สัปดาห์สุดท้ายปลายปีจอ มีข่าวสัมพันธ์กับเบื้องแรกความวุ่นวายทางการเมืองในประเทศไทยและความชุลมุนวุ่นวายที่จะเกิดหลังจากการเลือกตั้งซึ่งจะมีในไม่กี่เดือนข้างหน้า ดังที่ได้ทำนายไว้หลายครั้งในเวลาสี่เดือนที่ผ่านมา แต่คำทำนายนี้มาจากความเข้าใจจากสิ่งที่ได้เห็นกับตา ไม่ใช่จากตำราโหราศาสตร์หรืออิทธิพลดาวดวงใด
คำทำนายที่ได้มาจากสิ่งที่รับรู้มา อาทิ เดือนเม.ย. ๒๕๖๐ หมุดคณะราษฎรอันตรธานไปจากลานพระบรมรูปทรงม้า วันที่ ๒๖ ธ.ค. ๒๕๖๑ ทำความสะอาดกวาดล้างสภาบนถนนอู่ทองใน ก่อนมอบพื้นที่คืนให้สำนักพระราชวัง คืนวันที่ ๒๗ ธ.ค. อนุสาวรีย์ปราบขบถหรืออนุสาวรีย์ปกป้องประชาธิปไตยหายไปจากวงเวียนหลักสี่ ๒๘ ธ.ค. มีรายงานข่าวในหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ ว่าอาจเลื่อนวันเลือกตั้งจาก ๒๔ ก.พ. ออกไปอีกหนึ่งเดือน
ปรากฏการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นล้วนมีส่วนสัมพันธ์กับการเปลี่ยนแปลงการปกครอง ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของความวุ่นวายตั้งแต่พ.ศ. ๒๔๗๕ เมื่อคณะผู้ก่อการขัดแย้งแตกแยกกันเอง ตั้งแต่วันแรกที่ยึดอำนาจจากพระมหากษัตริย์ ความขัดแย้งเริ่มจากที่นายปรีดี พนมยงค์ สอดแทรกแบบคอมมิวนิสต์ในร่างรัฐธรรมนูญปกครองฉบับชั่วคราว ประกอบกับความขัดแย้งเรื่องพระเกียรติและพระราชอำนาจของพระมหากษัตริย์ภายใต้รัฐธรรมนูญ เป็นเหตุให้พระองค์เจ้าวรเดช นำคณะกอบกู้ชาติทำการปฏิวัติในเดือนต.ค. ๒๔๗๖ แต่รัฐบาลปราบปรามได้สำเร็จ จึงกลายเป็นขบถวรเดช
อนุสาวรีย์ปราบขบถที่สร้างไว้ในวงเวียนหลักสี่ ที่เคยเป็นสมรภูมิรบราฆ่าฟันกันเองของสายเลือดไทยซึ่งเหมือนเป็นสัญลักษณ์ของความขัดแย้ง เมื่อหมุดคณะราษฎรและอนุสาวรีย์ปราบขบถถูกรื้อถอนออกไป จะเป็นลางร้ายหรือดี ต่อสังคมไทย เพื่อความสบายใจจึงได้สอบถามความเป็นไปของชะตาบ้านเมืองกับอาจารย์ภิญโญ พงศ์เจริญ นายกสมาคมโหราศาสตร์นานาชาติ ที่บอกว่าดาวพฤหัสอยู่ในราศีพิจิกโคจรเข้าสู่เรือนมรณะ ประกอบกับดาวมฤตยูเทพ(๐) แห่งการเปลี่ยนแปลงโคจรอยู่ตรงกับราศีเมษทับลัคนาเมืองและอาทิตย์(๑) ตนุเศษในดวงเมือง
“..สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นไปตามกฎเกณฑ์การเปลี่ยนแปลง และหลังการเลือกตั้งการเมืองจะเกิดความวุ่นวายขณะฟอร์มรัฐบาล อย่างไรก็ตามหลังเดือนต.ค. ไปแล้ว ดวงชะตาเมืองดีขึ้น บ้านเมืองจะสงบปราศจากความวุ่นวาย..” เมื่อฟังข่าววิทยุ ๙๖.๕ อสมท ที่อ้างคำทำนายไพ่ยิปซีของนายขุนทอง อสุนี “ว่าการเลือกตั้งต้องเลื่อนออกไปแน่นอน” นอกจากนั้นคำทำนายของฟองสนาน จามรจันทร์ ก็กล่าวถึงความวุ่นวาย การเลือกตั้งต้องเลื่อนออกไปและนักโหราศาสตร์ส่วนใหญ่กล่าวถึงอิทธิพลดาวมฤตยู ส่งผลให้เกิดความวุ่นวายทั้งก่อนและหลังเลือกตั้ง
ผู้เขียนไม่ลึกซึ้งในสิ่งที่โหราศาสตร์ทำนายเพราะไม่สันทัดภาษาที่หมอดูใช้แต่ที่ต้องถามหมอดู เพราะจู่ๆ มีข่าวแพร่สะพัดว่าอาจเลื่อนวันเลือกตั้งออกไปหนึ่งเดือน เนื่องจากว่า กกต. พิมพ์บัตรเลือกตั้งที่แตกต่างกันทั้ง ๓๕๐ เขต ไม่ทันวันที่ ๒๔ ก.พ. และทันทีที่ข่าวนี้ออกมา พรรคการเมืองดาหน้ากันออกมาโวยวายกล่าวหาว่า กกต ยืดเวลาเลือกตั้งออกไป เพื่อช่วยเหลือพรรคพลังประชารัฐ พรรคเพื่อไทยถึงกับกล่าวหาว่า คสช. เตรียมประกาศมาตรา ๔๔ ช่วยเหลือพรรคพลังประชารัฐโกงเลือกตั้ง โฆษกรัฐบาลรีบออกมายืนยันว่าวันเลือกตั้งยังเป็น ๒๔ ก.พ. รองเลขาฯ กกต. ชี้แจงว่าการกำหนดวันเลือกตั้งเป็นหน้าที่ของ กกต. แต่ยังไม่ได้เคาะวันเลือกตั้ง เพราะมีตัวแปรหลายอย่างต้องนำมาประกอบการพิจารณา
การโวยวายแบบไม่รู้เหนือรู้ใต้ของนักการเมืองทั้งหลาย จึงตรงกับที่หมอดูทั้งหลายทำนายว่าจะเกิดความวุ่นวายทั้งก่อนและหลังเลือกตั้ง โดยส่วนตัวไม่เชื่อว่าความวุ่นวายเกิดจากอิทธิพลของดาวมฤตยูหรือดาวดวงไหน แต่เชื่อว่าความวุ่นวายเกิดขึ้นได้เพราะความไร้วุฒิภาวะของทุกฝ่าย เพราะเพียงแต่มีรายงานข่าว ก็โวยวายกันเอาเป็นเอาตาย
เรื่องวันเลือกตั้งฝ่ายการเมืองพูดเองเออเองตลอดมา ถ้าพิจารณาตามความจริงจนถึงวันนี้ยังไม่เคยมีใครพูดว่าการเลือกตั้งเป็นวันที่ ๒๔ ก.พ. มีแต่พูดว่าการเลือกตั้งเป็นไปตามโรดแมป ถ้าว่ากันตามรัฐธรรมนูญ ตามกม.เลือกตั้งที่ประกาศใช้และมีผลตาม กม.แล้ว วันเลือกตั้งเร็วที่สุดที่น่าจะทำได้คือวันที่ ๒๔ ก.พ. และช้าที่สุดคือวันที่ ๙ พ.ค. ๒๕๖๒ แต่การพูดจาที่เต็มไปด้วยสำนวนโวหารของรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายกฎหมายทำให้ทุกฝ่ายสรุปเอาว่า ๒๔ ก.พ. คือวันเลือกตั้ง หัวเด็ดตีนขาดอย่างไรก็เลื่อนไม่ได้ ผิดจาก ๒๔ ก.พ. ประเทศจะลุกเป็นไฟ เศรษฐกิจจะเสียหาย ต่างชาติจะขาดความไว้วางใจ ความน่าเชื่อถือของ คสช. จะหมดไป กกต. จะไม่เป็นที่ไว้วางใจของประชาชน ฯลฯ
และเมื่อ กกต. ผู้มีอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายในการกำหนดวันเลือกตั้ง ชี้แจงว่าพระราชกฤษฎีกาเลือกตั้งยังไม่ประกาศใช้การกำหนดวันเลือกตั้งยังมีตัวแปรหลายอย่างต้องนำมาประกอบการพิจารณา นักการเมืองจากพรรคเพื่อไทยก็โวยวายกล่าวหาว่า กกต. ยื้อการเลือกตั้งออกไปเพื่อช่วยพรรคพลังประชารัฐ นักการเมืองเปรียบเหมือนนักกีฬาที่ส่งทีมลงทำการแข่งขัน แต่เมื่อนักกีฬาไม่รับฟังกติกา ไม่เชื่อฟัง กกต. ซึ่งเป็นกรรมการ กล่าวหาใส่ร้ายกรรมการตั้งแต่ก่อนลงสนามเป็นเช่นนี้หมอดูไม่ต้องใช้ตำราใดๆ ก็ทำนายได้ว่าการเลือกตั้งครั้งต่อไปจะเกิดความวุ่นวาย ตั้งแต่ก่อนเลือกตั้งถึงจนวันฟอร์มรัฐบาลและการเมืองอาจวุ่นวายจนต้องยุบสภา
ที่ กกต. ชี้แจงว่ายังมีตัวแปรหลายอย่างต้องนำมาประกอบการพิจารณา ตัวแปรหรือปัจจัยบางอย่างอาจอยู่นอกเหนือการควบคุมของ กกต. แต่มีตัวแปรอันหนึ่งที่สำคัญและเป็นเหตุให้สภาชุดใหม่เริ่มต้นด้วยความชุลมุนวุ่นวาย นั้นคือที่ทำงานของสมาชิกรัฐสภา สภาซึ่งเป็นต้นน้ำกระบวนการปกครองในระบอบประชาธิปไตย ที่เมื่อเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) เสร็จแล้ว สส.ต้องประชุมเลือกประธานสภา ต่อด้วยการประชุม สส.เพื่อเลือกนายกรัฐมนตรี ให้ผู้ที่ได้รับเลือกเป็นนายกฯไปรวบรวมพรรคการเมืองร่วมจัดตั้งรัฐบาล
ในอดีตฝ่ายการเมืองเคยใช้พระที่นั่งอนันตสมาคมเป็นที่ประชุมสภา ตั้งแต่เปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ. ๒๕๗๕ ซึ่ง เวลานั้นมี สส. เพียงสองประเภทรวมกันเพียง ๑๕๖ คน ถึงพ.ศ. ๒๕๑๓ เมื่อมี สส. เพิ่มขึ้นตามจำนวนประชากรเป็น ๓๒๐ คน รัฐบาลยุคนั้นได้ขอพระราชทานที่ดินหลังพระที่นั่งอนันตสมาคมบนถนนอู่ทองใน สร้างสภาแห่งใหม่ซึ่งแล้วเสร็จใช้เป็นที่ประชุมได้ในปี ๒๕๑๗ ตั้งแต่นั้นมา ฝ่ายการเมืองใช้เขตพระราชฐานเป็นที่ทำงานเป็นที่ประชุมรัฐสภา ที่เต็มไปด้วยความวุ่นวายทั้งในและนอกสภาเป็นเวลา ๔๔ ปี
วันที่ ๘ มิ.ย. ๒๕๕๖ บริษัทซิโนไทยเป็นผู้ดำเนินการก่อสร้าง ได้ลงเสาเข็มเริ่มทำการก่อสร้างรัฐสภาแห่งใหม่บนที่ดินราชพัสดุที่เกียกกาย ซึ่งเดิมต้องแล้วเสร็จภายในวันที่ ๒๔ พ.ย. ๒๕๕๘ แต่โครงการได้ล่าช้าออกไป เนื่องจากปัญหาการส่งมอบพื้นที่และการปรับรายละเอียดแบบก่อสร้างในบางส่วนโดยคาดว่าจะแล้วเสร็จในเดือน ก.พ. ๒๕๖๑ แต่เมื่อต้นปี ๒๕๖๑ บริษัทซิโนไทยแจ้งสำนักงานเลขาธิการสภาว่าห้องประชุมสุริยันและห้องประชุมจันทรา ซึ่งใช้เป็นที่ประชุม สส. สว. จะแล้วเสร็จส่งมอบงานได้วันที่ ๓๐ มิ.ย ๒๕๖๒
วันที่ ๓๑ ธ.ค. ๒๕๖๑ สภาถนนอู่ทองในได้มอบคืนพื้นที่ให้สำนักราชวังไปแล้ว จึงมีคำถามว่าถ้าเลือกตั้ง ๒๔ ก.พ. เลือกตั้งเสร็จ สส. สว.จะทำงานตามกระบวนการประชาธิปไตยอย่างไรจะประชุมสภากันที่ไหน ในเมื่อสภาแห่งใหม่อาจใช้เป็นสถานที่ประชุมได้หลังวันที่ ๓๐ มิ.ย. ๒๕๖๒ การก่อสร้างสภาซึ่งล่าช้าไปสามปีเป็นข้อบกพร่องของใคร ทำไมไม่มีหน่วยงานไหนเร่งรัดให้ผู้รับเหมาก่อสร้างส่งมอบงานได้ตามสัญญา ทั้งๆที่ทุกฝ่ายตระหนักว่าต้องมอบคืนพื้นที่บนถนนอู่ทองในเมื่อไหร่
นี้คือสิ่งที่ทำนายว่าหลังเลือกตั้งจะเกิดความชุลมุนวุ่นวาย ทั้งจากการเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่และวุ่นวายเรื่องสถานที่ประชุมสมาชิกรัฐสภา แต่ถ้าเลื่อนวันเลือกตั้งไปถึงปลายเดือนเมษายน ตามกระบวนการเลือกตั้งและตามกม. กกต. ต้องรับรองผลการเลือกตั้งทั้งหมดให้ได้ภายใน ๖๐ วัน ซึ่งทันการใช้สภาแห่งใหม่ในเดือน ก.ค. ๒๕๖๒
นักการเมืองเอาแต่เร่งรัดให้เลือกตั้งเร็ววัยแล้วหวังแก้ปัญหาภายหน้า โดยอ้างว่าเช่าสถานที่เอกชนเป็นที่ประชุมชั่วคราวไปก่อนได้ อย่าลืมว่าพระราชพิธีเปิดสภาต้องทำตามโบราณราชประเพณีและต้องสมพระเกียรติต่อผู้เสด็จเป็นองค์ประธาน เพื่อให้การประชุมสภาเป็นพิธีกรรมศักดิ์สิทธิ์อยู่คู่กับการปกครองระบอบประชาธิปไตย เลื่อนการเลือกตั้งออกไปสักเดือนสองเดือนคงไม่เป็นไร เพื่อให้รัฐสภาลดความวุ่นวายและอยู่ได้อย่างยั่งยืน
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี