ออกแล้ว พ.ร.ฎ.ให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นการทั่วไป พ.ศ.2562 เมื่อวานนี้ หลังจากนี้เริ่มนับหนึ่งได้ ..
พลเอกประยุทธ์กล่าวว่า “อันแรกพรรคการเมืองต้องมาเชิญผมก่อน และผมจะตอบรับใครหรือเปล่าก็ต้องคิดดู ถ้าคิดว่าจะต้องอยู่ต่อเพื่อทำงานต่อ ก็คงต้องอยู่พรรคใดพรรคหนึ่งทั้งนี้จะต้องเป็นพรรคที่ทำงานด้วยความตั้งใจ เสียสละอย่างแท้จริง และทำให้บ้านเมืองเปลี่ยนแปลงในวันข้างหน้า ไม่ใช่ไปล้มล้างทุกอย่างที่ทำมาทั้งหมด มันเสียเวลาเปล่า มีหลายอย่างที่สำเร็จมา”
ภายหลังจากที่พลเอกประยุทธ์ประกาศเล่นการเมือง ก็มีการประกาศใช้พระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกตั้งเมื่อวานทันที เท่ากับว่าตอนนี้ประเทศไทยเดินหน้าสู่การเลือกตั้งอย่างเป็นทางการแล้ว
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ก็มีสัญญาณหลายอย่างว่าจะมีการประกาศ พ.ร.ฎ. เลือกตั้งออกมาเร็วๆ นี้อยู่แล้ว จึงมีการตั้งคำถามกันว่า การออกมาประท้วงของกลุ่มคนอยากเลือกตั้งในสัปดาห์ที่ผ่านมาว่าต้องการอะไร?
การเคลื่อนไหวของกลุ่มคนอยากเลือกตั้งในสัปดาห์ที่แล้วนับว่าเป็นประเด็นที่ทุกฝ่ายน่าจะจับตามองด้วยท่าทีที่ต่างกันออกไปทั้งในแง่บวกและลบ โดยบางกลุ่มเห็นว่าเป็นเรื่องดีที่ประชาชนให้ความสนใจกับการเลือกตั้งและยังคงศรัทธาในระบอบประชาธิปไตย ในขณะที่บางฝ่ายก็มองปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นเช่นนี้ว่าจะนำมาสู่วังวนของความขัดแย้ง ซึ่งเป็นการปะทะระหว่างสองขั้วอุดมการณ์ที่อาจไม่ใช่ขั้วเดิม เมื่อเราได้เห็นฝ่ายหนึ่งออกมาชุมนุมประท้วงเรียกร้องวันเลือกตั้ง ที่ดูๆ แล้วคลับคล้ายคลับคลากับม็อบเสื้อแดงหรือไม่? ทั้งสีที่ใช้และผู้ชุมนุมบางคนที่ดูคุ้นหน้าคุ้นตา ในขณะที่คู่ขัดแย้งแบบเผชิญหน้ากลับไม่ใช่คู่ขัดแย้งเดิม แต่กลายเป็นผู้กำหนดกติกาที่ถูกโจมตีว่า กำลังประวิงเวลาไม่ยอมประกาศอะไรให้ชัดเจนก่อนหน้านี้ จนมีคนตั้งข้อสงสัยว่ากำลังแสวงหาประโยชน์จากช่วงเวลาที่เลื่อนที่ผ่านมานี้หรือไม่? อย่างไรก็ตาม สังคมก็ยังสงสัยกันอยู่ไม่น้อยว่า ประเด็นเรื่องการเลื่อนเลือกตั้งมีน้ำหนักมากขนาดต้องเอามาใช้เป็นมูลเหตุของการชุมนุมเลยหรือ? เพราะแม้ในวันนี้จะยังไม่มีการประกาศวันที่ชัดเจนในช่วงก่อนหน้า แต่เมื่อมองถึงความเป็นไปได้ตลอดจนคำสัมภาษณ์ของนายกฯเอง ก็น่าจะคาดเดาได้อยู่แล้วว่าการเลือกตั้งจะเกิดขึ้นภายในเดือนมี.ค.นี้ เพราะทุกอย่างจะต้องแล้วเสร็จในเดือนพฤษภาคม ดังนั้น เหตุใดจึงยังจะต้องมีการชุมนุมอีก? เป้าที่แท้จริงคืออะไรกันแน่?
ด้วยเหตุนี้เองจึงมีการมองว่า การออกมากดดันรัฐบาลของกลุ่มคนอยากเลือกตั้งอาจมิใช่แค่การชุมนุมเรียกร้องเพียงแต่ผิวเผิน ทั้งนี้เพราะหลายคนเริ่มสังเกตเห็นว่า การเคลื่อนไหวของกลุ่มม็อบดังกล่าวได้ดำเนินการควบคู่ไปกับวาทะและการให้สัมภาษณ์ของพรรคฝ่ายตรงข้าม คสช. อย่างเป็นจังหวะจะโคน จนสะท้อนให้เห็นถึงนัยการผนึกกำลังเพื่อแบ่งแยกคนว่าเป็นฝั่ง “ประชาธิปไตย และฝั่ง “เผด็จการ” ไว้ใช้โจมตีพรรคคู่แข่ง อนึ่ง มีคนตั้งข้อสังเกตว่า แกนนำม็อบกลุ่มนี้บางคนมีเบื้องหลังที่มีความเกี่ยวพันกับพรรคการเมืองตรงข้าม คสช. หรือไม่? รวมไปถึงบางคนที่เป็นอดีตผู้ชุมนุมเสื้อแดง และบางคนก็มีความเกี่ยวพันกับการคัดค้าน ม.112 ด้วยหรือไม่?
อะไรคือสิ่งยืนยันว่าพรรคเพื่อไทย คนเสื้อแดง กลุ่มคนอย่างเลือกตั้งและทักษิณเป็นอิสระจากกัน?
อย่างไรก็ตาม นอกจากประชาชนจะไม่ได้รับความกระจ่างในเรื่องนี้แล้ว การกระทำของทั้งพรรคเพื่อไทยและกลุ่มคนอยากเลือกตั้งยังถูกมองอย่างเหมารวมมากขึ้นไปอีก เพราะเป็นช่วงเดียวกับที่พรรคเพื่อไทยเปิดตัวนายชัชชาติในฐานะหนึ่งในผู้ที่คาดการณ์ว่าพรรคจะเสนอเป็นนายกฯในนามเพื่อไทย และการจัดรายการ Good Monday ของทักษิณที่กำลังถูกมองว่าเข้าข่ายการช่วยหาเสียง ซึ่ง กกต. คงต้องติดตามต่อไป และทั้งหมดนี้เป็นไปได้หรือไม่ว่าดำเนินการผ่านความต้องการของทักษิณเพื่อเตรียมอะไรบางอย่าง
ทั้งนี้ คนที่ถูกมองว่ากำลังหาประโยชน์จากการเลื่อนเลือกตั้งในช่วงที่ผ่านมาคือ ฝั่งผู้กำหนดกติกาอย่างรัฐบาลเองและพรรคพลังประชารัฐหรือไม่? ตลอดจนถึงคำถามเกี่ยวกับ 4 รัฐมนตรีของพรรคพลังประชารัฐว่าจะดำเนินการในสถานะของตัวเองยังไงต่อไป? เพราะกำลังถูกมองว่าใช้ความได้เปรียบของการเป็นรัฐบาลมาสร้างความได้เปรียบในเวทีการเมือง หรือบางคนอาจมองเลยไปถึงการขัดกันของผลประโยชน์หรือไม่? เพราะการดำเนินงานของรัฐมนตรีหลายครั้ง มีลักษณะใกล้เคียงกับการหาเสียง การลงพื้นที่พบปะประชาชนที่ไม่ได้ทำอย่างสม่ำเสมอ ตลอดจนการเร่งเดินหน้านโยบายเติมเงินเข้าบัตรคนจนอีก 200 บาทที่พึ่งมีการเห็นชอบให้ทบทวนเมื่อวันที่ 15 ม.ค. ที่ผ่านมา เหล่านี้จะไม่เป็นอะไรเลย หาก 4 รมต. ไม่ได้เป็นแกนนำของพรรคการเมืองที่ตั้งใหม่ และหากนายกฯประกาศไม่เกี่ยวข้องกับพรรคการเมืองใดหลังจากนี้
ทั้งนี้ หากสิ่งที่ประชาชนกำลังสงสัยอยู่เป็นเรื่องจริง จะกลายเป็นว่ารัฐบาลได้เปลี่ยนตัวเองจากกรรมการมาเป็นผู้เล่นเสียเอง ซ้ำยังใช้กติกาที่ตัวเองสร้างขึ้นมาเอื้อประโยชน์แก่พรรคพวกด้วยหรือไม่? เรื่องนี้ไม่ว่าจะจริงหรือไม่ก็ตาม รัฐบาลควรออกมาตอบให้ชัดเจน เพราะประชาชนคาดหวังให้การเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึงมีความสุจริตและเป็นกลาง มิหนำซ้ำทุกวันนี้รัฐบาลก็ถูกวิพากษ์วิจารณ์ในหลายๆ เรื่องอยู่แล้ว จึงควรหลีกเลี่ยงที่จะทำให้เรื่องนี้กลายเป็นประเด็นขึ้นมาอีก
ทั้งนี้ ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า อุณหภูมิทางการเมืองเร่งร้อนขึ้นทุกวัน หลังจากห่างหายการเลือกตั้งมาไม่ต่ำกว่า 7 ปี ซึ่งหากมองในแง่ดีแล้ว ก็มีเรื่องที่สวยงามและชวนให้มีความหวังอยู่ อย่างการที่เราได้เห็นพรรคการเมืองเริ่มเสนอนโยบายต่างๆ ตลอดจนมีการถกเถียงหาวิธีแก้ไขปัญหาประเทศทั้งระหว่างพรรคการเมืองด้วยกันตลอดจนในหมู่ประชาชน จนกล่าวได้ว่า ประเทศไทยในขณะนี้เริ่มตื่นตัวในทางการเมืองแล้วหลังจากซบเซามานาน ทว่าในแง่ลบ เรื่องที่แม้จะไม่ได้เห็นมานานแต่ก็ยังคงเป็นที่เบื่อหน่ายและเอือมระอาของสังคม นั่นคือภาวะการเมืองแบบน้ำเน่า ประเภทนักการเมืองย้ายพรรค ซื้อตัวนักการเมือง การซื้อเสียงทางตรงทางอ้อม ใช้อำนาจอิทธิพลในการจัดการคู่แข่ง หรือแม้แต่ทุนธุรกิจการเมือง ลักษณะน้ำเน่าเช่นนี้ยังคงมีอยู่ครบทุกกระบวนในการเลือกตั้งครั้งนี้ ทั้งพรรคเก่าที่ชอบอ้างประชาธิปไตยแต่เต็มไปด้วยคดีทุจริตมหาศาล ซึ่งสุดท้ายก็แก้ปัญหาด้วยการออกกฎหมายนิรโทษกรรมความผิดให้ตัวเอง ขณะที่อีกฝ่ายที่เป็นพรรคการเมืองใหม่ ก็เต็มไปด้วยนักการเมืองเก่าค่อนพรรค บริหารเศรษฐกิจ 5 ปีเต็มไปด้วยปัญหาบนความสงบ จึงไม่รู้ว่าประเทศจะเป็นอย่างไรถ้ายังคงเลือกสองพรรคนี้
ดังนั้น ในมุมมองความเป็นจริงของวาทกรรมประชาธิปไตยปะทะเผด็จการ กลับกลายว่าเป็นการปะทะกันของ “นอมินีทักษิณ” และ “นอมินีเผด็จการ”เสียมากกว่า ซึ่งไม่ว่าจะเลือกอะไรก็ดูเหมือนจะเป็นฝันร้ายของประเทศทั้งนั้น อย่างไรก็ตาม ประชาชนก็ไม่ควรจะสิ้นหวังไปเสียเลยตอนนี้ เพราะทุกคนยังมีอำนาจในการ “เลือก” ซึ่งท้ายที่สุดแล้วอาจเปิดทางให้กับพรรคการเมืองขั้วที่สามที่ไม่เอาทั้งเผด็จการและทุจริต รวมถึงเป็นพรรคที่รักประชาธิปไตยอย่างแท้จริงที่พร้อมจะพาประเทศหลุดพ้นจากวงจรอุบาทว์และจะไม่พาประเทศไปพานพบกับประชาธิปไตยที่บอบช้ำและการรัฐประหารอีกต่อไป…
“ขอเพียงคนยังมีชีวิตอยู่ ก็สมควรยิ้มออก ขอเพียงยังสามารถยิ้มออก ก็สมควรยิ้มให้มากไว้”
โกวเล้ง จาก ดาบมรกต
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี