ต่อภัสสร์ : เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ผมได้มีโอกาสเข้าร่วมประชุมหารือกับคุณออเดร ถัง (Audrey Tang) รัฐมนตรีดิจิทัลของไต้หวัน ในเรื่องเทคโนโลยีพลเมือง (Civic Tech) ที่ไต้หวันมีการพัฒนาอย่างล้ำหน้ามาก น่าจะเป็นตัวอย่างสำหรับการพัฒนาในประเทศไทยได้อย่างดีครับ
ต่อตระกูล: ไม่เคยได้ยินชื่อคุณออเดร ถัง มาก่อน อยากรู้ว่าเขาเป็นใคร มารับตำแหน่งนี้ได้อย่างไร
ต่อภัสสร์: คุณออเดร ถัง เป็นนักเขียนโปรแกรม ที่ได้รับการยอมรับว่าเป็นหนึ่งในสิบผู้รู้เรื่องคอมพิวเตอร์มากที่สุดในไต้หวันเลยทีเดียว เธอเป็นผู้ผลักดันเรื่องการพัฒนาการใช้เทคโนโลยีที่เปิดกว้างให้คนจำนวนมากมีส่วนร่วม และ การพัฒนาพื้นที่สนับสนุนเศรษฐกิจแบบแบ่งปัน (Sharing Economy Platform) มาอย่างต่อเนื่อง และเป็นผู้ที่มีบทบาทมากในชุมชนเทคโนโลยีพลเมืองของไต้หวันที่ชื่อว่า g0v (Gov Zero) จนเธอได้รับเชิญเข้าร่วมคณะรัฐมนตรี ในฐานะรัฐมนตรีดิจิทัล ในปี 2559 จนถึงปัจจุบัน โดยมีภารกิจหลักในการสนับสนุนการสื่อสารเป้าหมายนโยบายของหน่วยงานรัฐต่างๆ และบริหารจัดการการเผยแพร่ข้อมูลภาครัฐด้วยระบบดิจิทัล ในเรื่องนี้เธอเล่าให้ฟังว่าทีมงานของเธอนั้น ประกอบตัวแทนจากกระทรวงต่างๆ มานั่งทำงานร่วมกัน ทำให้ได้รับข้อมูลครบถ้วนและรวดเร็วมาก
ต่อตระกูล: ฟังดูเป็นทีมงานที่คล่องตัวมาก ไม่ต้องมีเจ้าหน้าที่จำนวนมากซึ่งจะต้องตามมาด้วยกฎระเบียบที่อาจนำไปสู่ความล่าช้า ไม่ทันโลกดิจิทัลที่เปลี่ยนแปลงอยู่ทุกวินาที และมีภารกิจที่ชัดเจน สามารถผลักดันงานให้เกิดขึ้นเห็นผลลัพธ์ได้ทันท่วงที แล้วที่บอกว่าไต้หวันพัฒนาเทคโนโลยีสำหรับพลเมืองไปอย่างล้ำหน้ามากนี่เป็นอย่างไรล่ะ
ต่อภัสสร์: อย่างที่เล่าไปว่าคุณออเดร เป็นผู้ผลักดันเรื่องเทคโนโลยีสำหรับพลเมืองมานานแล้วตั้งแต่ก่อนเป็นรัฐมนตรีดิจิทัล จึงทำให้เธอมีทั้งความรู้และประสบการณ์มากพอที่จะผลักดันเรื่องนี้อย่างต่อเนื่องในระดับชาติได้ ในวันนั้นคุณออเดรเล่าถึงเทคโนโลยีพลเมืองชิ้นหนึ่งของไต้หวันที่ประสบความสำเร็จอย่างมาก นั่นคือเรื่องการป้องกันแก้ไขปัญหาข่าวปลอม ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่ในประเทศไทยเช่นเดียวกัน
คุณออเดรนำเสนอเทคโนโลยีเพื่อพลเมืองที่มีชื่อว่า โคแฟคส์ (CoFacts) ซึ่งเป็นชื่อย่อมาจากกระบวนการทำงานของเทคโนโลยีที่เปิดให้คนจำนวนมากมีส่วนร่วมในการตรวจสอบข่าว (Collaborative Facts-checking) ซึ่งเป็นการสร้างพื้นที่ให้อาสาสมัครจำนวนมากมาร่วมกันตรวจสอบข้อเท็จจริงของข่าวที่แพร่กระจายอยู่บนอินเตอร์เนตอย่างเป็นระบบ เพื่อตอบสนองข่าวเหล่านั้นได้อย่างทันท่วงที ระบบนี้ยังไม่จบเพียงเท่านี้ แต่ผู้พัฒนาระบบยังไปจับมือกับ Facebook เพื่อเชื่อมต่อผลการตรวจสอบเข้ากับข่าวนั้นๆ ที่ถูกแชร์อยู่ หากข่าวไหนได้รับการตรวจสอบว่าเป็นข่าวปลอมก็จะมีคำชี้แจงขึ้นด้านล่าง แล้วข่าวนี้ก็จะถูกกระจายน้อยลงแต่จะไม่ลบออก เพื่อป้องกันไม่ให้มีใครมีอำนาจสามารถเซ็นเซอร์ข่าวได้
นอกจากนี้ ยังมีการเชื่อมต่อไปยังระบบการสื่อสารอย่าง ไลน์ (Line) อีก โดยมีการพัฒนาระบบตอบในไลน์ที่มีชื่อว่า Aunt Meiyu หรือ คุณป้าเม่ยหยู่ ที่ผู้ใช้ระบบไลน์สามารถเชิญคุณป้าเข้ามาในกลุ่มสนทนาได้ หากในกลุ่มมีใครส่งข่าวแปลกๆ มา คนในกลุ่มก็สามารถกดส่งให้คุณป้าเม่ยหยู่ไปตรวจสอบข่าวให้จากระบบ CoFacts นี้ได้ ถ้าเป็นข่าวปลอม คุณป้าก็จะมาบอกในกลุ่มโดยอัตโนมัติเลย คุณออเดรเล่าให้ฟังว่าที่ตั้งให้เป็นคุณป้า เพราะเวลาเราคุยไลน์กันในกลุ่มครอบครัว ถ้ามีสมาชิกคนไหนส่งข่าวปลอมมา เราเองอาจจะไม่กล้าตอบกลับไปว่าข่าวปลอม เลยสามารถฝากคุณป้าเม่ยหยู่ ไปบอกแทนได้ นอกจากจะช่วยตรวจสอบความถูกต้องของข่าวได้อย่างรวดเร็วแล้ว ยังสามารถช่วยลดการกระทบกระทั่งกันในครอบครัวได้ด้วย
ต่อตระกูล: ปัญหาข่าวลวงนี้เป็นเรื่องใหญ่มาก เพราะนี่คือการโกงสังคมโดยตรงและสามารถนำไปสู่ปัญหาสังคมอื่นๆ ได้ด้วย ระบบนี้จึงน่าสนใจมากที่ประเทศไทยน่าจะนำมาใช้ได้ด้วย และที่สำคัญด้วยหลักการที่มีอาสาสมัครจำนวนมากมาช่วยกันตรวจสอบข่าวแบบนี้ หากได้ผลจริง นอกจากจะตรวจสอบความถูกต้องของข่าวแล้ว อาจจะยังช่วยตรวจสอบข้อมูลภาครัฐได้ด้วย เช่น หน่วยงานรัฐไหนซื้อสินค้ามาในราคาแพงเกินจริงหรือไม่ โครงการก่อสร้างไหนสร้างล่าช้ากว่าสัญญาแล้วยังอนุญาตให้ผู้รับเหมาต่อเวลาได้โดยไม่มีเหตุผลเหมาะสม
ต่อภัสสร์: ใช่เลยครับ ในวันนี้ที่ประเทศไทยเริ่มนำระบบการเปิดเผยข้อมูลขององค์กรเพื่อความโปร่งใสนานาชาติ (Transparency International: TI) สำหรับโครงการก่อสร้างที่มีชื่อว่า CoST (Construction Sector Transparency Initiative) โดยกำหนดให้โครงการก่อสร้างภาครัฐขนาดใหญ่ต้องเปิดเผยข้อมูลสำคัญ 40 ชุดข้อมูลแล้ว เราควรจะสร้างพื้นที่ให้พลเมืองมาร่วมเป็นอาสาสมัครตรวจสอบความถูกต้องเหมาะสมของข้อมูลเหล่านี้ได้ด้วยเช่นกันนะครับ แล้วเชื่อมต่อระบบเข้ากับ Facebook หรือ Twitter หรือ Line เพื่อกระจายข่าวให้คนในสังคมได้รับรู้กันอย่างทั่วกันด้วย
ต่อตระกูล: แล้วยังมีเทคโนโลยีพลเมืองอื่นๆ ที่ดีๆ แบบนี้อีกบ้างไหม
ต่อภัสสร์: มีครับ มีเยอะมากด้วย เนื่องจากไต้หวันวางเป้าหมายจะเป็นศูนย์กลางเทคโนโลยีของเอเชีย จึงมีการผลักดันโครงการต่างๆ มากมายทั้งที่พัฒนาโดยภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาสังคม ในวันนั้นคุณออเดรก็ยังได้เล่าถึงโครงการอื่นๆ ด้วย เช่น พื้นที่ที่ให้ประชาชนเข้ามาช่วยกันอ่านตัวเลขและตัวหนังสือในเอกสารราชการที่เป็นกระดาษ แล้วพิมพ์ลงในคอมพิวเตอร์ เพื่อนำไปใส่เป็นฐานข้อมูลที่สามารถนำไปใช้ประโยชน์ต่อได้ง่าย และโครงการ vTaiwan ที่เป็นพื้นที่ให้ประชาชนทั่วไป เจ้าหน้าที่รัฐและนักการเมืองผู้ออกนโยบาย และบริษัทเอกชนที่เกี่ยวข้องกับประเด็นต่างๆ มาร่วมกันหาทางออกให้กับสังคมในประเด็นต่างๆ ได้อย่างเป็นระบบ ผ่านช่องทางต่างๆ ทั้งออนไลน์และออฟไลน์ คือ สามารถให้ความเห็นทางอินเตอร์เนตก็ได้ หรือ เข้าร่วมงานที่จัดเป็นประจำด้วยก็ได้ ทำให้ทั้งคนที่รู้เรื่องเทคโนโลยีมาก และผู้ที่รู้น้อยแต่มีความรู้และประสบการณ์ด้านอื่นๆ มาก สามารถร่วมกันคิดเพื่อสังคมได้
โครงการ vTaiwan นี้ มีผลงานที่ประสบความสำเร็จอย่างมากในการหาทางออกให้กับข้อขัดแย้งกันในสังคมเรื่องต่างๆ เช่น การเข้ามาของธุรกิจแบบแบ่งปัน Uber และ Airbnb ที่กฎหมายยังไม่มีการควบคุม เมื่อมีช่องทางที่ให้ประชาชนทั้งฝ่ายที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย สามารถเสนอและแสดงความคิดเห็นได้อย่างเป็นระบบ และมีการจัดระเบียบนำเสนอความเห็นเหล่านี้เพื่อนำมาเรียบเรียงเป็นวาระการประชุมของผู้ออกกฎหมายกับบริษัทเอกชน จึงทำให้ทางออกนั้นเป็นที่ยอมรับของทุกฝ่าย
ต่อตระกูล: เทคโนโลยีพลเมืองเหล่านี้ที่ไต้หวันสามารถพัฒนาได้อย่างล้ำหน้ามาก มีหลักการที่ดีมากในการเปิดโอกาสให้คนจำนวนมากที่มาจากหลากหลายพื้นฐานทางความรู้และประสบการณ์ สามารถร่วมกันคิดร่วมกันทำงานเพื่อสังคมได้อย่างเป็นระบบ ซึ่งจะดีกว่าการคุยกันในช่องทางที่เราใช้กันอยู่เยอะทุกวันนี้ เช่น Line Facebook หรือ Twitter ช่องทางเหล่านี้ไม่ได้เตรียมรองรับแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในเรื่องหนักๆ ที่ต้องคุยกันยาวๆ เพื่อหาข้อสรุปให้เรื่องที่ซับซ้อนในสังคมที่มีความหลากหลายมากๆ แบบสังคมไทยเรานี้
ประเทศไทยของเราน่าจะเรียนรู้และนำมาประยุกต์ใช้ในการแก้ไขปัญหาสังคมต่างๆ โดยเฉพาะเรื่องการต่อต้านคอร์รัปชัน ที่จำเป็นอย่างมากที่จะต้องได้รับความร่วมมือจากประชาชนจำนวนมากที่มีความคิดเห็นแตกต่างกันครับ
รศ.ดร.ต่อตระกูล ยมนาค และดร.ต่อภัสสร์ ยมนาค
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี