ในรัฐสภาไทย บัดนี้ได้แบ่งกันอย่างชัดเจนเป็น 2 ขั้ว คือฝ่ายรัฐบาลผสม ที่นำโดย พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา กับฝ่ายค้านผสม ภายใต้เงาของ นายทักษิณ ชินวัตร
โดยก่อนหน้านี้ ผู้คนส่วนหนึ่ง (รวมทั้งตัวกระผม) ก็หวังว่าจะมีขั้วที่ 3 เกิดขึ้นในรัฐสภา แต่ในที่สุดก็ไม่เกิดขึ้น เพราะพรรคประชาธิปัตย์ได้ตัดสินใจเข้าร่วมกับทาง พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา โดยเหตุผลของการเข้าร่วมหรือไม่ร่วม ที่ต่างฝ่ายต่างยกขึ้นมาอ้างนั้นก็ไม่มีใครผิด เพียงแต่ขึ้นอยู่กับมุมมองและจุดยืนเท่านั้น
แต่ประเด็นหลักก็คือ ไม่ว่าจะเป็นฝ่าย พลเอกประยุทธ์ หรือฝ่ายคุณทักษิณ ต่างก็เป็นพวกอำนาจนิยมทั้งนั้น แถมยังฝักใฝ่กับอุดมการณ์ประชานิยมเหมือนกันอีกต่างหาก
โดยทั้ง 2 ขั้วนั้น ต่างรณรงค์ให้รับกฎหมายรัฐธรรมนูญเจ้าปัญหาฉบับปัจจุบัน ที่บิดเบือนโครงสร้าง และตีกรอบเนื้อหาระบบการบ้านการเมืองของไทย ซึ่งทำให้ความเป็นสังคมประชาธิปไตยของไทยถูกบิดเบือน นอกจากนั้น โอกาสที่จะได้เห็นรัฐสภาดำเนินการแก้ไขกฎหมายรัฐธรรมนูญเพื่อเปิดกว้างสิทธิเสรีภาพ ก็ดูจะเป็นไปได้ยาก ซึ่งนอกจากขั้นตอน กฎเกณฑ์กติกา ที่ระบุไว้ตามกฎหมายจะไม่เอื้ออำนวยแล้วฝ่ายที่กุมอำนาจในรัฐสภาก็ยังไม่มีความนึกคิดที่จะแก้ไขอีกด้วย
ฉะนั้น ปวงชนชาวไทยที่รักความเป็นอิสระเสรี และประสงค์ให้สังคมไทยมีความเป็นประชาธิปไตยที่ลึกซึ้ง มีแก่นสาร มีสาระเนื้อหาจริงจัง ก็คงจะฝากความหวังไว้กับรัฐสภาชุดนี้มิได้ นอกจากนั้น หากจะไปบอกกล่าวบรรดาพรรคการเมืองต่างๆ ให้ช่วยสะท้อนความต้องการของประชาชน ก็คงจะมิได้มีการรับฟัง หรือหากจะรับฟัง ก็คงทำอะไรมิได้มาก
เพราะในแง่หนึ่ง ต่างก็อยู่ในรัฐบาลผสม ทำให้น้ำท่วมปาก หรือในอีกแง่หนึ่ง พรรคต่างๆในฐานะฝ่ายค้านผสม ก็ไม่ได้มีเสียงเพียงพอ อีกทั้งในกลุ่มฝ่ายค้านผสมก็ยังมีพวกสาธารณรัฐนิยมแฝงอยู่ โดยพร้อมจะสอดไส้อุดมการณ์สาธารณรัฐอยู่ตลอดเวลา ซึ่งก็จะเป็นการยกระดับการเผชิญหน้าขึ้นไปอีก และคงจะหาจุดร่วมกันมิได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องความเป็นราชอาณาจักรของรัฐไทยที่จะเปลี่ยนแปลงมิได้
เมื่อฝากความหวังไว้กับรัฐสภา และพรรคการเมืองต่างๆ มิได้ ภาระการขจัดกฎหมายรัฐธรรมนูญที่ไม่เป็นประชาธิปไตย ก็ต้องตกกลับมาที่มือประชาชนโดยรวม ซึ่งเป็นเรื่องที่ชาวไทยจะต้องมารวมตัวกันเป็นภาคประชาสังคม เพื่อร่วมคิด ร่วมทำ ร่วมขับเคลื่อน ในการยกร่างกฎหมายรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ มารวมตัวกันเป็น พลังประชาชน เป็นขั้วที่ 3 ของการเมืองไทย
โดยที่สาระเนื้อหาของกฎหมายรัฐธรรมนูญฉบับประชาชนควรจะมีก็คือ
- ประชาธิปไตย ภายใต้การกำกับของศีลธรรม มีการบริหารจัดการตามหลักธรรมาภิบาล
- ประชาธิปไตย ที่เปิดกว้างการต่อมีส่วนร่วม ประชาชนมีบทบาท มีอำนาจในการตัดสินใจไปจนถึงการกระจายอำนาจให้รับผิดชอบกันเอง ทั้งในการปกครองของท้องถิ่น วิชาชีพ องค์การภาคประชาสังคมกับการบริหารสังคม
- ประชาธิปไตย ที่เสริมสร้างสังคมที่ยุติธรรม มีความเที่ยงธรรม อย่างทั่วถึง
- ประชาธิปไตย ที่อนุรักษ์และเสริมสร้างประเพณีและอัตลักษณ์ชุมชน และเป็นมิตรกับธรรมชาติสิ่งแวดล้อมที่มีคุณภาพและยั่งยืน
- ประชาธิปไตย ที่เพิ่มความรู้ ความตื่นตัว และทักษะของการเป็นพลเมืองประชาธิปไตย โดยไม่ยอมรับระบบอุปถัมภ์ใดๆ ทั้งสิ้น
ที่ผ่านมา ปวงชนชาวไทย ต่างหวังพึ่งนักการเมือง และพรรคการเมือง ให้เสริมสร้างความเป็นประชาธิปไตยกันมาเนิ่นนาน แต่แล้วก็ผิดหวังซ้ำแล้วซ้ำเล่า
พอจะฝากความหวังไว้กับทหารหาญ ให้มาช่วยจัดการบ้านเมืองให้เข้ารูปเข้ารอย ให้ช่วยปฏิรูปวางรากฐานประชาธิปไตย แต่แล้วก็กลับกลายเป็นการยึดบ้านเมือง ไปเขียนรัฐธรรมนูญที่เอื้อต่อการสืบทอดอำนาจของกองทัพไป
คงถึงเวลาแล้ว ที่ปวงชนชาวไทย ที่รักเสรี รักการมีส่วนร่วม จะต้องพึ่งพาตนเอง จะต้องรวมตัวกันเป็นขั้วการเมืองที่ 3 เพื่อเรียกร้องอำนาจ ซึ่งเป็นของปวงชนให้กลับมาอยู่ในมือ
เริ่มกันที่การขับเคลื่อนการร่างกฎหมายรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน ก่อนจะขยับขยายกันไปเรื่องตรวจสอบ และคานอำนาจรัฐบาล เพื่อที่จะได้คัดท้ายประชาธิปไตยไทย ให้ขับเคลื่อนไปได้อย่างแท้จริงเสียที
กษิต ภิรมย์
kasitfb@gmail.com
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี