ช่างเป็นเรื่องตลกผสมน่าสังเวชที่นักการเมืองซึ่งอยู่ใต้คำบงการของนักธุรกิจการเมืองผู้ฉ้อฉลปล้นประเทศด้วยทุจริตเชิงนโยบาย ซึ่งได้ทำความวิบัติฉิบหายอย่างสาหัสให้ประเทศชาติมาแล้ว แต่กลับเล่นบทกล้าชี้นิ้วประณามผู้อื่นว่าไม่เป็นประชาธิปไตย แถมยังยกยอตัวเองเกินจริงว่า ตนคือผู้ยึดมั่นและศรัทธาในระบอบประชาธิปไตยเหนือกว่าใครอื่น
คนโกงบ้านกินเมืองด้วยกลอุบายทุจริตเชิงนโยบายพยายามหลอกสังคม และหลอกตัวเองตลอดเวลาว่าพวกเขาคือคนที่เชิดชูและเทิดทูนประชาธิปไตย ด้วยเหตุที่ว่าเพราะชนะการเลือกตั้ง แต่ครั้นเมื่อได้อำนาจรัฐมาแล้ว พวกเขากลับใช้อำนาจรัฐฉ้อฉลปล้นแผ่นดินอย่างไร้ยางอาย จนทำให้บ้านเมืองประสบความสูญเสียอย่างมากมายจนเกินบรรยายได้
คนรู้ทันเล่ห์อุบายของนักการเมืองจำพวกทุจริตเชิงนโยบายต่างพากันหัวเราะจนท้องคัดท้องแข็งเมื่อเห็นป้ายโฆษณาชวนเชื่อของพรรคการเมืองทุจริตเชิงนโยบาย อ้างว่าพรรคของตนจะทำให้คนประเทศรอดพ้นจากความยากจน และจะทำให้เศรษฐกิจของประเทศดีขึ้น แถมยังอ้างอีกว่าพรรคทุจริตเชิงนโยบายจะทำให้ประเทศชาติมีความสุขสงบ ซึ่งคำโฆษณาชวนเชื่อทั้งหลายทั้งปวงนั้นล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องมดเท็จ เพราะวิญญูชนต่างประจักษ์ดีว่า พรรคทุจริตเชิงนโยบายคือพรรคที่ปลุกระดมให้ผู้คนลุกขึ้นไปเผาบ้านเผาเมือง แถมเจ้าของพรรคการเมืองทุจริตเชิงนโยบายยังเคยใช้วาจาสามหาวข่มขู่ประชาชนว่า ถ้าหากไม่เลือกพรรคการเมืองของเขาแล้ว ประชาชนจะไม่ได้รับการดูแลจากพรรคฯ
เป็นเรื่องประหลาดมหัศจรรย์เชิงอุบาทว์ที่พรรคซึ่งเต็มไปด้วยการฉ้อโกง กล้าโฆษณาชวนเชื่อว่าจะทำให้ประเทศชาติเจริญเติบโต มีเศรษฐกิจที่เข้มแข็ง ซึ่งต้องย้ำว่าไม่มีวันที่นักการเมืองผู้คดโกงจะทำให้ประเทศชาติเจริญรุ่งเรืองได้เป็นอันขาด เพราะเป้าหมายหลักของนักการเมืองผู้เน้นการทุจริตเชิงนโยบายคือการใช้อำนาจการเมืองเพื่อกอบโกยผลประโยชน์สาธารณะเข้าสู่กระเป๋าของตนเองและพวกพ้อง
คนไทยยังจดจำได้ดีว่าในยามที่พรรคการเมืองของนักธุรกิจการเมืองผู้ใช้การทุจริตเชิงนโยบายเป็นเครื่องมือในการฉ้อฉลมีอำนาจรัฐ บ้านเมืองได้สูญเสียผลประโยชน์ไปมากมายคิดเป็นเงินหลายแสนล้านบาท และคนไทยยังจดจำได้โดยไม่เคยลืมว่า นโยบายของพรรคการเมืองที่ใช้การทุจริตเชิงนโยบายได้ทำให้ประเทศชาติต้องมีหนี้สินนับล้านล้านบาท
สังคมไทยเคยตกอยู่ใต้อำนาจเถื่อนของนักการเมืองผู้ทุจริตเชิงนโยบายมาแล้ว ความเจ็บปวดในครั้งนั้นยังตราตรึงอยู่ในความทรงจำของคนไทยผู้มีสติปัญญาเสมอ และไม่มีวันลบเลือนไปได้ ไม่ว่าจะวันนี้หรือวันไหน คนไทยยังจดจำหน้าตาของนักการเมืองทุจริตเชิงนโยบายได้ดี
วันที่ 24 มีนาคม 2562 คือวันที่คนไทยผู้มีสติปัญญาจะต้องให้บทเรียนสำคัญกับนักการเมืองทุจริตเชิงนโยบายให้สาสม อย่าปล่อยให้นักการเมืองทุจริตเชิงนโยบายกลับไปมีอำนาจรัฐได้อีกต่อไป คนผู้มีสติปัญญาต่างรู้ชัดมานานแล้วว่า คำว่าประชาธิปไตยจากลมปากของนักการเมืองทุจริตเชิงนโยบายคือการอาศัยคะแนนจากการเลือกตั้งเพื่อเข้าไปโกงบ้านกินเมือง และสร้างความแตกแยกให้กับประชาชน
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี