วันอังคาร ที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / คอลัมน์ / คอลัมน์การเมือง / ที่นี่แนวหน้า
ที่นี่แนวหน้า

ที่นี่แนวหน้า

วิภาวดี หลักสี่
วันเสาร์ ที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2562, 02.00 น.
‘ภาษีความเค็ม’ยืดชีวิตคนไทย

ดูทั้งหมด

  •  

เมื่อช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา องค์การอนามัยโลก (WHO) ร่วมกับสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กรมควบคุมโรค และเครือข่ายลดการบริโภคเค็ม จัดประชุมร่วมกับสื่อมวลชนในประเด็น “แนวทางลดพฤติกรรมติดเค็มของคนไทย”เนื่องจากคนไทยเจ็บป่วยจาก “กลุ่มโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (Non - Communicable Diseases : NCDs)” เป็นจำนวนมาก และ “ความเค็ม” ก็เป็นสาเหตุของบางโรค เช่น โรคไต โรคความดันโลหิตสูง โดยเฉพาะโรคไตที่พบว่า “จำนวนผู้ต้องล้างไตเพิ่มขึ้นเฉลี่ย2 หมื่นคนต่อปี” ถือว่าน่าเป็นห่วงมาก

ในการประชุมมีการพูดกันถึง “ภาษีความเค็ม” หรือการเก็บภาษีอาหารที่มีส่วนผสมของ “โซเดียม (Sodium)” อันเป็นสารที่ให้รสเค็ม ในปริมาณที่เกินจากมาตรฐานที่กำหนดว่าควรบริโภคได้ “ท่านผู้อ่านอย่าเพิ่งโมโหโกรธา” อย่าเพิ่งมองว่ารัฐบาลถังแตกจะมารีดภาษีประชาชนทุกทางที่นึกออก เพราะจริงๆ แล้ว “ในต่างประเทศก็เก็บภาษีความเค็มเช่นกัน” เพื่อจูงใจให้ทั้งผู้บริโภคลดการบริโภค และผู้ประกอบการลดการใส่ส่วนผสมดังกล่าวลง


อาทิ ฮังการี เริ่มเก็บภาษีความเค็มในสินค้าประเภท “ขนมขบเคี้ยว-เครื่องปรุงรส” มาตั้งแต่ปี 2554 พบว่าประชาชนลดปริมาณการบริโภคลงร้อยละ 20-35 ส่งผลให้ในเวลาต่อมาบรรดาผู้ผลิตต้องปรับสูตรอาหารให้ลดปริมาณโซเดียมลงด้วยเพราะไม่ต้องการจ่ายภาษีดังกล่าว ซึ่งจากตัวอย่างข้างต้น ประเทศในยุโรปด้วยกันอย่าง โปรตุเกส คิดเอาอย่างบ้างโดยในปี 2561 ที่ผ่านมา รัฐบาลโปรตุเกสเริ่มร่างแผนจัดเก็บภาษีจากอาหารและขนมที่มีปริมาณโซเดียมสูง เช่น เวเฟอร์ บิสกิต อาหารที่มีซีเรียลเป็นส่วนประกอบ รวมถึงมันฝรั่งแห้งหรือทอด

นอกจากมาตรการทางภาษีแล้ว เรณู การ์ก (Renu Garg) ผู้แทนองค์การอนามัยโลกประจำประเทศไทย ยังยกตัวอย่างมาตรการอื่นๆ ที่ใช้ในหลายประเทศ เช่น อังกฤษ มีกฎหมายกำหนด “ฉลากแบบสัญญาณไฟจราจร” ใช้กับส่วนผสม 4 ชนิด คือ น้ำตาลไขมัน ไขมันอิ่มตัวและเกลือ แบ่งเป็น “สีเขียว” คือมีปริมาณน้อย “สีเหลือง (หรือส้ม)” คือมีปานกลาง และ “สีแดง” คือมีปริมาณมาก ให้ผู้บริโภคเห็นได้ชัดเจน

ไกลออกไป ณ ทวีปอเมริกาใต้ ชิลี มีการใช้ “ฉลากคำเตือน” ในอาหารหรือขนมที่มีโซเดียมเกินค่ามาตรฐาน และมีการลดปริมาณค่ามาตรฐานลงเป็น 3 ระยะ ตั้งแต่ปี 2559 กำหนดให้มีปริมาณโซเดียม 800 มก. ต่อ 100 กรัม, ปี 2561 ปริมาณโซเดียม 500 มก. ต่อ 100 กรัม และล่าสุดปี 2562 ปริมาณโซเดียม 400 มก. ต่อ 100 กรัม และกำหนดด้วยว่า“อาหารที่มีฉลากคำเตือนจะไม่สามารถขายในโรงเรียนหรือทำการตลาดกับเด็กได้” ส่งผลให้ผู้ประกอบการต้องเร่งปรับสูตรอาหารให้มีปริมาณโซเดียมลดลงไปโดยปริยาย

ผู้แทนองค์การอนามัยโลกประจำประเทศไทย ย้ำว่า “องค์การอนามัยโลกแนะนำให้บริโภคโซเดียมได้ไม่เกิน 2,000 มิลลิกรัมต่อวัน หรือเทียบกับเกลือคือ ไม่เกิน 5 กรัมต่อวัน” แต่พบว่า “คนไทยบริโภคเกลือเฉลี่ย 10 กรัมต่อวัน หรือมากกว่าคำแนะนำขององค์การอนามัยโลกถึง 2 เท่า” ซึ่งใน 10 อันดับสิ่งที่ทำให้คนไทยเสียชีวิตมากที่สุด มีโรค NCDs ที่เกี่ยวข้องกับการบริโภคเค็มมากเกินไปถึง 3 โรค คือ อันดับ 1 โรคหัวใจขาดเลือด อันดับ 3 โรคหลอดเลือดสมอง และอันดับ 8 โรคไตเรื้อรัง

สำหรับในประเทศไทย ผศ.นพ.สุรศักดิ์ กันตชูเวสศิริ ประธานเครือข่ายลดบริโภคเค็ม เปิดเผยว่า แนวทางการเก็บภาษีความเค็มนั้น “จะเก็บเฉพาะอาหารและขนมสำเร็จรูปและกึ่งสำเร็จรูปเท่านั้น” เช่น บะหมี่ โจ๊ก ขนมขบเคี้ยว “ไม่เก็บกับสินค้าที่เป็นเครื่องปรุงโดยตรง เช่น เกลือ น้ำปลา ซีอิ๊ว” ดังนั้นจะไม่เป็นภาระกับประชาชน โดยคาดว่ารัฐบาลจะมีการพิจารณาในเร็วๆ นี้

อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าเป็นห่วง “สตรีทฟู้ด (Street Food)” หรืออาหารประเภทร้านหาบเร่แผงลอยริมถนน แม้จะเป็นผู้ประกอบการรายย่อยแต่มีผู้ค้าจำนวนมาก เช่นเดียวกับผู้บริโภค “โดยเฉพาะในกรุงเทพมหานคร (กทม.) มีการสำรวจพบว่าต้องมีอย่างน้อย 1 มื้อต่อวัน ที่ชาวเมืองหลวงบริโภคอาหารสตรีทฟู้ด” ซึ่งการจะปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการปรุงอาหารของพ่อค้าแม่ค้ากลุ่มนี้ให้ลดส่วนผสมของโซเดียมอันเป็นสารให้ความเค็ม เช่น เกลือหรือน้ำปลาลง “ความรู้ของผู้บริโภค” เป็นหัวใจสำคัญ

ดังจะเห็นว่า “ลูกค้าหลายคนมีการสั่งอาหารพร้อมบอกให้ปรุงแบบเค็มน้อย ถ้าชิมแล้วไม่พอเดี๋ยวเติมเอง ซึ่งหากผู้บริโภคไม่สั่งก็มักจะใส่เครื่องปรุงแบบเต็มที่ไว้ก่อน แต่หากสั่งแบบนี้ผู้ค้าก็จะปรับเปลี่ยนให้” นอกจากนี้ขอเสนอแนะว่า“ควรมีฉลากเตือนอันตรายจากการบริโภคในปริมาณมากเกินไปติดไว้ข้างภาชนะบรรจุ คล้ายกับฉลากบุหรี่หรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์” เชื่อว่าน่าจะมีผลทำให้ผู้บริโภคที่เห็นคำเตือนดังกล่าว “ได้สติและหยุดคิดก่อน” ว่าสมควรปรุงหรือไม่เพียงใด

ขณะที่ นพ.วิวัฒน์ โรจนพิทยากร ผู้อำนวยการศูนย์นโยบายและการจัดการสุขภาพ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี และคณะกรรมการบริหารแผนคณะที่ 5 สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กล่าวเสริมว่า “อาหารแบบสตรีทฟู้ดไม่ได้มีเฉพาะใน กทม.แต่มีทั่วประเทศ” ทั้งนี้ในส่วนของต่างจังหวัดนั้น “องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น(อปท.)” สามารถเข้ามามีบทบาทได้

“องค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) จัดทีมไปลองชิมดู มันมีเครื่องมือที่จุ่มลงไปแล้วมีเครื่องหมาย ถ้าหน้าเบ้ก็แปลว่าเค็ม ถ้าปากตรงๆ แสดงว่าพอดี แล้วก็ไปเตือนไปให้คำแนะนำ บอกว่าต่อไปนี้คนจะไม่มาซื้อร้านคุณถ้าคุณยังทำอันตรายต่อประชาชนแบบนี้ ก็เหมือนกรมอนามัยที่มีเครื่องหมายไปติดตามร้านแผงลอยต่างๆ” ผอ.ศูนย์นโยบายและการจัดการสุขภาพ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี กล่าว

นพ.วิวัฒน์ทิ้งท้ายว่า ด้วยเหตุที่คนไทยมีแนวโน้มป่วยเป็นโรคไตเพิ่มขึ้นร้อยละ 15 ต่อปี และพบผู้ป่วยความดันโลหิตสูงเพิ่มขึ้นเป็น 1,500,000 คน ภายในระยะเวลาเพียง 5 ปี ซึ่งสาเหตุสำคัญมาจากการบริโภคอาหารรสเค็ม ดังนั้นหากสามารถทำให้คนไทยลดการบริโภคเค็มลงก็จะลดความสูญเสียได้

แม้จะเข้าใจได้ว่า “คนไทยไม่ค่อยไว้วางใจภาครัฐไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลแบบใด..จึงไม่พอใจอยู่ร่ำไปเมื่อมีข่าวรัฐจะเก็บภาษี” แต่สำหรับ “ภาษีความเค็ม” นั้นต้องบอกว่าเป็นเรื่องดีและมีตัวอย่างมาแล้วในต่างประเทศ ถึงกระนั้น “ที่นี่แนวหน้า” ก็ขอเสนอแนะบ้างว่า..เป็นไปได้หรือไม่? ที่จะกำหนดให้ภาษีความเค็มที่เก็บได้นี้ถูกนำไปใช้เฉพาะงานที่เกี่ยวกับการป้องกันและรักษาผู้ป่วยจากโรคที่เกี่ยวข้องเท่านั้น เพื่อให้ประชาชนเกิดความเชื่อมั่น!!!

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

  •  
  • Breaking News
  • ข่าวยอดนิยม
  • คอลัมน์ฮิต
12:03 น. เขมรเหิมหนัก! กระทืบภาพ'กัน จอมพลัง'และครอบครัว 'อนุทิน'ก็ไม่รอด โดนเล่นยันบุพการี
11:50 น. ทองแพงพุ่งไม่หยุด ตำรวจปายระดมกำลังเพิ่มสายตรวจ สร้างเกราะป้องกันร้านทองทั่วพื้นที่
11:49 น. สุดฉาว! ไกด์เถื่อนบังคับนักท่องเที่ยวจีน ไม่ซื้อสินค้าไม่ให้กลับประเทศ
11:47 น. หัวใจเดียวกัน! 'บิ๊กกุ้ง'การันตี'วีระยุทธ มทภ.2'เพื่อนร่วมรบต่อสู้เพื่อชาติ
11:45 น. 'นายกฯ'ถกครม.ที่สภาฯ เผย‘สีหศักดิ์’คุยวงเจรจาปมชายแดนที่มาเลย์คืบหน้าดี จ่อหารืออีกครั้ง
ดูทั้งหมด
'ปราชญ์ สามสี'งัดความรู้ฉะหน้าเขมร ลั่นนี่คือ'ประวัติศาสตร์ที่กัมพูชาอยากลืม'
ร้านอาหารจีนในไทยสวนกระแสทูตจีน ติด'หน้าฮุนเซน'พื้นทางเข้าร้าน ลูกค้าทั้งเหยียบทั้งขยี้ฉ่ำ
ตาสว่างทันที! 'ทูตจีนประจำกัมพูชา'โพสต์สนับสนุนเขมร จุดไฟคนไทยเดือดทั้งโซเชียล
'องคมนตรี'เป็นผู้แทนพระองค์ พระราชทานปริญญาบัตร มหาวิทยาลัยราชภัฏเขตภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง
ทัวร์ลงฉ่ำเฟซบุ๊กทูตจีน! หลังโพสต์สนับสนุนกัมพูชา คนไทยคอมเมนต์แรงตีสองหน้า
ดูทั้งหมด
กัปตันเรือมือด้วน
แก้รัฐธรรมนูญเพื่อ...?
หนี้รถไฟฟ้าสายสีเขียว ราคาของการหาเสียงการเมือง ราคาของความล่าช้า
บุคคลแนวหน้า : 14 ตุลาคม 2568
โลกล้อมกัมพูชา เมื่อสหรัฐกำหนดให้เป็นรัฐสนับสนุนการค้ามนุษย์
ดูทั้งหมด

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

ทองแพงพุ่งไม่หยุด ตำรวจปายระดมกำลังเพิ่มสายตรวจ สร้างเกราะป้องกันร้านทองทั่วพื้นที่

‘หมอวรงค์’เหน็บ‘เท้ง’จุ้น‘เสียงผี’มากกว่าอธิปไตย เป็น‘ผู้นำฝ่ายค้าน’คิดใหญ่ไม่ได้อย่าเป็นดีกว่า

สุดฉาว! ไกด์เถื่อนบังคับนักท่องเที่ยวจีน ไม่ซื้อสินค้าไม่ให้กลับประเทศ

'นายกฯ'ถกครม.ที่สภาฯ เผย‘สีหศักดิ์’คุยวงเจรจาปมชายแดนที่มาเลย์คืบหน้าดี จ่อหารืออีกครั้ง

‘สภา’ดื้อรั้น! ‘ดิเรกฤทธิ์’ซัดตั้งใจทำผิด ดันเขียน‘รธน.’ฉบับใหม่ ทั้งที่ไม่มีอำนาจ

'เท้ง'โยน'อนุทิน-สีหศักดิ์'ตอบ 'กัน จอมพลัง'เปิดเสียงผีชายแดน ละเมิด กม.ระหว่างประเทศหรือไม่

  • Breaking News
  • เขมรเหิมหนัก! กระทืบภาพ\'กัน จอมพลัง\'และครอบครัว \'อนุทิน\'ก็ไม่รอด โดนเล่นยันบุพการี เขมรเหิมหนัก! กระทืบภาพ'กัน จอมพลัง'และครอบครัว 'อนุทิน'ก็ไม่รอด โดนเล่นยันบุพการี
  • ทองแพงพุ่งไม่หยุด ตำรวจปายระดมกำลังเพิ่มสายตรวจ สร้างเกราะป้องกันร้านทองทั่วพื้นที่ ทองแพงพุ่งไม่หยุด ตำรวจปายระดมกำลังเพิ่มสายตรวจ สร้างเกราะป้องกันร้านทองทั่วพื้นที่
  • สุดฉาว! ไกด์เถื่อนบังคับนักท่องเที่ยวจีน ไม่ซื้อสินค้าไม่ให้กลับประเทศ สุดฉาว! ไกด์เถื่อนบังคับนักท่องเที่ยวจีน ไม่ซื้อสินค้าไม่ให้กลับประเทศ
  • หัวใจเดียวกัน! \'บิ๊กกุ้ง\'การันตี\'วีระยุทธ มทภ.2\'เพื่อนร่วมรบต่อสู้เพื่อชาติ หัวใจเดียวกัน! 'บิ๊กกุ้ง'การันตี'วีระยุทธ มทภ.2'เพื่อนร่วมรบต่อสู้เพื่อชาติ
  • \'นายกฯ\'ถกครม.ที่สภาฯ เผย‘สีหศักดิ์’คุยวงเจรจาปมชายแดนที่มาเลย์คืบหน้าดี จ่อหารืออีกครั้ง 'นายกฯ'ถกครม.ที่สภาฯ เผย‘สีหศักดิ์’คุยวงเจรจาปมชายแดนที่มาเลย์คืบหน้าดี จ่อหารืออีกครั้ง
ดูทั้งหมด

คอลัมน์ที่เกี่ยวข้อง

เสียงจาก ‘ไรเดอร์’ วอนรัฐ ปรับปรุง ‘ระบบ-กฎหมาย’ ก่อนใช้จริง

เสียงจาก ‘ไรเดอร์’ วอนรัฐ ปรับปรุง ‘ระบบ-กฎหมาย’ ก่อนใช้จริง

11 ต.ค. 2568

‘fai-fah Art Fest 2025’ นิทรรศการศิลปะ จุดประกายเยาวชน สร้างสิ่งดีๆคืนสู่สังคมไทย

‘fai-fah Art Fest 2025’ นิทรรศการศิลปะ จุดประกายเยาวชน สร้างสิ่งดีๆคืนสู่สังคมไทย

4 ต.ค. 2568

ชวน ‘บัณฑิต’ จุฬาฯ ฉลอง แชร์ภาพถ่ายขึ้นจอยักษ์กลางสยาม!

ชวน ‘บัณฑิต’ จุฬาฯ ฉลอง แชร์ภาพถ่ายขึ้นจอยักษ์กลางสยาม!

27 ก.ย. 2568

‘ดัชนีสุจริตไทย’..น่าห่วง แนะรัฐใช้ ‘MBI’ มั่นใจไทยขึ้นแท่น ‘นวัตกรรมคุณธรรมฯ’ แห่งแรกของโลก

‘ดัชนีสุจริตไทย’..น่าห่วง แนะรัฐใช้ ‘MBI’ มั่นใจไทยขึ้นแท่น ‘นวัตกรรมคุณธรรมฯ’ แห่งแรกของโลก

20 ก.ย. 2568

เฉลิมฉลอง 75 ปี ‘Snoopy’ ชมความน่ารักของ ‘เจ้าหมาน้อย’ ในงานนิทรรศการระดับโลก

เฉลิมฉลอง 75 ปี ‘Snoopy’ ชมความน่ารักของ ‘เจ้าหมาน้อย’ ในงานนิทรรศการระดับโลก

13 ก.ย. 2568

‘ILD 2568’ การส่งเสริมการรู้หนังสือในยุคดิจิทัล

‘ILD 2568’ การส่งเสริมการรู้หนังสือในยุคดิจิทัล

6 ก.ย. 2568

​ถ้าจะขับ…‘ห้ามดื่ม’ บทเรียนจากกรณี ‘มารี เบิร์นเนอร์’

​ถ้าจะขับ…‘ห้ามดื่ม’ บทเรียนจากกรณี ‘มารี เบิร์นเนอร์’

30 ส.ค. 2568

โชว์ความเป็นหนึ่ง ‘กุ้งก้ามกราม’ สัตว์น้ำเศรษฐกิจที่สำคัญของไทย

โชว์ความเป็นหนึ่ง ‘กุ้งก้ามกราม’ สัตว์น้ำเศรษฐกิจที่สำคัญของไทย

23 ส.ค. 2568

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นายปรเมษฐ์ ภู่โต
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2025 Naewna.com All right reserved