หลายคนวิตกว่าการหาเสียงชิงตำแหน่ง สส. ในการเลือกตั้งที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้ อาจจะนำไปสู่ความไม่สงบสุขของผู้คนในสังคมไทย สาเหตุที่ทำให้เกิดความไม่สงบสุข ก็เนื่องมาจากอาจจะมีนักการเมืองบางรายหาเสียงด้วยการปลุกระดม และยั่วยุให้ประชาชนเกิดความแตกแยก แบ่งเป็นฝักเป็นฝ่าย เพราะนักการเมืองไทยจำนวนไม่น้อยใช้กลอุบายพูดจาหาเสียงด้วยข้อความที่ไม่ตรงกับข้อเท็จจริง และบางคนก็มีเจตนาก่อให้เกิดความแตกแยกร้าวฉานในหมู่ประชาชน
ล่าสุดเมื่อวันที่ 3 มกราคม 2562 นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวว่าได้หารือกับคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ในประเด็นการกำหนดวันเลือกตั้งทั่วไป เพื่อมิให้ทับซ้อนกับพระราชพิธีบรมราชาภิเษก โดยการพิจารณากำหนดวันเลือกตั้งจะต้องพิจารณาถึงประเด็นความเหมาะสมกับสถานการณ์ และทุกอย่างจะต้องสอดคล้องกับข้อกำหนดในรัฐธรรมนูญ แต่อย่างไรก็ตาม ผู้ที่จะพิจารณาเรื่องนี้คือ กกต. แต่ไม่ว่าจะกำหนดวันเลือกตั้งเป็นวันใดก็ตาม ทุกอย่างก็ต้องเป็นไปตามกรอบเวลาเดิมคือภายใน 150 วัน แต่ต้องไม่เกินวันที่ 9 พฤษภาคม 2562 และจะต้องประกาศผลการเลือกตั้งภายในเวลา 60 วัน หลังจากวันเลือกตั้ง และหลังจากประกาศผลการเลือกตั้งแล้ว จะต้องเปิดประชุมสภาผู้แทนราษฎรภายใน 15 วัน
สาระสำคัญที่วิญญูชนให้ความสนใจในเรื่องการเลือกตั้ง มิได้อยู่ที่ประเด็นว่าใครจะแพ้หรือจะชนะ เพราะวิญญูชนเชื่อว่านักการเมืองหน้าเก่าชนิดที่เต็มไปด้วยตราบาปจะยังคงสามารถเข้าไปกินตำแหน่ง สส. ได้มากกว่านักการเมืองหน้าใหม่ แต่มีเรื่องหนึ่งที่วิญญูชนหนักใจมากที่สุดคือ ในช่วงก่อนการเลือกตั้งนั้น นักการเมืองโดยเฉพาะจำพวกนักเลือกตั้งจะต้องสร้างวิวาทะการเมืองที่เต็มไปด้วยข้อความเท็จ และต้องทำสงครามน้ำลายสาดใส่กันอย่างบ้าคลั่ง เพราะต้องการทำลายล้างกันและกันให้สิ้นสลายมลายไป
วิญญูชนได้ประจักษ์มาแล้วว่า นักเลือกตั้งสามารถทำให้ผู้คนในสังคมเกิดความแตกแยกร้าวฉาน แบ่งเป็นฝักเป็นฝ่าย แล้วเผชิญหน้าห้ำหั่นกันอย่างเอาเป็นเอาตายโดยไม่สนใจความเป็นพี่น้องร่วมชาติกันแม้แต่น้อย เพราะวิญญูชนได้เห็นมาแล้วว่านักปลุกระดมมวลชนจำนวนหนึ่งได้อาศัยการเลือกตั้งเป็นบันไดเข้าไปสู่การเป็น สส. และได้เป็นรัฐมนตรีที่ไร้สติปัญญาและไร้ความสามารถ แต่เต็มไปด้วยความน่าขยะแขยงอย่างสุดจะพรรณนา
นี่คือความวิตกกังวลของวิญญูชนที่ประจักษ์ชัดในความเลวทรามสามานย์ของนักเลือกตั้ง และด้วยความหวาดวิตกดังกล่าวนี้ จึงทำให้ผู้คนจำนวนไม่น้อยในสังคมพากันลงความเห็นว่ายังไม่อยากจะให้มีการเลือกตั้ง เพราะเกรงว่าจะเป็นชนวนให้สังคมไทยเกิดความแตกแยกระส่ำระสายขึ้นมาอีก
แน่นอนว่า วิญญูชนมิได้มองว่าการเลือกตั้งเป็นสิ่งชั่วช้าเลวร้าย แต่มองเห็นตรงกันมาโดยตลอดว่า นักเลือกตั้งคือสิ่งเลวร้าย แล้วก็มองเห็นมาโดยตลอดอีกด้วยว่า นักเลือกตั้งพยายามฉวยโอกาสก่อนการเลือกตั้งเพื่อสร้างวาทกรรมการเมือง สร้างความร้าวฉานในหมู่ประชาชน และใช้วาทกรรมการเมืองเป็นเครื่องมือนำพาตนเองขึ้นไปมีอำนาจรัฐเพื่อกอบโกยและโกงบ้านกินเมือง
ขอย้ำอย่างหนักแน่นว่าวิญญูชนมิได้รังเกียจหรือต่อต้านการเลือกตั้ง หากการเลือกตั้งนั้นบริสุทธิ์และยุติธรรมโดยแท้จริง แล้วก็ย้ำว่าไม่ได้สนับสนุนการก่อรัฐประหารเพื่อแสวงหาอำนาจรัฐ แต่ขอยืนยันว่ารังเกียจนักเลือกตั้งที่ใช้การเลือกตั้งเป็นเครื่องฟอกตัว แล้วเข้าไปเสพอำนาจรัฐ เพราะที่ผ่านมานั้น การเลือกตั้งถูกใช้เป็นเครื่องมือของโจรในการเข้าไปปล้นชิงทรัพยากรของแผ่นดินมาหลายยุคหลายสมัยแล้ว
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี