วันอังคาร ที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2568
น่าจะเป็นที่ชัดเจนขึ้น หลังการประชุมพรรคประชาธิปัตย์เมื่อวาน ที่ถือว่าใกล้คำตอบมากที่สุดของพรรคประชาธิปัตย์แล้วหลังได้หัวหน้าพรรค แต่ก็ยังไม่ใช่คำตอบสุดท้ายเพราะต้องรอมติพรรคเช่นเดียวกับพรรคภูมิใจไทย ซึ่งจะประชุมวันที่ 20 พ.ค. ที่น่าจะใกล้เคียงกับการประชุมของพรรคประชาธิปัตย์ ในสัปดาห์หน้า ในขณะที่ก่อนหน้านี้ฝั่งพรรคพลังประชารัฐก็เพิ่งได้เสียง สส.ในสภาเพิ่มอีกอย่างน้อย 13 เสียงแน่นอนแล้ว หลังพรรคเล็ก 11 พรรค และพรรครักษ์ผืนป่าฯ แถลงจุดยืนหนุนพล.อ.ประยุทธ์เป็น นายกฯ ส่วนกลุ่มพรรคเพื่อนทักษิณ แม้จะรู้ดีว่ายากที่จะกำชัย แต่ก็ดูเหมือนจะมีความพยายามบางอย่างที่ต้องการเล่นกับกระแสมวลชน? ซึ่งก็ไม่รู้ว่าแค่ต้องการทิ้งทวนก่อนนั่งเป็นฝ่ายค้านหรือหวังผลในเรื่องใดนอกจากนี้หรือไม่? ซึ่งสุดท้ายการจะชี้ขาดผู้ชนะในศึกตั้งรัฐบาลครั้งนี้ก็ดูจะยังเร็วเกินไป?
แม้ทางพรรคประชาธิปัตย์จะมีความชัดเจนแล้ว หลังที่ประชุมพรรคมีมติเลือกนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ เป็นหัวหน้าพรรค ซึ่งก็ต้องติดตามต่อไปว่าการดำเนินบทบาททางการเมืองของประชาธิปัตย์ภายใต้การนำโดยนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ ในภายภาคหน้าจะเป็นเช่นไร? อย่างไรก็ตาม แต่เดิมที่หลายฝ่ายคาดว่า น้ำหนักสุดท้ายจะอยู่กับพรรคประชาธิปัตย์ กลับกลายเป็นว่าในความเป็นจริงก็มีเรื่องไม่คาดคิดเกิดขึ้นอีกในฝั่งพรรคภูมิใจไทย ที่แม้ทีแรกจะมีแนวโน้มสูงว่าจะร่วมกับพรรคพลังประชารัฐ? แต่ล่าสุดกลับมีการชี้แจงโดยนายอนุทิน หัวหน้าพรรค ออกมาว่าทางพรรคยังไม่มีข้อสรุป จึงเปรียบเสมือนการก้าวถอยหลังมา 1 ก้าว และทำให้เกิดภาวะความคลุมเครือขึ้น? ส่งผลให้ยังต้องรอข้อสรุปจากพรรคภูมิใจไทย ซึ่งจะมีการประชุมพรรคในวันที่ 20 พ.ค.
นอกจากนี้ ทิศทางของการจัดตั้งรัฐบาลก็น่าจะต้องยืดออกไปอีก เมื่อผนวกกับช่วงจังหวะที่พรรคฝั่งกลุ่มเพื่อนทักษิณกำลังรวมเสียงกัน อันประกอบไปด้วย พรรคเพื่อไทย พรรคอนาคตใหม่ พรรคเพื่อธรรม พรรคเพื่อชาติ พรรคประชาชาติ พรรคเสรีรวมไทย พรรคเศรษฐกิจใหม่ และพรรคพลังปวงชนไทย ดังนั้นสัปดาห์นี้จึงเป็นสัปดาห์ของการรอจังหวะและการเดินเกม ซึ่งเป็นการรอจังหวะจากทั้งพรรคภูมิใจไทยและพรรคประชาธิปัตย์ ในการรอลงมติพรรค ที่แม้จะประกาศรายชื่อหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์เสร็จไปเมื่อวานนี้ แต่ก็ยังต้องรอการประชุมกรรมการบริหารพรรคอยู่ดี ซึ่งในช่วงที่รอการประชุมกรรมการบริหารพรรคของพรรคประชาธิปัตย์และภูมิใจไทยนั้น น่าจะเป็นช่วงเดินเกมเจรจาที่แท้จริง ซึ่งคาดว่าจะเกิดขึ้นในสุดสัปดาห์นี้ ระหว่างพรรคพลังประชารัฐ ประชาธิปัตย์ และภูมิใจไทย ต่อเรื่องอัตราเก้าอี้รัฐมนตรีของ สส. รวมถึงตำแหน่งอื่นในสภา อย่างไรก็ตาม คาดว่าน่าจะมีการเดินเกมคู่ขนานระหว่างพรรคพลังประชารัฐ กับสส.งูเห่าที่อาจจะเกิดขึ้นในพรรคอื่น
อย่างไรก็ตาม หนึ่งในทิศทางสำคัญที่สร้างแต้มต่อให้กับพรรคพลังประชารัฐแล้วก็คือ การประชุมแถลงจุดยืนของพรรคเล็ก 11 พรรค และพรรครักษ์ผืนป่าฯ เท่ากับ 13 เสียง ในสภาฯ ซึ่งในความเป็นจริงแม้พรรคเล็กส่วนมากจะเลือกหนุนพล.อ.ประยุทธ์ แต่ก็ยังมีบางส่วนที่แยกออกไปร่วมกับฝั่งพรรคเพื่อไทย คือ พรรคเสรีรวมไทย พรรคเพื่อชาติ พรรคประชาชาติ และพรรคพลังปวงชนไทย อย่างไรก็ตาม ด้วยคะแนนเสียงจากพรรคเล็กทั้ง 12 เสียง เมื่อรวมกับอีก 1 เสียง ของพรรคประชาชนปฏิรูป ถึงแม้ในวันประกาศร่วมจัดตั้งรัฐบาลจะไม่ได้มา แต่ก็คาดการณ์ว่าน่าจะจับมือร่วมกับพรรคพลังประชารัฐ? และหากรวมกับอีก 5 เสียงของพรรครวมพลังประชาชาติไทย ชาติไทยพัฒนา และชาติพัฒนา จึงน่าจะส่งผลให้ขณะนี้ พรรคพลังประชารัฐน่าจะได้อีกอย่างน้อย 30 เสียง มาไว้ในมือแล้วใช่หรือไม่? ส่งผลให้ในขณะนี้พรรคพลังประชารัฐเหลือเงื่อนไขที่ต้องทำให้สำเร็จอยู่คือ การดึงพรรคประชาธิปัตย์และภูมิใจไทยมาร่วมกับตัวเองให้ได้ ในขณะที่พรรคเล็กที่เหลือมีเพียงพรรคพลังท้องถิ่นไท แต่ก็ยังถือครองเสียงในสภาฯ อีก 3 เสียง จึงถือว่ายังมีความสำคัญที่พรรคพลังประชารัฐต้องดึงมาให้ได้เช่นกัน
ทางด้านแนวร่วมพรรคในกลุ่มเพื่อนทักษิณก็ดูจะถึงคราวเข้าตาจนที่ต้องรับสภาพเป็นฝ่ายค้านแล้วหรือไม่? เมื่อผลการเลือกตั้งปรากฏออกมาว่าฝ่ายเพื่อไทยสามารถรวบรวมได้เพียง 245 เสียง แม้จะไม่นับรวมเสียงจาก สว. ที่มีแนวโน้มจะสนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์เข้ามาร่วมด้วย ก็ยังนับว่าเป็นเรื่องยากอยู่ดีที่จะคว้าเก้าอี้รัฐบาล? จึงเกิดแนวความคิดขั้วที่สามขึ้นนั่นคือการสร้างสูตรใหม่ ให้เกิดคะแนนเสียงรวมสองสภามากกว่า 350 เสียง โดยไม่พึ่ง สว. ซึ่งน่าจะมีความเกี่ยวข้องกับการปล่อยข่าวการยื่นข้อเสนอให้พรรคภูมิใจไทยและประชาธิปัตย์ โดยแนวร่วมพรรคเพื่อไทย ซึ่งจะมีผลให้เสียงในฝั่งนี้มีมากกว่า 350 ทันที
อย่างไรก็ตาม ก็ดูเป็นข้อเสนอที่ดูเป็นไปได้ยาก ซึ่งทางฝั่งพรรคเพื่อไทยและแนวร่วมก็น่าจะรู้อยู่แล้วว่าเป็นข้อเสนอที่เป็นไปได้ยาก จึงยังไม่รู้เหตุผลที่แท้จริงของการยื่นชุดข้อเสนอดังกล่าว? ทั้งนี้เมื่อย้อนไปดูชุดข้อเสนอของพรรคอนาคตใหม่ก่อนหน้านี้ที่ประกาศว่าจะเสนอคุณหญิงสุดารัตน์เป็นนายกฯ เท่านั้นหลังการเลือกตั้งเสร็จ ในขณะที่ตอนนี้พรรคเพื่อไทยเองก็มีข่าวลือว่าจะยื่นข้อเสนอให้พรรคภูมิใจไทยอีก หลายคนจึงดูออกว่าน่าจะเป็นการเล่นประเด็นทางการเมืองมากกว่าหรือไม่? และเป็นข้อเสนอทางการเมืองเพื่อเล่นเกมบีบพรรคขนาดกลางอย่างประชาธิปัตย์และภูมิใจไทย ให้เหลือทางเลือกในการตัดสินใจแคบลงไปอีกหรือไม่? อย่างไรก็ตาม ในการเมืองอะไรก็เกิดขึ้นได้ เมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา นายอภิสิทธิ์ ก็ยอมรับว่าได้มีการพูดคุยกับนายอนุทิน ในทำนองที่เกี่ยวกับรัฐบาลขั้วที่ 3 เพราะนับรวมคะแนนเสียงของประชาธิปัตย์ และภูมิใจไทยและแนวร่วมเพื่อไทยเข้าด้วยกันจะเท่ากับ 348 เสียง ซึ่งมีผลไม่น้อยต่อการสร้างแรงสะเทือนของเสียงในสภาฯ ซึ่งต้องหาอีกเพียงแค่ 28 เสียง ก็จะโหวตเลือกนายกฯ ได้โดยไม่ต้องพึ่งเสียงจาก สว. ซึ่งหากมองจากมุมนี้ ไม่ว่าจะมีข้อเสนอของฝ่ายพรรคเพื่อไทย หรืออนาคตใหม่เพื่อทำให้เกิดกระแสทางการเมืองหรือไม่ก็ตาม? แต่การประกาศว่ายังไม่ตัดสินใจของประชาธิปัตย์และภูมิใจไทยดูจะทำให้เกิดเกมใหม่ในการต่อรองเก้าอี้รัฐมนตรีได้มากกว่าช่วงก่อนหน้านี้ ส่งผลให้การคุมเกมกระจายเก้าอี้รัฐมนตรีของพลังประชารัฐไม่ง่ายอย่างที่คิดและอาจทำให้เกิดข้อต่อรองเป็นดีลพิเศษเหมือนที่สมัยพรรคภูมิใจไทยต่อรองกับประชาธิปัตย์เมื่อปี’52
ด้วยสถานการณ์ที่ยังมีความคลุมเครือเช่นนี้ ทั้งฝ่ายพลังประชารัฐและเพื่อไทยที่มีความสูสีกันในเรื่องคะแนนเสียงก็คงต้องทำทุกวิถีทางเพื่อให้มีผลในการตัดสินใจของสองพรรคขนาดกลางอย่างประชาธิปัตย์และภูมิใจไทย โดยเฉพาะเมื่อมีกระแสการยื่นข้อเสนอตำแหน่งนายกฯ ของพรรคเพื่อไทย ให้กับประชาธิปัตย์และภูมิใจไทยขึ้นมา ก็ยิ่งเป็นความกดดันของฝั่งพลังประชารัฐที่อาจถูกบีบให้ต้องยอมเสียเก้าอี้รัฐมนตรีในกระทรวงสำคัญให้กับทั้งประชาธิปัตย์และภูมิใจไทย ซึ่งก็คงเป็นเรื่องที่พรรคพลังประชารัฐต้องระมัดระวังเป็นอย่างมาก เพราะการจัดสรรเก้าอี้รัฐมนตรีให้กับพรรคร่วมมากเกินไปก็อาจส่งผลให้ซีก ครม. บางคนในรัฐบาลปัจจุบันซึ่งต้องการจะดำรงตำแหน่งต่อในรัฐบาลหน้าเกิดความไม่พอใจได้เช่นกัน และหากตีความว่ารัฐมนตรีที่ยังไม่ลาออกทั้งหมดจะร่วมรัฐบาลในอนาคต การแบ่งที่นั่งรัฐมนตรีให้กับพรรคร่วมอื่นๆ ย่อมเป็นเรื่องยากอย่างแน่นอน....
“ความจริงในโลกนี้ ยังมีคนดีอยู่ทุกหนแห่งเสมอ…”
โกวเล้ง จากเหยี่ยวเดือนเก้า

ตอกหน้าฝรั่งดูแคลน! ประภาส เปิดอภินิหารคำว่า แล้ว พิสูจน์ความลึกซึ้งที่เหนือกว่า Tense
(คลิป) สื่อเขมร รายงานจริงครั้งแรก! ไทย ใช้ F-16 ทิ้งบอมปอยเปตพังท่องเที่ยวกัมพูชา
ปราชญ์ สามสี สดุดี จ่าเริง วีรบุรุษเนิน 350 ผู้ปกป้องแผ่นดินด้วยชีวิต
ทรัมป์ กร้าว ต้องการ กรีนแลนด์ เพื่อความมั่นคงของ สหรัฐฯ
เขมรกล่าวหาไทย ทิ้งระเบิด พ่นควันพิษ เป็น อาชญากรรมสิ่งแวดล้อม

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี