้างความกระจ่าง และแสดงความรับผิดชอบต่อผู้ได้รับผลกระทบจากเรื่องนี้โดยพลัน
เท่าที่ผู้เขียนทราบคือ ตามปกติในข้อตกลงของการบินไทยกับกัปตันและนักบินคือ ในกรณีที่กัปตันและนักบินเดินทางไปทำงานให้กับบริษัทการบินไทยจะต้องได้ที่นั่งในชั้นธุรกิจ ยกเว้นในกรณีที่นั่งชั้นหนึ่งว่าง กัปตันและนักบินจะได้เลื่อนขึ้นไปนั่งในชั้นหนึ่งซึ่งนี่คือข้อปฏิบัติที่กระทำกันมาโดยตลอด และจะต้องสำรองที่นั่งให้กับ passive crew/deadhead crew (ลูกเรือซึ่งไม่ได้ทำหน้าที่ในเที่ยวบินนั้นๆ แต่อาจทำหน้าที่ในเที่ยวบินก่อนหรือหลังจากนั้น) ให้เรียบร้อยก่อนบิน แต่ถ้าหากที่นั่งในชั้นหนึ่งถูกขายหมดแล้ว ก็เป็นเรื่องปกติที่ passive crew/deadhead crew จะต้องนั่งในชั้นธุรกิจ ซึ่งก็จะต้องสำรองที่นั่งในชั้นนี้ให้กับ crews ด้วย
คำถามที่ผู้เขียนสอบถามคนของการบินไทยกลุ่มหนึ่ง ถึงปัญหาที่เกิดขึ้นในครั้งนี้คือ ทำไมจึงเกิดปัญหากัปตัน-นักบินpassive crew แย่งที่นั่งกับผู้โดยสาร ผู้โดยสารซื้อบัตรโดยสารชั้นใดกันแน่ ระหว่างชั้นธุรกิจกับชั้นหนึ่ง ตามปกติหากมีการปรับเลื่อนชั้นโดยสารให้ผู้โดยสาร เช่น จากชั้นธุรกิจขึ้นไปเป็นชั้นหนึ่ง หรือจากชั้นประหยัดขึ้นไปเป็นชั้นธุรกิจ ใครเป็นผู้มีอำนาจอนุมัติ ระหว่างกัปตัน-นักบิน หรือนายสถานี หรือผู้อำนวยการฝ่ายขายบัตรโดยสารประจำภูมิภาค
คำตอบที่ได้รับคือ ตามปกตินายสถานีจะคุยเรื่องนี้กับกัปตัน แล้วพิจารณาตามความเหมาะสม ซึ่งที่ผ่านมาก็ไม่ค่อยมีปัญหามากนักในเรื่องนี้ ยกเว้นในบางสนามบินที่นายสถานีกับกัปตันไม่ค่อยได้พูดจาหารือกันมากนัก (กัปตันบางคนบ่นว่านายสถานีบางคนไม่เคยให้เกียรติกัปตัน ในขณะที่นายสถานีบางคนก็บอกว่ากัปตันบางรายวางอำนาจมาก) ซึ่งนี่ก็นับว่าเป็นความไม่เป็นมืออาชีพของคนในการบินไทยอีกเช่นกัน เพราะต่างคนต่างถืออัตตาของตนเป็นใหญ่จนลืมความสำคัญของหน้าที่ผู้ให้บริการที่ดีต่อลูกค้า
อย่างไรก็ตาม ปัญหาเช่นนี้จะไม่มีวันเกิดขึ้น ถ้าหากบริษัทการบินไทยมีกฎเกณฑ์ที่ชัดเจน และรวมถึงทุกฝ่ายในการบินไทยพูดจากันด้วยความเข้าอกเข้าใจ โดยยึดถือผลประโยชน์ของลูกค้าและของบริษัทเป็นเป้าหมายสูงสุด
เมื่อพิจารณาจากข้อมูลของนายสุเวช กาญจน์วีระโยธินผู้จัดการอาวุโส ปฏิบัติหน้าที่ในเที่ยวบิน TG 971 ซูริค-กรุงเทพฯ วันที่ 11 ตุลาคม 2561 ที่ระบุว่ามีการเปลี่ยนชนิดของเครื่องบินจาก Boeing 777 เป็น Boeing 747 และระบุด้วยว่าได้ปรึกษากับเจ้าหน้าที่ภาคพื้นดินเรื่องที่นั่งของ passive crew 4 ที่ โดยขอให้เปลี่ยนที่นั่งให้กับ passive crew ไปอยู่ที่ชั้นหนึ่ง แต่เจ้าหน้าที่แจ้งว่าได้ให้ที่นั่งชั้นหนึ่งกับผู้โดยสารไปหมดแล้ว
ดังนั้นจึงเกิดคำถามขึ้นมาว่า ในเมื่อผู้โดยสารรายหนึ่งที่ทำจดหมายร้องเรียนว่าไม่ได้รับบริการตามข้อตกลงตั้งแต่แรกกับการบินไทย หมายความว่าอย่างไร เพราะในเมื่อมีการเปลี่ยนชนิดของเครื่องบินในเที่ยวบินดังกล่าว แล้วเหตุใดผู้โดยสารที่ร้องเรียนจึงอ้างว่าผิดข้อตกลง ทั้งๆ ที่ผู้จัดการอาวุโสของเที่ยวบินนี้ได้ยืนยันในหนังสือชี้แจงว่า เป็นการย้ายที่นั่งในชั้นบริการตามตั๋วโดยสาร โดยมิได้มีการเพิ่มหรือลดสิทธิ์ใดๆ ของผู้โดยสาร
เท่าที่ติดตามสอบถามเรื่องราวนี้จากบุคคลหลายฝ่าย อาทิ กัปตันและนักบินของการบินไทย เจ้าหน้าที่ภาคพื้นดินของการบินไทยและแอร์โฮสเตส-สจ๊วตการบินไทย รวมถึงฝ่ายช่างบางรายในการบินไทยก็ทำให้ได้คำตอบเบื้องต้นว่า ปัญหานี้เกิดมาจากความไม่มีระบบ และความไม่เป็นมืออาชีพของการบินไทย หลายฝ่ายบอกว่าปัญหานี้ไม่ใช่ปัญหาใหญ่โตอะไรเลย หากทุกฝ่ายพูดจากันด้วยความเข้าอกเข้าใจ และทำความเข้าใจกับลูกค้าให้กระจ่างตั้งแต่แรก ปัญหาใดๆ ก็จะไม่เกิดขึ้น
ยังมีอีกสิ่งหนึ่งที่คนภายนอกการบินไทยสงสัยคือ ตกลงว่าเครื่องบินเที่ยวบิน TG 971 ลำที่เกิดปัญหานี้มีที่นั่งในชั้นหนึ่ง หรือFirst Class หรือไม่ หากมีที่นั่งชั้นหนึ่ง มีคำถามต่อไปว่า ขายที่นั่งในชั้นหนึ่งได้หมดหรือไม่ แล้วมีการปรับเลื่อนชั้นให้กับผู้โดยสารจากชั้นธุรกิจขึ้นไปอยู่ในชั้นหนึ่งหรือไม่ แต่ในเมื่อมีข้อมูลชัดเจนว่าเครื่องบินที่ใช้บินในวันดังกล่าวถูกเปลี่ยนแปลงแบบหรือชนิดของเครื่อง ซึ่งผู้ที่พอจะมีความรู้ในเรื่องเครื่องบิน Boeing 777-300 ER config. C42 Y 306 ของการบินไทย คงรู้ดีว่าเครื่องชนิดนี้ไม่ได้ทำที่นั่งชั้นหนึ่ง หรือ First Class เอาไว้ เพราะฉะนั้นหากลูกค้าคนใดอ้างว่าจองที่นั่ง First Class ไว้ตั้งแต่ต้นก็คงจะต้องกลับไปค้นหาความจริงว่าจองกับใคร และจองได้อย่างไร
อีกประเด็นที่น่าสนใจคือ จากจดหมายของผู้จัดการอาวุโสที่ระบุว่า มีความผิดพลาดในการสำรองที่นั่งให้กับนักบินที่จำเป็นต้องเดินทางกลับจำนวน 4 ท่าน จึงเกิดข้อผิดพลาดในการออกเลขที่นั่ง
ให้กับผู้โดยสาร
ประเด็นนี้น่าสนใจมาก เพราะนี่คือเครื่องยืนยันให้เห็นว่าเกิดความผิดพลาดในระบบการทำงานของการบินไทย (ทั้งนี้ผู้เขียนเองก็ประสบปัญหาความผิดพลาดของการบินไทยมาแล้วหลายครั้งตัวอย่าง เช่น ครั้งหนึ่งผู้เขียนเดินทางไปสกอตแลนด์ โดยถือตั๋วโดยสารของการบินไทย แต่เจ้าหน้าที่เช็คอินที่สนามบินสุวรรณภูมิซึ่งเป็นพนักงานของการบินไทย บอกว่าไม่สามารถ check throughกระเป๋าและสัมภาระของผู้เขียนไปยังสนามบินที่สกอตแลนด์ได้(Edinburgh Airport) แต่ต้องนำกระเป๋าออกที่สนามบิน Heathrow Airport ในกรุงลอนดอน แล้วจึงเช็คอินใหม่อีกครั้ง ทั้งๆ ที่ในความเป็นจริงสามารถ check through กระเป๋าได้ แต่เมื่อเกิดปัญหากับผู้เขียน ก็ไม่เห็นว่าการบินไทยจะแสดงความรับผิดชอบใดๆ แม้กระทั่งข้อผิดพลาดของ flight schedule ในระบบคอมพิวเตอร์ที่แจ้งการเดินทางของสายการบินภายในประเทศของการบินไทย จนทำให้ผู้เขียนพลาดเที่ยวบินเมื่อหลายปีก่อน ก็ไม่มีการรับชอบใดๆ จากการบินไทย แต่มีเพียงคำแก้ตัวที่ไร้ความรับผิดชอบว่า เป็นข้อบกพร่องของระบบคอมพิวเตอร์) และถ้ายิ่งได้อ่านข้อความในจดหมายดังกล่าวจะพบข้อความว่า “ท่านผู้โดยสารทั้งสองเข้าใจในเหตุผลเป็นอย่างดี พร้อมกล่าวว่า ถ้าขอร้องท่านแต่แรก ท่านก็ยินดีให้ความร่วมมือเป็นอย่างยิ่ง แต่ข้อความที่ท่านผู้โดยสารทั้งสองท่านได้รับจากเจ้าหน้าที่ภาคพื้นคือ“นักบินต้องการที่นั่งของท่าน ถ้าไม่เปลี่ยนที่นั่งเครื่องจะออกไม่ได้และขอร้องผู้โดยสารท่านอื่นแล้วไม่มีใครยอมเปลี่ยน” จากการสอบถามผู้โดยสารอีก 7 ท่านที่นั่งในโซน F ไม่มีท่านใดสำรอง/ระบุที่นั่งด้วยตัวเอง และไม่มีท่านใดได้รับการติดต่อจากเจ้าหน้าที่ในการขอเปลี่ยนที่นั่ง
มีคำถามว่า ตกลงแล้วเจ้าหน้าที่ภาคพื้นดินของการบินไทยที่ซูริคให้ข้อมูลอะไรที่เป็นประโยชน์กับลูกค้าบ้าง หรือว่าอ้างไปเรื่อยๆเพื่อเอาตัวรอดไปวันๆ เท่านั้น
ขอย้ำว่ากรณีเครื่องบินเที่ยวบินที่ TG 971 ที่กำลังเป็นข่าวในขณะนี้ เป็นเรื่องสำคัญที่ฝ่ายบริหารระดับสูงของการบินไทยจำเป็นต้องทำความกระจ่างให้เกิดขึ้นกับสังคมโดยเร็ว และต้องลงโทษผู้กระทำผิดในเหตุการณ์ครั้งนี้ด้วย หากผู้บริหารการบินไทยไม่สามารถทำความจริงเรื่องนี้ให้ปรากฏได้โดยเร็วแล้ว ก็หมายความว่าผู้บริหารการบินไทยระดับสูงก็ไร้ประสิทธิภาพเช่นกัน และถ้าหากผู้บริหารระดับสูงของการบินไทยไร้สมรรถภาพ และไร้ประสิทธิภาพ ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องบริหารการบินไทยต่อไป
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี