วันอังคาร ที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568
พฤติกรรมของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ กับ นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ที่โทรศัพท์ไปจิกหัวนายอนุทิน ชาญวีรกูล ถึงกรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน ในขณะที่นายอนุทินในฐานะนายกรัฐมนตรีเกียรติยศ ตามเสด็จพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว พระมหากษัตริย์ไทย เสด็จฯเยือนจีนเพื่อเจริญสัมพันธ์ไมตรีครั้งประวัติศาสตร์กับสาธารณรัฐประชาชนจีน
พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี ได้รับการต้อนรับอย่างยิ่งใหญ่สมพระเกียรติที่ไม่มีครั้งไหนเทียบเท่าในประวัติศาสตร์ยุคใหม่ของจีน การเสด็จฯเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีน เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของพระมหากษัตริย์ไทย เป็นไปเพื่อเจริญสัมพันธไมตรีทางประวัติศาสตร์ วัฒนธรรมและศาสนา โดยไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆในทางการเมือง ให้ระคายเคืองใต้เบื้องพระยุคลบาท
แต่น่าเสียใจ และน่าเสียดายที่มีผู้ไร้รากฐานอารยธรรม และไร้มารยาททางการทูตอย่าง นายโดนัลด์ ทรัมป์ และนายอันวาร์ ฮิบราฮิม อดีตนักโทษติดคุกในคดีร่วมเพศกับคนเพศเดียวกัน ถึงกับไร้มารยาทโทรศัพท์ไปจิกหัวนายอนุทินให้คืนดีกับเขมรระยำให้ได้
การโทรศัพท์ไปหานายกรัฐมนตรีเกียรติยศ ในขณะที่มีภารกิจตามเสด็จพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวของชาติไทย ถือเป็นการเสียมารยาททางการทูตอย่างร้ายแรง และเป็นการแสดงอำนาจบาตรใหญ่อย่างไม่รู้กาลเทศะ เนื่องจากนายอันวาร์ ใช้ฐานะประธานหมุนเวียนอาเซียนกดดันนายอนุทิน ซึ่งผิดหลักการอาเซียนที่ไม่แทรกแซงกิจการภายในประเทศสมาชิกด้วยกัน นอกจากนั้น นายอันวาร์ ยังแทรกแซงกิจการภายในของไทย ในขณะที่นายอนุทินทำภารกิจในฐานะนายกรัฐมนตรีเกียรติยศของราชวงศ์ไทย
ส่วนประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ นอกจากแสดงอำนาจบาตรใหญ่ใส่นายกรัฐมนตรีไทยแล้วยังแสดงอาการอิจฉาตาร้อนออกนอกหน้า ที่ประเทศไทยมีความสัมพันธ์ชั้นสูงสุดกับสาธารณรัฐประชาชนจีน และแสดงท่าทีเยาะเย้ยจีนในทำนองว่า ข้าสามารถจิกหัวนายกรัฐมนตรีไทย ให้คืนดีกับนายกรัฐมนตรีกัมพูชา ผู้พยายามตีตัวออกห่างจากปักกิ่งมาซบวอชิงตันได้
นายทรัมป์ เยาะเย้ยจีน เพราะรู้อยู่เต็มอกการพูดโทรศัพท์กับนายกรัฐมนตรีไทยขณะที่อยู่ในกรุงปักกิ่ง ไม่ต่างอะไรกับพูดให้ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ฟัง เพราะการสื่อสารจากวอชิงตันไปปักกิ่งนั้น แม้แต่ลมหายใจยังได้ยินไปถึงมหาศาลาประชาคมจีน
จีนกับประเทศไทยมีประวัติศาสตร์และอารยธรรมร่วมกันมานานกว่า 700 ปี จีนคงไม่ตอบโต้นายอันวาร์ที่เพิ่งออกจากคุกมาไม่ถึงสามปี และ ในเวลาเดียวกัน จีนคงไม่ตอบโต้สหรัฐอเมริกา ประเทศที่คนร้อยพ่อพันแม่จากทุกมุมโลกมารวมกัน เป็นสหรัฐอเมริกาโดยไร้รากฐานทางวัฒนธรรม เป็นเหตุให้ผู้นำไร้มารยาทขาดอารยธรรม
ส่วนการสนองตอบต่อการไร้มารยาทขาดอารยธรรมของ นายทรัมป์ และนายอันวาร์ ของนายอนุทินเป็นอย่างไรเชิญอ่านได้จากเฟซบุ๊ก ของ นายเกษม อัชฌาสัย สื่ออาวุโสอดีตศิษย์เก่า หม่อมราชวงศ์ คึกฤทธิ์ ปราโมช แห่งสยามรัฐ นายเกษม โพสต์เฟซบุ๊กว่า..
ข้อสังเกตวันนี้ (16 พฤศจิกายน 2568) ถูกต้องที่ “อนุทิน”เลิกทำตัวเป็นไก่รองบ่อนกรณีไทยโดยนายกรัฐมนตรี อนุทิน ชาญวีรกูล “ยกเลิก” ปฏิญญาสันติภาพ “ไทย-กัมพูชา” เพราะกัมพูชาไม่เลิกการวางระเบิดที่พรมแดนอันเป็นการล่วงละเมิดซ้ำซาก ทำให้ทหารไทยบาดเจ็บขาขาดอีก
นับเป็นความเด็ดขาดที่ถูกต้อง หลังจากที่ไทยทำตัวเป็นไก่รองบ่อนตลอดมานับตั้งแต่นายกรัฐมนตรีรักษาการ “ภูมิธรรม เวชยชัย”จับมือกับนายกรัฐมนตรีกัมพูชา “ฮุน มาเนต”ตกลงหยุดยิงเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 ชัดเจนว่า กัมพูชายังไว้ใจไม่ได้ ด้วยต้องการสร้างหลักฐาน หากไทยโจมตีตอบโต้รุนแรงเพื่อนำไปฟ้องร้องเป็นศาลยุติธรรมระหว่างประเทศให้ได้
ดีที่กองทัพไทยพยายามหลีกเลี่ยง ไม่ถลำลงลึกสู่ “กับดัก” นั้น เพียงโจมตีตอบโต้อย่างสมน้ำสมเนื้อ มิได้รุนแรงเกินเหตุแต่ก็พร้อมมากๆ ที่จะรบต่อ ซึ่งใคร่ยืนยันซ้ำ ในฐานะคนไทยว่า กระทำได้ถูกต้องแล้ว
พฤติกรรมที่ฉ้อฉลของกัมพูชาคราวนี้ กระทรวงการต่างประเทศของไทยเราทันเกมดี ที่ได้เชิญคณะทูตต่างชาติมาแจกแจงทำความเข้าใจโดยพลันว่า ระเบิดบกหรือทุ่นระเบิดนั้นเป็น “ของใหม่” มิใช่ “ของเก่า”ตามที่กัมพูชากล่าวอ้างและสื่อมาเลเซียก็พลอยเชื่อตามไปด้วย ในที่สุดก็ต้องแก้ไขในภายหลังเพราะความละอายใจที่ยังมีจรรยาบรรณอยู่บ้าง
ในที่สุดการที่ไทยยกเลิกปฏิญญาสันติภาพ ก็ทำให้ประธานาธิบดีสหรัฐ “โดนัลด์ทรัมป์” และนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย “อันวาร์อิบราฮิม” ต้องออกโรงอีกครั้ง พยายามตะล่อมให้ไทยรอมชอมกับกัมพูชา ขณะที่มีข่าวว่าทางการสหรัฐขู่ไทยจะไม่เจรจาด้วยเพื่อลดภาษีตอบโต้
ดีที่นายกรัฐมนตรีไทย “อนุทินชาญวีรกูล” คราวนี้มาใน “มาดเข้ม” ยืนยันให้กัมพูชารับผิด วางระเบิดทำทหารไทยขาขาด ไม่ต้องการมีความสัมพันธ์ใดๆ กับเขมร เพื่อนบ้านที่ไม่มีความจริงใจและคอยคุกคามอธิปไตยของไทยอยู่ตลอด
ล่าสุด เมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมานี้“อนุทิน” (ซึ่งตามเสด็จฯอยู่ในจีน) โพสต์ลงสื่อสังคมว่าได้คุยกับ“ทรัมป์”แล้วว่าจะไม่เอากรณีที่ไทยยกเลิกปฏิญญาสันติภาพมาเกี่ยวข้องกับการเจรจาภาษีตอบโต้ ตามที่มีข่าว
แถมยังยืนยันว่า ทั้ง “ทรัมป์”และ “อันวาร์”หนุนให้เก็บทุ่นระเบิดโดยเร็วที่สุด ท่าทีของนายกฯ “อนุทิน”ที่แข็งกร้าวคราวนี้ ทางกัมพูชาจะ “ตอแหล” อย่างไรอีกก็จะต้องรอดูกันต่อในวัน-สองวันนี้แหละครับ
คอลัมน์ ทวนกระแสข่าว เห็นด้วยกับพี่เกษมทุกประการแต่ยังมีข้อสงสัยว่า กัมพูชาวางระเบิดเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจจากที่ถูกสหรัฐ และนานาชาติกดดันเตรียมปฏิบัติปราบปรามสแกมเมอร์ ในกัมพูชาอย่างจริงจังหรือไม่ ส่วนนายอันวาร์ก็สนับสนุนการเบี่ยงเบนประเด็นของกัมพูชา เนื่องจากว่าผลประโยชน์มาเลเซียมหาศาลในกัมพูชา นายอันวาร์จึงใช้สถานะประธานหมุนเวียนอาเซียนประคับประคองอำนาจตระกูลฮุนให้อยู่ได้ตราบใดมียังมีผลประโยชน์ร่วมกัน
สุทิน วรรณบวร
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี