เมื่อวันศุกร์ที่ 19 เม.ย. 2562 นายวรวิทย์ สุขบุญ เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. ชี้แจงถึงคดีของนางสาวยิ่งลักษณ์ เกี่ยวกับกรณีน้ำท่วมและการจัดการโครงการน้ำ หลังมีข่าวสะพัดว่า ป.ป.ช.ตีตกข้อกล่าวหาไปแล้ว
ยืนยันว่า สำหรับกรณีกล่าวหานางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกฯ และคณะรัฐมนตรี ว่ากระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการตามประมวลกฎหมายอาญา เห็นชอบในการออก พ.ร.ก.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อการวางระบบบริหารจัดการน้ำและสร้างอนาคตประเทศ พ.ศ. 2555 นั้น ขณะนี้ ป.ป.ช.ได้ตีตกไปแล้วจริง แต่ยังเหลือกรณีสำคัญอื่นๆ อีกหลายกรณีที่ ป.ป.ช.ยังไม่ได้ชี้ขาด
1. กรณีที่ตีตกไปนั้น ก็คือ กรณีออก พ.ร.ก.ขอกู้เงิน 3.5 แสนล้านบาทนั่นเอง
นายวรวิทย์ ชี้แจงว่า ที่ผ่านมา คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้แต่งตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวน เพื่อรวบรวมพยานหลักฐาน โดยในการประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช. ครั้งที่ 50/2559 เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 2559 ได้พิจารณาเรื่องดังกล่าว โดยอาศัยคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ คำวินิจฉัยที่ 5-7/2555 ลงวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2555 ศาลรัฐธรรมนูญได้วินิจฉัยว่าการตราพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อการวางระบบบริหารจัดการน้ำและสร้างอนาคตประเทศ พ.ศ. 2555 เป็นกรณีเพื่อประโยชน์ในอันที่จะรักษาความมั่นคงในทางเศรษฐกิจของประเทศ และป้องปัดภัยพิบัติสาธารณะตามรัฐธรรมนูญมาตรา 184 วรรคหนึ่ง และการตราพระราชกำหนดดังกล่าว เป็นกรณีฉุกเฉินที่มีความจำเป็นรีบด่วนอันมิอาจจะหลีกเลี่ยงได้ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 184 วรรคสอง ศาลรัฐธรรมนูญมีติเป็นเอกฉันท์ เห็นว่า การตราพระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อการวางระบบบริหารจัดการน้ำและสร้างอนาคตประเทศ พ.ศ. 2555 เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 184 วรรคหนึ่ง และวรรคสอง
คณะกรรมการ ป.ป.ช. จึงได้มีมติเป็นเอกฉันท์ว่า ไม่ปรากฏว่านางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี คณะรัฐมนตรี กับพวก ได้ร่วมกันตราและเห็นชอบพระราชกำหนดดังกล่าวโดยไม่สุจริต หรือใช้ดุลพินิจบิดเบือนหลักการของรัฐธรรมนูญ เรื่องกล่าวหาดังกล่าวไม่ปรากฏข้อเท็จจริง และพยานหลักฐานเพียงพอที่จะรับฟังได้ว่านางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี คณะรัฐมนตรี กับพวกผู้ถูกกล่าวหา ได้กระทำความผิดตามที่กล่าวหาข้อกล่าวหาไม่มีมูล ให้ข้อกล่าวหาตกไป
2. ยังมีกรณีอื่นๆ ที่ ป.ป.ช.ยังไม่ได้ตีตก
นายวรวิทย์ชี้แจงด้วยว่า ยังมีประเด็นข้อกล่าวหาที่ยังอยู่ระหว่างการไต่สวนของ ป.ป.ช. เช่น
กรณีกล่าวหาการกู้เงินเมื่อพ้นกำหนดระยะเวลาตามที่กฎหมายกำหนด
กรณีกล่าวหาการดำเนินโครงการเพื่อออกแบบและก่อสร้างระบบบริหารจัดการทรัพยากรน้ำอย่างยั่งยืนและระบบแก้ไขปัญหาอุทกภัยของประเทศ ขัดต่อรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 มาตรา 57 วรรคสอง มาตรา 67 วรรคสอง พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 103/7 และพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. 2535 และประเด็นการกำหนดรายละเอียดขอบเขตของงาน (TOR) ในโครงการดังกล่าว มีลักษณะเอื้อประโยชน์ให้กับเอกชนบางราย
ทั้งหมดนี้ คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. เป็น
องค์คณะในการไต่สวนข้อเท็จจริง
ปัจจุบัน อยู่ระหว่างการไต่สวนข้อเท็จจริง
3. น้ำท่วมใหญ่ ปี 2554 ใครๆ ก็ไม่ลืม
ใครเอาอยู่ ใครเอาไม่อยู่
ส่งผลกระทบรุนแรงที่สุดในรอบ 50 ปี ของประเทศไทย
สร้างความเสียหายและความเดือดร้อนต่อประชาชนผู้ประสบภัยในวงกว้าง ทั้งภาคเกษตร อุตสาหกรรม ที่อยู่อาศัยครัวเรือน ถนนหนทาง สนามบินดอนเมืองก็ยังจมน้ำ ทำให้นักลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศขาดความเชื่อมั่นในการบริหารจัดการน้ำของไทย
ธนาคารโลกประจำประเทศไทย เคยประเมินตัวเลขความเสียหายและการสูญเสียมูลค่าถึง 1.356 ล้านล้านบาท
ดร.กิริฎา เภาพิจิตร นักเศรษฐศาสตร์อาวุโส ธนาคารโลกประจำประเทศไทย ยืนยันว่า การประเมินผลกระทบน้ำท่วมนั้น อยู่ภายใต้โครงการที่เรียกว่า “Post Disaster Needs Assessment“ (PDNA) Methodology ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างกระทรวงการคลัง หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และเอ็นจีโอ รวมถึงผู้เชี่ยวชาญจากองค์กรระหว่างประเทศทั้งธนาคารโลก สหประชาชาติ(ยูเอ็น) องค์กรความร่วมระหว่างประเทศของญี่ปุ่น(ไจก้า) และ สหภาพยุโรป(อียู)
หลังจากน้ำท่วมใหญ่ ปี 2554 รัฐบาลยิ่งลักษณ์เองก็ใช้โอกาสนั้น เร่งรีบผลักดันโครงการน้ำมูลค่า 3.5 แสนล้านบาท ในช่วงปี 2555-2556 โดยมีการออก พ.ร.ก.กู้เงิน 3.5 แสนล้านบาทนั้นเอง
4. ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับโครงการน้ำ ที่รัฐบาลยิ่งลักษณ์เร่งรัดผลักดัน
ทำโครงการเป็นโมดูลต่างๆ
ซึ่งเป็นการเอาโครงการประเภทร้อยพ่อพันแม่มามัดรวมกันเป็นกลุ่มๆ เรียกว่า “โมดูล” แล้วดำเนินการให้เอกชนเข้ามายื่นข้อเสนอ ยื่นราคาประกวดประขันกัน โดยไม่มีราคากลางตามกฎหมายปกตินั้น แต่ตั้งกรอบงบเอาไว้ตาม พ.ร.ก.กู้เงิน 3.5 แสนล้านบาท กระทั่งได้ตัวเอกชนเป็นผู้ชนะทั้ง 9 โมดูล ที่ปรากฏว่า กลุ่มเควอเตอร์จากเกาหลีใต้คว้าชิ้นปลามันไปครองแบบนอนมา ฯลฯ
ถูกครหา วิพากษ์วิจารณ์กันรุนแรงในขณะนั้น
บริษัทญี่ปุ่นไม่ยอมเข้าร่วมยื่นข้อเสนอ ส่วนบริษัทไทยที่เชี่ยวชาญเรื่องน้ำก็ไม่เข้าร่วม
ป.ป.ช. ถึงขนาดมีข้อเสนอแนะว่า การดำเนินการเช่นว่านั้น สุ่มเสี่ยงจะเกิดการทุจริต และเกิดความเสียหายต่อรัฐ
ศาลปกครองตัดสินว่า การดำเนินการไม่ครบถ้วน ไม่ถูกต้อง เพราะไม่ได้รับฟังความเห็นของประชาชนตามรัฐธรรมนูญ
ภาคประชาชน ก็ออกมาเคลื่อนไหววิพากษ์วิจารณ์ ส่งเรื่องให้ตรวจสอบดำเนินคดี
อาทิ
เครือข่ายภาคประชาชน ประกอบด้วย มูลนิธิสืบนาคะเสถียร มูลนิธิเพื่อการบริหารจัดการน้ำแบบบูรณาการ (ประเทศไทย) ศูนย์ข้อมูลเพื่อการช่วยเหลือผู้ประสบภัย Thaiflood.com และเครือข่ายธุรกิจสังคมและสิ่งแวดล้อม เคยร่วมออก แถลงการณ์คัดค้านแผนบริหารจัดการน้ำเงินกู้ 3.5 แสนล้านบาท ของคณะกรรมการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัย (กบอ.) ระบุว่า แผนงานดังกล่าวสร้างความเสียหายให้กับประเทศชาติอย่างร้ายแรง ละเลยการมีส่วนร่วมของประชาชนในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบขัดต่อเจตนารมณ์รัฐธรรมนูญปี 50
นายศศิน เฉลิมลาภ เลขาธิการมูลนิธิสืบนาคะเสถียรขณะนั้น ยืนยันว่า เหตุที่ไม่เห็นด้วยต่อแผนบริหารจัดการน้ำของ กบอ.มี 6 ประการ คือ
“1.แผนงานดังกล่าวไม่ได้ดำเนินตามกระบวนการประเมินผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม (EIA) และผลกระทบด้านสุขภาพ (EHIA) ถือว่าผิดกระบวนการมีส่วนร่วมของภาคประชาชนตามรัฐธรรมนูญปี 50 นอกจากนั้นยังพบว่าในทีโออาร์ยังระบุว่าบริษัทผู้ผ่านการคัดเลือกสามารถเบิกเงินได้ล่วงหน้าร้อยละ 5 ซึ่งเป็นไปได้หรือไม่ว่าเงินจำนวนนี้อาจถูกนำไปใช้เป็นอามิสสินจ้างในการบิดเบือนผลการประเมินผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม และผลกระทบด้านสุขภาพ
2.ตามรายละเอียดในทีโออาร์ของทั้ง 9 โมดูล (แผนงาน) ไม่มีขอบเขตของงาน นอกจากนั้นยังขาดรายละเอียดเชิงพื้นที่ รายละเอียดของโครงการ กรอบเวลา และไม่มีกลไกหรือกระบวนการที่จะสร้างความเชื่อมโยงโครงการแต่ละโครงการเข้าด้วยกัน
3.การแบ่งความรับผิดชอบของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งกรมชลประทาน กรมทรัพยากรน้ำ องค์กรเอกชนผู้รับจ้างขาดความชัดเจนว่าใครจะเป็นองค์กรหลักรับผิดชอบภายใต้แผนทั้ง 9 โมดูล
4.การดำเนินงานบางโมดูลไม่มีความจำเป็นต้องรีบเร่งโดยเฉพาะโครงการช่องทางน้ำ (ฟลัดเวย์) ซึ่งเป็นโครงการที่ใช้งบประมาณสูงกว่า 1 แสนล้านบาท ทั้งยังขาดการศึกษาด้านความคุ้มทุนของโครงการต่างๆ และมีความซ้ำซ้อนของการใช้งบประมาณที่ดำเนินงาน
ด้านการจัดการน้ำอยู่แล้ว
5.คือ มีการโยกงบประมาณบางส่วนจากแผนเดิมที่รัฐบาลเคยแถลงไว้ในช่วงหลังอุทกภัยปี’54 โดยเฉพาะโยกงบชดเชยพื้นที่รับน้ำนองไปดำเนินงานในส่วนอื่น ซึ่งอาจนำไปสู่ช่องทางทุจริตเงินงบประมาณ เนื่องจากไม่มีการชี้แจงที่ชัดเจนว่านำงบดังกล่าวไปใช้ในกิจกรรมใด
6.ในทีโออาร์ระบุว่าขอบเขตของงานทั้ง 9 โมดูล รัฐบาลให้บริษัทที่ได้รับสัมปทาน มีอำนาจในการบริหารจัดการเบ็ดเสร็จ ตั้งแต่การศึกษาผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ การออกแบบ และก่อสร้าง รวมถึงการเวนคืนที่ดิน การหาพื้นที่อพยพ ซึ่งจะกระทบต่อชุมชนและวิถีชีวิตอย่างร้ายแรง”
ประเด็นการดำเนินโครงการเหล่านี้เอง ที่ยังอยู่ในชั้นไต่สวนของ ป.ป.ช.
ยังไม่ได้ถูกตีตกไป
รอวันสรุปเรื่อง และพิจารณาชี้มูลความผิดของผู้เกี่ยวข้องในรัฐบาลยิ่งลักษณ์
สารส้ม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี