มีคำถามข้อหนึ่งในหมู่ประชาชนไทยที่สนใจการบ้านการเมืองคือ ระหว่างเสถียรภาพกับความชอบธรรมของรัฐบาล ประชาชนต้องการอะไรมากกว่ากัน
แน่นอนว่า ในหลักการปกครองตามแบบฉบับของเสรีนิยมประชาธิปไตยแล้ว ความมีเสถียรภาพกับความชอบธรรมของรัฐบาลย่อมต้องดำเนินไปด้วยกัน แต่ก็มีคำถามตามมาว่า แล้วสำหรับการปกครองที่อยู่ภายใต้อำนาจของรัฐบาลทหารเล่า ระหว่างเสถียรภาพกับความชอบธรรมของรัฐบาล อะไรสำคัญมากกว่ากัน
อย่างไรก็ตาม เราคงจะไม่กล่าวย้อนความไปถึงสาเหตุว่าเพราะอะไรบ้านเมืองของเราจึงเกิดการรัฐประหารขึ้นมา เพราะมันได้เกิดไปแล้ว แล้วเราก็อยู่กับมันมาแล้วเป็นเวลากว่า 4 ปี แต่ประเด็นที่เราน่าจะขบคิดกันก็คือตลอดระยะเวลากว่า 4 ปีมานี้ รัฐบาลทหารให้ความสำคัญกับประเด็นใดมากกว่ากัน ระหว่างเสถียรภาพกับความชอบธรรม
ประเด็นสำคัญอีกเรื่องหนึ่งที่เราควรจะช่วยกันคิดและหาคำตอบคือ ความมีเสถียรภาพของรัฐบาลเป็นสิ่งเดียวกับเสถียรภาพของประเทศชาติและประชาชนหรือไม่ ประเด็นที่น่าคิดต่อไปก็คือ การที่ในระยะสี่ปีเศษที่ผ่านมานั้น ไม่เกิดการชุมชุนประท้วงทางการเมืองครั้งใหญ่ในบ้านในเมืองของเรา จะถือว่าบ้านเมืองมีความสงบสุขโดยแท้จริง และผู้คนมีความสมัครสมานสามัคคีกันอย่างแท้จริง กระนั้นหรือ
มีหลายคนบอกตรงกันว่า สาเหตุที่พวกเขาไม่ต้องการลงไปประท้วงอยู่บนท้องถนนเหมือนที่ผ่านๆ มานั้น มิใช่เพราะเกรงกลัวอำนาจจากปากกระบอกปืน แต่เพราะต้องการให้เวลากับคณะรัฐประหารได้จัดการแก้ปัญหาที่หมักหมมในบ้านเมืองให้ทุเลาเบาบางไป โดยเฉพาะเรื่องการทุจริตคอร์รัปชั่นที่ฝังรากลึกมายาวนาน
แต่เมื่อเวลาผ่านพ้นไป ประชาชนจำนวนไม่น้อยต่างก็ให้ความเห็นตรงกันว่า ปัญหาทุจริตคอร์รัปชั่นมิได้ถูกกำจัดให้หมดสิ้นไปจากบ้านเมืองของเรา เพียงแต่เปลี่ยนตัวผู้ทุจริตคอร์รัปชั่นเท่านั้น และนี่คือบทสรุปเบื้องต้นว่า แม้ประชาชนจะยอมให้รัฐบาลทหารมีเสถียรภาพในการบริหารบ้านเมือง แต่ทว่าสุดท้ายแล้วรัฐบาลทหารก็มิสามารถสร้างความชอบธรรมใดๆ ขึ้นมาได้
ดังนั้น ยิ่งนานวันที่รัฐบาลทหารมีเสถียรภาพในการถือครองอำนาจรัฐ แต่ก็กลับมิได้ทำให้ประชาชนเกิดความเลื่อมใสศรัทธาในพฤติกรรมการใช้อำนาจรัฐ ซึ่งก็หมายความว่าความชอบธรรมในการใช้อำนาจรัฐเพื่อบริหารประเทศชาติกลับลดน้อยถอยลงไปทุกขณะ
เมื่อรัฐบาลทหารมีเสถียรภาพมากมาย แต่กลับไม่สามารถใช้อำนาจรัฐที่มีเพื่อสร้างให้ประชาชนเห็นและสัมผัสถึงความชอบธรรมได้ มันก็คือการผลักมิตรให้กลับกลายไปเป็นศัตรูโดยปริยาย
เพราะฉะนั้นจึงไม่เกินเลยไปที่ประชาชนจำนวนหนึ่งจะวิพากษ์รัฐบาลคสช.ว่า เมื่อมีอำนาจรัฐแล้ว แต่ไม่สามารถใช้อำนาจรัฐเพื่อสร้างความชอบธรรมให้บังเกิดในสังคมได้ ก็เท่ากับการฆ่าตัวตายด้วยมือของตัวเอง
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี