“เรือดี พายดี จงขี่ข้าม
อย่าเอาเรือ รั่วน้ำ มาข้ามขี่
พวกขี้เมา สวดมนต์ คนไม่ดี
อย่างนี้ มาทำงาน”
แต่งเอง
คำว่า “มนต์” นั้นมีความหมายถึงความศักดิ์สิทธิ์ บัญญัติขึ้นไว้สวดภาวนาเตือนใจให้ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ หรือเสกเป่าให้เกิดความดี
คนบางคนเวลาพูดอะไรแต่ละครั้งเหมือนขี้เมาสวดมนต์ เพราะเรื่องที่พูดนั้นเป็นการพูดแบบเอาดีใส่ตัว โยนชั่วให้คนอื่น โดยไม่มองตัวเองว่าเป็นอย่างไร
ประเทศไทยในขณะนี้ยังอยู่ในภาวการณ์ที่น่าห่วงใยเป็นอย่างมาก ด้วยปัญหาร้ายแรงที่มีผลกระทบต่อความเป็นอยู่ในชีวิตของประชาชน แม้จะใช้อำนาจที่ได้มาจากการทำรัฐประหาร ตั้งตัวเองเป็นรัฐบาลบริหารประเทศมาเกือบจะห้าปีเต็มในขณะนี้ก็ตาม ผู้คนในบ้านเมืองก็ยังหาทางออกไปสู่ชีวิตที่ดีกว่าไม่ได้ นอกจากฟัง “ขี้เมาสวดมนต์” ไปตามเรื่องตามราวในขณะนี้
บางครั้งยังสวดเลอะเทอะ เอะอะ โวยวาย ด้วยกิริยาท่าทางที่เหมือนขี้เมาสวดมนต์ด้วยซ้ำไป อยากสวดอยากว่าอะไรก็สวดออกมาเหมือนคนเมา
“ความเมา” ของคนนั้น ไม่จำเป็นต้องเกิดจากเหล้าแต่เพียงอย่างเดียว เพราะยังมีเหตุมีปัจจัยอื่นอีกหลายอย่าง ซึ่งเมื่อเกิดกับใครแล้ว คนนั้น “เมา” ได้เสมอ และอาจเป็นความเมาที่มีอันตรายร้ายแรงยิ่งกว่าเมาเหล้าเมายาด้วยซ้ำไป ทั้งยังเป็นอันตรายทั้งแก่ตัวเองและบุคคลอื่นด้วยซ้ำไป
โดยเฉพาะในเรื่องความลืมตัวจากอำนาจที่กำลังถืออยู่
ความลืมตัวทำให้สำคัญตนผิด
ความลืมตัวทำให้ขาดสติที่จะระลึกได้ว่า ขณะนี้ตนกำลังเป็นอะไร ทั้งฐานะแห่งการงานของตน ฐานะแห่งหน้าที่ เป็นต้น ซึ่งเรื่องอย่างนี้แม้จะปิดคนอื่นได้ตามแต่ปิดตัวเองไม่ได้แน่นอน
แม้กระทั่งจะปิดบังคนที่ติดตามตรวจสอบตนก็ยังยาก
อำนาจทำให้คนลืมตัวได้ง่ายถ้าเป็นขี้เมาสวดมนต์
สวดดุด่าคนอื่นด้วยคำพูดที่เลอะเทอะ
การรู้จักตัวเองอยู่ตลอดเวลานั่นแหละ จะทำให้สำคัญตนถูกตามความเป็นจริง ไม่สำคัญตนผิดหรือแสดงตนออกไปในท่วงท่าที่ผิดๆ จนทำให้ผู้คนทั้งหลายละอายใจ ไม่ชอบ เกลียดขี้หน้า ไม่อยากเห็นหน้า
ความลืมตัวเกิดจาก “ความเมา” สองอย่าง คือ “เมากาย” และ “เมาใจ”
“เมากาย” นั้น หมายถึงมัวเมาในรูปกายของตนที่คิดว่าวิเศษวิโสกว่าคนอื่น หรือเลยเถิดไปถึงเสื้อผ้าอาภรณ์ที่สวมใส่ว่าดีกว่า สวยงามกว่าคนอื่น แม้กระทั่งเครื่องแบบแห่งอำนาจที่สวมใส่แล้วทุกคนต้องเกรงกลัวในอำนาจราชศักดิ์ กลายเป็นคนลืมตัวไปได้ง่ายๆ
“เมาใจ” หมายถึงความเมาที่มีอยู่ในใจ ซึ่งได้แก่ลาภ ยศ สรรเสริญ สุข อันเป็นสิ่งที่ผู้คนส่วนใหญ่ปรารถนาต้องการ
ลาภ คือทรัพย์สิ่งของที่ได้ หรือที่อยากได้ เช่นแก้วแหวน เงินทอง และทรัพย์สมบัติต่างๆ
ยศ คือความเป็นใหญ่เกี่ยวกับตำแหน่งหน้าที่ หรือความมีบริวาร พวกพ้อง หรือเกี่ยวกับสิ่งที่เรียกว่าเกียรติ
สรรเสริญ คือความยกย่อง ชมเชย
สุข คือความผาสุก หรือสิ่งบำรุงความสุขต่างๆ
ทั้งหลายทั้งปวงเหล่านี้ เป็นสิ่งที่ทุกคนส่วนใหญ่มีความอยากมี อยากได้ แต่ควรต้องขึ้นอยู่กับสติของตนด้วยที่จะไม่ลืมตน โดยรู้จักประมาณตนในการแสวงหา และในการใช้สิ่งของต่างๆเหล่านี้ ทั้งแก่ตนเอง และต่อผู้อื่นให้มาก
ไม่ใช่มีอำนาจแล้วอยากอยู่ต่อไปอีกเรื่อยๆ โดยหากลวิธีต่างๆมาใช้ในการสืบต่ออำนาจ ถ้าเป็นคนมีสติ ไม่ลืมตัว ก็ย่อมจะไม่มัวเมาไปกับสิ่งดังกล่าว
เหมือนสวมหัวโขนตอนแสดง เมื่อเลิกแสดงก็ต้องถอดหัวโขนนั้นออกและกลับร้านเมื่อหมดเวลาเล่น ไม่ใช่หมดเวลาแสดงแล้วยังใส่หัวโขนอยู่ตลอดเวลา
ทั้งหลายทั้งปวงเกี่ยวกับเรื่อง ลาภ ยศ สรรเสริญและสุขนั้น เป็นสิ่งที่ทุกคนปรารถนา อยากได้ อยากมี แต่ขึ้นอยู่กับ “สติ” ของตนด้วย โดยรู้จักประมาณในการแสวงหา และในการใช้สิ่งต่างๆเหล่านี้แก่ตนเองและต่อผู้อื่นให้มาก ไม่มัวเมาไปกับความลืมตน
สามารถบำเพ็ญประโยชน์แก่คนอื่นได้มากเช่นเดียวกัน
ทั้งหลายทั้งปวงที่กล่าวมา เป็นสิ่งเตือนใจที่ต้องระลึกถึง และท่องให้ขึ้นใจติดตัวตลอดเวลา เพื่อการทำงานต่างๆจะได้เป็นไปอย่างถูกทิศถูกทาง เกิดผลดีทั้งแก่ตนเองและผู้อื่น
อย่าเป็น “คนขี้เมาสวดมนต์”
โดยเฉพาะผู้กำลังถือปืนเป็นอำนาจบางคนขณะนี้
น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี