น่าจะเป็นที่ชัดเจนขึ้น หลังการประชุมพรรคประชาธิปัตย์เมื่อวาน ที่ถือว่าใกล้คำตอบมากที่สุดของพรรคประชาธิปัตย์แล้วหลังได้หัวหน้าพรรค แต่ก็ยังไม่ใช่คำตอบสุดท้ายเพราะต้องรอมติพรรคเช่นเดียวกับพรรคภูมิใจไทย ซึ่งจะประชุมวันที่ 20 พ.ค. ที่น่าจะใกล้เคียงกับการประชุมของพรรคประชาธิปัตย์ ในสัปดาห์หน้า ในขณะที่ก่อนหน้านี้ฝั่งพรรคพลังประชารัฐก็เพิ่งได้เสียง สส.ในสภาเพิ่มอีกอย่างน้อย 13 เสียงแน่นอนแล้ว หลังพรรคเล็ก 11 พรรค และพรรครักษ์ผืนป่าฯ แถลงจุดยืนหนุนพล.อ.ประยุทธ์เป็น นายกฯ ส่วนกลุ่มพรรคเพื่อนทักษิณ แม้จะรู้ดีว่ายากที่จะกำชัย แต่ก็ดูเหมือนจะมีความพยายามบางอย่างที่ต้องการเล่นกับกระแสมวลชน? ซึ่งก็ไม่รู้ว่าแค่ต้องการทิ้งทวนก่อนนั่งเป็นฝ่ายค้านหรือหวังผลในเรื่องใดนอกจากนี้หรือไม่? ซึ่งสุดท้ายการจะชี้ขาดผู้ชนะในศึกตั้งรัฐบาลครั้งนี้ก็ดูจะยังเร็วเกินไป?
แม้ทางพรรคประชาธิปัตย์จะมีความชัดเจนแล้ว หลังที่ประชุมพรรคมีมติเลือกนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ เป็นหัวหน้าพรรค ซึ่งก็ต้องติดตามต่อไปว่าการดำเนินบทบาททางการเมืองของประชาธิปัตย์ภายใต้การนำโดยนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ ในภายภาคหน้าจะเป็นเช่นไร? อย่างไรก็ตาม แต่เดิมที่หลายฝ่ายคาดว่า น้ำหนักสุดท้ายจะอยู่กับพรรคประชาธิปัตย์ กลับกลายเป็นว่าในความเป็นจริงก็มีเรื่องไม่คาดคิดเกิดขึ้นอีกในฝั่งพรรคภูมิใจไทย ที่แม้ทีแรกจะมีแนวโน้มสูงว่าจะร่วมกับพรรคพลังประชารัฐ? แต่ล่าสุดกลับมีการชี้แจงโดยนายอนุทิน หัวหน้าพรรค ออกมาว่าทางพรรคยังไม่มีข้อสรุป จึงเปรียบเสมือนการก้าวถอยหลังมา 1 ก้าว และทำให้เกิดภาวะความคลุมเครือขึ้น? ส่งผลให้ยังต้องรอข้อสรุปจากพรรคภูมิใจไทย ซึ่งจะมีการประชุมพรรคในวันที่ 20 พ.ค.
นอกจากนี้ ทิศทางของการจัดตั้งรัฐบาลก็น่าจะต้องยืดออกไปอีก เมื่อผนวกกับช่วงจังหวะที่พรรคฝั่งกลุ่มเพื่อนทักษิณกำลังรวมเสียงกัน อันประกอบไปด้วย พรรคเพื่อไทย พรรคอนาคตใหม่ พรรคเพื่อธรรม พรรคเพื่อชาติ พรรคประชาชาติ พรรคเสรีรวมไทย พรรคเศรษฐกิจใหม่ และพรรคพลังปวงชนไทย ดังนั้นสัปดาห์นี้จึงเป็นสัปดาห์ของการรอจังหวะและการเดินเกม ซึ่งเป็นการรอจังหวะจากทั้งพรรคภูมิใจไทยและพรรคประชาธิปัตย์ ในการรอลงมติพรรค ที่แม้จะประกาศรายชื่อหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์เสร็จไปเมื่อวานนี้ แต่ก็ยังต้องรอการประชุมกรรมการบริหารพรรคอยู่ดี ซึ่งในช่วงที่รอการประชุมกรรมการบริหารพรรคของพรรคประชาธิปัตย์และภูมิใจไทยนั้น น่าจะเป็นช่วงเดินเกมเจรจาที่แท้จริง ซึ่งคาดว่าจะเกิดขึ้นในสุดสัปดาห์นี้ ระหว่างพรรคพลังประชารัฐ ประชาธิปัตย์ และภูมิใจไทย ต่อเรื่องอัตราเก้าอี้รัฐมนตรีของ สส. รวมถึงตำแหน่งอื่นในสภา อย่างไรก็ตาม คาดว่าน่าจะมีการเดินเกมคู่ขนานระหว่างพรรคพลังประชารัฐ กับสส.งูเห่าที่อาจจะเกิดขึ้นในพรรคอื่น
อย่างไรก็ตาม หนึ่งในทิศทางสำคัญที่สร้างแต้มต่อให้กับพรรคพลังประชารัฐแล้วก็คือ การประชุมแถลงจุดยืนของพรรคเล็ก 11 พรรค และพรรครักษ์ผืนป่าฯ เท่ากับ 13 เสียง ในสภาฯ ซึ่งในความเป็นจริงแม้พรรคเล็กส่วนมากจะเลือกหนุนพล.อ.ประยุทธ์ แต่ก็ยังมีบางส่วนที่แยกออกไปร่วมกับฝั่งพรรคเพื่อไทย คือ พรรคเสรีรวมไทย พรรคเพื่อชาติ พรรคประชาชาติ และพรรคพลังปวงชนไทย อย่างไรก็ตาม ด้วยคะแนนเสียงจากพรรคเล็กทั้ง 12 เสียง เมื่อรวมกับอีก 1 เสียง ของพรรคประชาชนปฏิรูป ถึงแม้ในวันประกาศร่วมจัดตั้งรัฐบาลจะไม่ได้มา แต่ก็คาดการณ์ว่าน่าจะจับมือร่วมกับพรรคพลังประชารัฐ? และหากรวมกับอีก 5 เสียงของพรรครวมพลังประชาชาติไทย ชาติไทยพัฒนา และชาติพัฒนา จึงน่าจะส่งผลให้ขณะนี้ พรรคพลังประชารัฐน่าจะได้อีกอย่างน้อย 30 เสียง มาไว้ในมือแล้วใช่หรือไม่? ส่งผลให้ในขณะนี้พรรคพลังประชารัฐเหลือเงื่อนไขที่ต้องทำให้สำเร็จอยู่คือ การดึงพรรคประชาธิปัตย์และภูมิใจไทยมาร่วมกับตัวเองให้ได้ ในขณะที่พรรคเล็กที่เหลือมีเพียงพรรคพลังท้องถิ่นไท แต่ก็ยังถือครองเสียงในสภาฯ อีก 3 เสียง จึงถือว่ายังมีความสำคัญที่พรรคพลังประชารัฐต้องดึงมาให้ได้เช่นกัน
ทางด้านแนวร่วมพรรคในกลุ่มเพื่อนทักษิณก็ดูจะถึงคราวเข้าตาจนที่ต้องรับสภาพเป็นฝ่ายค้านแล้วหรือไม่? เมื่อผลการเลือกตั้งปรากฏออกมาว่าฝ่ายเพื่อไทยสามารถรวบรวมได้เพียง 245 เสียง แม้จะไม่นับรวมเสียงจาก สว. ที่มีแนวโน้มจะสนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์เข้ามาร่วมด้วย ก็ยังนับว่าเป็นเรื่องยากอยู่ดีที่จะคว้าเก้าอี้รัฐบาล? จึงเกิดแนวความคิดขั้วที่สามขึ้นนั่นคือการสร้างสูตรใหม่ ให้เกิดคะแนนเสียงรวมสองสภามากกว่า 350 เสียง โดยไม่พึ่ง สว. ซึ่งน่าจะมีความเกี่ยวข้องกับการปล่อยข่าวการยื่นข้อเสนอให้พรรคภูมิใจไทยและประชาธิปัตย์ โดยแนวร่วมพรรคเพื่อไทย ซึ่งจะมีผลให้เสียงในฝั่งนี้มีมากกว่า 350 ทันที
อย่างไรก็ตาม ก็ดูเป็นข้อเสนอที่ดูเป็นไปได้ยาก ซึ่งทางฝั่งพรรคเพื่อไทยและแนวร่วมก็น่าจะรู้อยู่แล้วว่าเป็นข้อเสนอที่เป็นไปได้ยาก จึงยังไม่รู้เหตุผลที่แท้จริงของการยื่นชุดข้อเสนอดังกล่าว? ทั้งนี้เมื่อย้อนไปดูชุดข้อเสนอของพรรคอนาคตใหม่ก่อนหน้านี้ที่ประกาศว่าจะเสนอคุณหญิงสุดารัตน์เป็นนายกฯ เท่านั้นหลังการเลือกตั้งเสร็จ ในขณะที่ตอนนี้พรรคเพื่อไทยเองก็มีข่าวลือว่าจะยื่นข้อเสนอให้พรรคภูมิใจไทยอีก หลายคนจึงดูออกว่าน่าจะเป็นการเล่นประเด็นทางการเมืองมากกว่าหรือไม่? และเป็นข้อเสนอทางการเมืองเพื่อเล่นเกมบีบพรรคขนาดกลางอย่างประชาธิปัตย์และภูมิใจไทย ให้เหลือทางเลือกในการตัดสินใจแคบลงไปอีกหรือไม่? อย่างไรก็ตาม ในการเมืองอะไรก็เกิดขึ้นได้ เมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา นายอภิสิทธิ์ ก็ยอมรับว่าได้มีการพูดคุยกับนายอนุทิน ในทำนองที่เกี่ยวกับรัฐบาลขั้วที่ 3 เพราะนับรวมคะแนนเสียงของประชาธิปัตย์ และภูมิใจไทยและแนวร่วมเพื่อไทยเข้าด้วยกันจะเท่ากับ 348 เสียง ซึ่งมีผลไม่น้อยต่อการสร้างแรงสะเทือนของเสียงในสภาฯ ซึ่งต้องหาอีกเพียงแค่ 28 เสียง ก็จะโหวตเลือกนายกฯ ได้โดยไม่ต้องพึ่งเสียงจาก สว. ซึ่งหากมองจากมุมนี้ ไม่ว่าจะมีข้อเสนอของฝ่ายพรรคเพื่อไทย หรืออนาคตใหม่เพื่อทำให้เกิดกระแสทางการเมืองหรือไม่ก็ตาม? แต่การประกาศว่ายังไม่ตัดสินใจของประชาธิปัตย์และภูมิใจไทยดูจะทำให้เกิดเกมใหม่ในการต่อรองเก้าอี้รัฐมนตรีได้มากกว่าช่วงก่อนหน้านี้ ส่งผลให้การคุมเกมกระจายเก้าอี้รัฐมนตรีของพลังประชารัฐไม่ง่ายอย่างที่คิดและอาจทำให้เกิดข้อต่อรองเป็นดีลพิเศษเหมือนที่สมัยพรรคภูมิใจไทยต่อรองกับประชาธิปัตย์เมื่อปี’52
ด้วยสถานการณ์ที่ยังมีความคลุมเครือเช่นนี้ ทั้งฝ่ายพลังประชารัฐและเพื่อไทยที่มีความสูสีกันในเรื่องคะแนนเสียงก็คงต้องทำทุกวิถีทางเพื่อให้มีผลในการตัดสินใจของสองพรรคขนาดกลางอย่างประชาธิปัตย์และภูมิใจไทย โดยเฉพาะเมื่อมีกระแสการยื่นข้อเสนอตำแหน่งนายกฯ ของพรรคเพื่อไทย ให้กับประชาธิปัตย์และภูมิใจไทยขึ้นมา ก็ยิ่งเป็นความกดดันของฝั่งพลังประชารัฐที่อาจถูกบีบให้ต้องยอมเสียเก้าอี้รัฐมนตรีในกระทรวงสำคัญให้กับทั้งประชาธิปัตย์และภูมิใจไทย ซึ่งก็คงเป็นเรื่องที่พรรคพลังประชารัฐต้องระมัดระวังเป็นอย่างมาก เพราะการจัดสรรเก้าอี้รัฐมนตรีให้กับพรรคร่วมมากเกินไปก็อาจส่งผลให้ซีก ครม. บางคนในรัฐบาลปัจจุบันซึ่งต้องการจะดำรงตำแหน่งต่อในรัฐบาลหน้าเกิดความไม่พอใจได้เช่นกัน และหากตีความว่ารัฐมนตรีที่ยังไม่ลาออกทั้งหมดจะร่วมรัฐบาลในอนาคต การแบ่งที่นั่งรัฐมนตรีให้กับพรรคร่วมอื่นๆ ย่อมเป็นเรื่องยากอย่างแน่นอน....
“ความจริงในโลกนี้ ยังมีคนดีอยู่ทุกหนแห่งเสมอ…”
โกวเล้ง จากเหยี่ยวเดือนเก้า
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี