ต่อภัสสร์: พ่อครับ เมื่อ 2 ปีที่แล้ว เราเคยเขียนบทความเรื่อง “ตึกรัฐสภาใหม่ใช้กันคนโกงได้?” แต่วันนั้นยังไม่รู้สึกตื่นเต้นเท่าไหร่เทียบกับวันนี้ที่เรามีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรกันแล้ว เลยอยากกลับมาคุยเรื่องนี้กันอีกรอบว่า อาคารรัฐสภาแห่งใหม่ ที่มีชื่อว่า สัปปายะสภาสถาน ซึ่งแปลว่า สถานที่ประกอบกรรมดี นั้น จะกันคนโกงได้อย่างไรครับ
ต่อตระกูล: ที่เคยคุยกันว่า สัปปายะสภาสถาน แห่งนี้จะสามารถกันคนโกงได้ ก็ด้วยกลยุทธ์ 2 ประการ นั่นคือ การป้องกันทางใจ และการป้องกันทางกาย
กลยุทธ์ที่หนึ่งคือการป้องกันทางใจนั้น ก็เนื่องด้วยสัปปายะสภาสถานถูกออกแบบภายใต้แนวคิดที่นำเอา “คติและสัญลักษณ์ทางสถาปัตยกรรมของไทยในอดีตผสมผสานไปกับเทคโนโลยีการก่อสร้าง ระบบโครงสร้างทางสังคม และระบอบการปกครองแบบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขในปัจจุบัน ผ่านทาง
รูปแบบสถาปัตยกรรมสมัยใหม่บนพื้นฐานทางภาษาและฉันทลักษณ์ตามอย่างสถาปัตยกรรมไทยแบบประเพณีตามคติ ไตรภูมิ ที่นอกจากจะแสดงเอกลักษณ์ทางจิตวิญญาณถึงความเป็นไทย ยังมีความหมายเพื่อให้คนไทยและเหล่า ฯพณฯ ที่ดี และพวกบรรดานักการเมืองในเสื้อสูทประชาธิปไตย เมื่อเข้ามาอยู่ในสภาจะสำนึกถึง “บาปบุญคุณโทษ” พลิกฟื้นจิตใจผู้คนให้ประกอบกรรมดี”
ดังนั้น จากที่ผ่านมา ที่เรามักจะเห็นนักการเมืองหลายคนไปสาบานตัวต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ว่าจะรักชาติ ซื่อสัตย์ สุจริตต่อหน้าที่ ไม่คดไม่โกง เพื่อให้ได้รับความยอมรับจากประชาชน หรือไปขอสาบานเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตนเองในข้อกล่าวหาต่างๆ เช่น ไปสาบานต่อพระแก้วมรกตบ้าง ต่อพระสยามเทวาธิราชบ้าง ต่อไปนักการเมืองเหล่านี้ไม่ต้องไปไหนไกลแล้ว เพราะจะสามารถกราบไหว้บูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ได้ที่รัฐสภาแห่งใหม่ที่กำลังก่อสร้างอยู่เลย
กลยุทธ์ที่สอง นั่นคือการป้องกันทางกาย หรือ ทางกายภาพ ก็ต้องยอมรับว่าคนโกง ซึ่งไม่มีศีลธรรมอยู่แล้ว คงไม่สนใจเรื่องทางใจเท่าไหร่ เมื่อเห็นผลประโยชน์มากองอยู่ตรงหน้าแลกกับการเอาเปรียบคนทั้งสังคมก็อดไม่ได้ที่จะคว้าไว้ แม้จะได้สาบานตนต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ ไว้แล้วก็ไม่เกรงกลัวแต่อย่างใด จึงจำเป็นมากที่จะต้องมีกลยุทธ์ทางกายภาพที่เอื้ออำนวยให้กลไกของประชาธิปไตยที่มีความสำคัญอย่างมาก นั่นคือ การมีส่วนร่วมของประชาชน สามารถทำงานได้อย่างเต็มที่
เริ่มจากด้านนอกอาคารก่อน สัปปายะสภาสถาน แห่งนี้มีลานสนามหญ้าขนาดใหญ่ เรียกว่าลานประชาธิปไตยสำหรับให้ประชาชนสามารถรวมตัวจัดชุมนุมเรียกร้องสิทธิอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย อยู่ใกล้ชิดติดกับสถานที่ประชุมและทำงานของสมาชิกรัฐสภาเลยทีเดียว พร้อมกับมีที่จอดรถกว่า 2,000 คัน ไว้รับรองประชาชนทั่วไปด้วย ต่อไปสมาชิกสภาฯ ทั้งหลายก็คงจะเพิกเฉยทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ต่อความต้องการของประชาชนไม่ได้ง่ายๆ เหมือนแต่ก่อนแล้ว
เข้ามาด้านใน สภาแห่งใหม่นี้พื้นที่ใช้สอยกว้างขวางถึง 307,000 ตารางเมตร เพื่ออำนวยความสะดวกให้สมาชิกสภาฯ ใช้เป็นที่ทำงาน มีเจ้าหน้าที่นั่งประจำ ให้ประชาชนสามารถหาตัวพบได้ง่ายขึ้นกว่าเดิมที่มักไปหาสถานที่ทำงานกระจายอยู่ตามที่ต่างๆ พอประชาชนติดต่อไปก็บอกว่าไม่อยู่ ต่อไปเมื่อประชาชนอย่างเรารู้แล้วว่าผู้แทนของเราอยู่ที่ไหน ถ้าไปหาแล้วไม่อยู่และไม่มีแม้แต่เจ้าหน้าที่คอยประสานงานให้ ก็ควรพิจารณาต่อได้ว่างบประมาณที่รัฐสภาให้สมาชิกสภาฯ ไปจ้างผู้ช่วยและที่ปรึกษามาทำงานให้นั้นหายไปไหน เลือกตั้งครั้งหน้าควรตัดสินใจอย่างไร
ต่อมาในจุดสำคัญคือ ห้องประชุมใหญ่ มีการจัดพื้นที่ให้ประชาชนผู้สนใจติดตามการทำงานของผู้แทนฯ สามารถเข้ามานั่งฟังการประชุมได้จำนวนมาก เป็นห้องที่กว้างขวางกว่าพื้นที่รัฐสภาเดิม ในห้องประชุมใหม่นี้ ประชาชนจะไม่ได้ถูกจัดให้นั่งอยู่ข้างหลังของห้องประชุมรัฐสภาเหมือนเดิมอีกแล้ว แต่จะจัดให้ได้สังเกตการณ์การประชุมจากชั้นบน ด้านหน้าที่ประชุม ซึ่งทำให้มองเห็นได้ชัดว่าสมาชิกสภาฯ ผู้ใดอภิปรายอยู่ ผู้ใดทำกิจกรรมอื่นๆ ในห้องประชุม เช่น นั่งหลับ หรือทำอะไรที่ไม่เหมาะสมในห้องประชุม นอกจากนี้ยังจัดให้มีพื้นที่โล่งเป็นสนามหญ้าหน้าตึกรัฐสภา สำหรับผู้ที่สนใจการเมืองสามารถจะมานั่งฟังการอภิปรายรอบนอกห้องประชุมสภาฯ ได้ และที่สำคัญคือ รัฐสภาใหม่นี้จะไม่มีรั้วที่กั้นระหว่างประชาชนกับผู้แทนฯ อีกต่อไป
ต่อภัสสร์: ฟังแนวความคิดแล้วก็น่าสนใจดี ทั้งการป้องกันทางใจและทางกายภาพนะครับ แล้วในความเป็นจริง ใครเป็นคนก่อสร้าง และจะได้ใช้งานจริงเมื่อไหร่ล่ะครับ
ต่อตระกูล: โครงการก่อสร้างอาคารรัฐสภาใหม่นี้ ได้ลงนามสัญญากันในวันที่ 30 เมษายน พ.ศ.2556 โดยผู้ชนะประมูลได้แก่ บริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) โดยเสนอราคาเข้ามา 12,906,982,000 บาท ชนะอีก 3 บริษัท ที่ได้เสนอราคามาไล่เลียงติดๆ กัน คือบริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) เสนอราคา 13,900,785,610 บาท บริษัท ซินเท็ค คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) เสนอราคา 13,700,000,000 บาท และบริษัท เพาเวอร์ไลน์ จำกัด (มหาชน) เสนอราคา 13,638,233,723 บาท ทั้งนี้ราคาที่บริษัทซิโน-ไทยฯ เสนอมาดังกล่าวยังคงสูงกว่าราคากลางที่กำหนดไว้ 12,287,465,000 บาท จึงทำให้ในที่สุด บริษัทซิโน-ไทยฯ ตกลงลดราคาเสนอลงให้อยู่ในราคากลาง 12,200 ล้านบาท สำหรับการก่อสร้างอาคารพื้นที่รวม 424,311 ตารางเมตรนี้ คิดเป็นราคาค่าก่อสร้างเฉลี่ย 28,750 บาทต่อตารางเมตร
เดิมสัญญาก่อสร้างนี้มีกำหนดให้แล้วเสร็จในเวลา 900 วัน คือต้องเสร็จใช้การได้แล้วตั้งแต่วันที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ.2558 แต่อาคารรัฐสภาในฝันนี้ก็ยังสร้างไม่เสร็จ ซึ่งล่าสุด นายสรศักดิ์ เพียรเวช เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ชี้แจงว่า “ห้องประชุมจันทราเป็นห้องสำหรับใช้ประชุม สว. รองรับได้ 350 คน แต่ในเบื้องต้นจะให้ใช้เป็นห้องประชุม สส.ควบคู่กันไปด้วย โดยจะสามารถเปิดใช้งานได้ปลายเดือน มิ.ย. นี้แน่นอน ส่วนห้องประชุมสุริยันที่เป็นห้องประชุม สส.โดยตรง ความจุ 750 คนนั้น จะเสร็จสมบูรณ์ในเดือน ต.ค.2562 นี้”
ต่อภัสสร์: ด้วยการออกแบบผสมผสานกันระหว่างสถาปัตยกรรมร่วมสมัยกับวิถีประเพณีไทย และเหมาะสมกับการใช้งานจริงสำหรับการบริหารประเทศในวิถีประชาธิปไตยที่สนับสนุนการมีส่วนร่วมของประชาชน เป็นการประสานจิตวิญญาณกับกายภาพเข้ากันได้อย่างลงตัว น่าจะช่วยทำให้สัปปายะสภาสถานเป็นสถานที่ประกอบกรรมดีและกันคนโกงได้ อย่างไรก็ตาม ที่สำคัญที่สุดคือ...ต้องสร้างให้เสร็จเพื่อใช้งานได้ก่อนนะครับ
รศ.ดร.ต่อตระกูล ยมนาค และดร.ต่อภัสสร์ ยมนาค
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี