เมื่อใดที่ผู้ปกครองไม่สามารถปกครองได้ เพราะผู้อยู่ใต้การปกครองไม่ยอมให้ปกครอง เมื่อนั้นก็จะมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น เป็นสัจธรรมที่เกิดขึ้นได้เสมอ ดังตัวอย่างที่ได้พบได้เห็นมาแล้วในประเทศต่างๆ แม้กระทั่งในประเทศไทยของเราเอง
ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดการรวมตัวของประชาชนในการต่อสู้กับฝ่ายปกครองนั้น ที่สำคัญที่สุดได้แก่เรื่องความจงเกลียดจงชัง
เป็นปัจจัยใกล้มือ เมื่อใดที่เกิดความเกลียดชังในตัวผู้บริหารปกครอง เมื่อนั้นจะเกิดการรวมตัวของผู้คนที่มีความรู้สึกเหมือนๆกันดังกล่าว เพื่อต่อต้านหรือขับไล่ผู้บริหารปกครองนั้นๆให้พ้นออกไป โดยไม่รู้สึกเกรงกลัว
ความจงเกลียดจงชังดังกล่าวนี้มีอิทธิพลในการสร้างแนวร่วมได้กว้างขวาง แม้จะไม่ใช่พวกเดียวกันมาก่อนก็ตาม แต่เมื่อต้องออกมาต่อสู้กับสิ่งที่ตนเกลียดชังนั้นแล้ว ก็จะเป็นพลังร่วมกันในการต่อสู้โดยอัตโนมัติ และพาลหาเรื่องร่วมกันต่อเป้าหมายที่เกลียดชังดังกล่าวด้วยวิธีการต่างๆ
การทำลายสิ่งที่เกลียดชัง จะเป็นเป้าหมายเบื้องแรกของคนที่มีความเกลียดชัง ไม่ว่าสิ่งที่ตนเกลียดชังนั้นจะใหญ่โตเพียงใดก็ตาม เพื่อให้สิ่งที่เกลียดชังนั้นทลายลงให้ได้ เพราะถือว่าการทำลายเป็นการสร้างสิ่งใหม่ที่ดีกว่า
ความจงเกลียดจงชังนั้น จะเป็นทั้งเหตุและผลในการรวมตัวของมวลชน เมื่อเกลียดชังมากเท่าไรก็จะเกิดการรวมตัวกันได้มากเท่านั้น ผู้คนที่มารวมตัวกันจะหมดความเป็นตัวของตัวเอง เกิดอารมณ์ร่วมกันในการต่อสู้กับสิ่งที่ตนเกลียดชังนั้น
สภาวการณ์ในบ้านเมืองของเราขณะนี้ กำลังมีสิ่งต่างๆดังกล่าวนี้เกิดขึ้น นั่นก็คือความจงเกลียดจงชังต่อผู้บริหารปกครองบ้านเมือง สะสมความรู้สึกในตัวผู้บริหารปกครองหลายต่อหลายคน ที่มีพฤติกรรมทั้งในอดีตและปัจจุบันที่ผู้คนส่วนใหญ่ไม่ชอบขี้หน้า แต่ก็ยังเข้ามามีอำนาจหน้าที่ในการบริหารปกครองบ้านเมืองอีก
การรวมตัวกันของผู้คนที่มีความจงเกลียดจงชังดังกล่าว จึงเกิดขึ้นเองโดยไม่ได้นัดหมาย เป็นปัจจัยเสี่ยงในการต่อสู้ที่จะตามมาเช่นในอดีต
ผู้บริหารปกครองที่มีอำนาจหน้าที่ในการทำงาน ถ้าไม่ปรับวิสัยทัศน์ในการทำงานของตนให้ดีขึ้น เหมาะสมขึ้นในการบริหารจัดการในหน้าที่รับผิดชอบ ทั้งในด้านการเมือง ด้านเศรษฐกิจสังคม ด้านความมั่นคง และในด้านต่างประเทศที่กำลังมีการเปลี่ยนแปลงอย่างมากและรวดเร็ว ก็ต้องกล่าวได้ว่าเป็นผู้เปิดประตูแห่งความเสี่ยงในความจงเกลียดจงชังให้เกิดขึ้นกับประชาชน ในการรวมตัวกันต่อสู้กับผู้บริหารปกครอง
อาสาตัวเข้ามาทำงานทางการเมือง ก็ต้องเข้าใจว่า การเมืองคือหัวใจของการดำรงรักษา และพัฒนาบ้านเมืองและจัดสรรผลประโยชน์อย่างเป็นธรรมแก่พลเมืองในประเทศ ไม่ใช่ประโยชน์ตนและพรรคพวกหรือพยายามรักษาอำนาจของตนไว้ให้ยาวนาน มากกว่าอย่างอื่น หรือเห็นว่าเสถียรภาพของรัฐบาลของตนสำคัญกว่าเสถียรภาพของบ้านเมืองและประชาชน ในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
ต้องเข้าใจว่าสังคมคือผลผลิตของการเมือง หากการเมืองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขมีความมั่นคง สังคมก็มั่นคง เศรษฐกิจก็มั่นคง อย่าทำอะไรที่จะเป็นสาเหตุที่นำความกัดกร่อน ทำลายสิ่งต่างๆ ดังกล่าวให้อ่อนแอเสียหาย
โดยเฉพาะคนเป็นผู้นำที่อยู่หัวแถวด้วยแล้วสำคัญมาก เพราะความสำเร็จของการเป็นผู้นำนั้น ขึ้นอยู่กับพฤติกรรมในการปฏิบัติตนของผู้นำ ให้เหมาะสมกับสถานการณ์ต่างๆ ที่มีอยู่ในขณะนั้น
คนอยู่หัวแถวหรือคนเป็นผู้นำมีหลายลักษณะ
1. ผู้นำแบบสั่งการ อย่าเอาแต่สั่งการโดยไม่รับฟังความเห็นของผู้ปฏิบัติ ถืออำนาจสั่งการตามใจชอบแบบเผด็จการ
2. ผู้นำแบบสอนงาน มีการอธิบายแนะนำเปิดโอกาสให้ผู้ปฏิบัติงานได้ซักถาม เกี่ยวกับขั้นตอนในการปฏิบัติงาน เพราะขาดความรู้และทักษะ
3. ผู้นำแบบร่วมงาน เป็นผู้นำที่ให้ความสำคัญกับผู้ร่วมงาน ระดมความคิดจากผู้ร่วมงานหรือจากกลุ่ม เปิดโอกาสให้ผู้ใต้บังคับบัญชามีส่วนร่วมในการตัดสินใจ
4. ผู้นำแบบมอบหมายงาน จะดูแลในลักษณะกว้างๆ เพียงกำหนดเป้าหมาย ส่วนการปฏิบัติมอบให้ผู้ปฏิบัติงานมีอิสระในการดำเนินงาน
ทั้ง 4 ประการเป็นลักษณะของคนหัวแถวหรือผู้นำ
หน่วยงานใดได้ผู้นำหรือคนหัวแถวประเภทไหน ผลงานที่เกิดขึ้นย่อมแตกต่างกัน เฉพาะอย่างยิ่งประสบการณ์ของงานในตัวของผู้นำก็เป็นเรื่องสำคัญอย่างมาก ถ้าผู้นำหรือคนอยู่หัวแถวไม่มีความรู้และประสบการณ์ในงานที่จะรับผิดชอบ ถืออำนาจหน้าที่ว่าเป็นผู้นำ จะสั่งอย่างไรตามใจชอบแล้ว พฤติกรรมอย่างนี้จะนำความจงเกลียดจงชังให้เกิดขึ้นได้ง่ายต่อผู้คนทั้งหลาย
เมื่อมีความจงเกลียดจงชังเกิดขึ้นแล้ว การรวมตัว
ต่อต้านจะเกิดตามมาอย่างที่กล่าวให้ฟังในตอนต้น
มองภาวการณ์บ้านเมืองขณะนี้แล้วดูจะเป็นอย่างนี้
น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี