ต่อภัสสร์: เวลาอ่านข่าวเจอเรื่องการโกงกินโครงการขนาดใหญ่ หรือ การคอร์รัปชันเชิงนโยบายแล้วรู้สึกเสียดายเงินของประเทศมากเลยครับ เพราะโกงกันแต่ละทีเป็นเงินพันล้าน หมื่นล้านบาท แทนที่จะได้เอาไปใช้สร้างโรงเรียน โรงพยาบาล หรือให้สวัสดิการประชาชน พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ ส่วนข่าวดีๆ ที่คนโกงถูกจับได้ ถึงจะทำให้พอชุ่มชื้นใจขึ้นได้บ้าง แต่ก็น้อยเสียเหลือเกินเมื่อเทียบกับข่าวโกง
ผมพอจะเข้าใจการทำงานของหน่วยงานตรวจสอบการทุจริตต่างๆ ว่าต้องทำงานอย่างรอบคอบ ต้องมีหลักฐานชัดเจน ถึงจะเอาผิดกับคนโกงได้อย่างยุติธรรม เลยต้องใช้เวลานาน แต่ถ้าปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไปเรื่อย มีหวังประเทศไทยพังกันพอดี
ต่อตระกูล: เห็นด้วยมากๆ ที่ผ่านมามีการใช้เงินของประเทศไปในทิศทางที่ผิดพลาดบ่อยครั้ง มีทั้งที่ตั้งใจออกแบบนโยบายมาเพื่อโกงเลย และ แบบที่วัตถุประสงค์ดี แต่มาโกงกันตอนดำเนินงาน หลายคดีที่ถึงแม้คนโกงจะถูก ป.ป.ช. จับได้และดำเนินคดีในที่สุด แต่เงินก็สูญเสียไปแล้ว เช่น ทุจริตจำนำข้าว เสียหาย 5 แสนล้านบาท และคดีบ่อบำบัดน้ำเสียคลองด่าน เสียหาย25,000 ล้านบาท จนปัจจุบันก็ยังใช้งานอะไรไม่ได้
ต่อภัสสร์: แล้วเราทำอะไรเพื่อป้องกันไม่ได้เลยหรอครับ
ต่อตระกูล: ได้สิ และมีตัวอย่างหลายโครงการที่ส่อแววจะมีการทุจริต แต่ได้ประชาชนและองค์กรภาคประชาสังคมเข้ามาคัดค้านไว้ จนต้องหยุดหรือยกเลิกไปก่อนจะถึงขึ้นดำเนินงาน ทำให้สามารถป้องกันความสูญเสียได้ก่อน เช่น โครงการบริหารจัดการน้ำ 3.5 แสนล้าน และที่พ่อมีส่วนร่วมในการคัดค้านด้วยคือ โครงการที่จะเช่ารถ NGV 6,000 คัน มูลค่า 69,000 ล้านบาท ซึ่งต่อมาก็ในที่สุดได้เปลี่ยนเป็นการจัดซื้อและซ่อมบำรุงรถเมล์ NGV จำนวน 489 คัน ในงบประมาณที่ลดลงเหลือ 2,370 ล้านบาท ถือว่าประหยัดค่าใช้จ่ายให้กับ ขสมก. และประหยัดงบประมาณของประเทศชาติได้มหาศาล นี่เป็นเพียงตัวอย่างความสำเร็จที่ประชาชนสามารถมีส่วนร่วมแก้ไขปัญหาได้จริง และจะดียิ่งขึ้นถ้าหน่วยงานภาครัฐเปิดเผยข้อมูลการจัดซื้อจัดจ้างต่างๆ สู่สาธารณะให้มากขึ้น เพื่อให้ประชาชนสามารถช่วยกันตรวจสอบและประเมินความเหมาะสมโครงการตั้งแต่เสนอเอกสารการศึกษาความเหมาะสมของการลงทุน
ต่อภัสสร์: แนวทางแบบนี้น่าสนใจมาก และน่าสนับสนุนให้ขยายขนาดการทำงานขององค์กรภาคประชาสังคมในลักษณะนี้นะครับ
ต่อตระกูล: ใช่แล้ว จึงเป็นที่น่ายินดีมากที่มีกลุ่มผู้เชี่ยวชาญจากสาขาวิชาชีพต่างๆ จำนวนหนึ่ง มารวมตัวกัน นำโดย ดร.บัณฑิต นิจถาวร อดีตกรรมการผู้อำนวยการสถาบันกรรมการบริษัทไทย (IOD) ได้ก่อตั้งมูลนิธินโยบายสาธารณะเพื่อสังคมและธรรมาภิบาล ขึ้นเพื่อส่งเสริมและพัฒนาแนวทางการสร้างธรรมาภิบาล ความโปร่งใส และความรับผิดชอบสำหรับหน่วยงานภาครัฐและองค์กรที่ไม่แสวงหาผลกำไร (NGO) โดยให้ความรู้และข้อมูลเกี่ยวกับนโยบายและโครงการสาธารณะที่กำลังจะเกิดขึ้นสู่สังคม ช่วยติดตาม วิเคราะห์ ประเมิน และให้ข้อคิดเห็นต่อนโยบายและโครงการนั้นๆ และที่สำคัญคือการเพิ่มช่องทางสะท้อนความเห็นของสังคมต่อนโยบายและโครงการสาธารณะก่อนที่จะเริ่มดำเนินการ
ในทางปฏิบัติ มูลนิธินโยบายสาธารณะเพื่อสังคมและธรรมาภิบาล มีแผนงาน 3 ส่วน ส่วนแรกคือการสร้างเสริมความโปร่งใสของนโยบายสาธารณะโดยจะพัฒนาแนวทางที่ดีในการเปิดเผยข้อมูลสาธารณะของหน่วยงานภาครัฐและผลักดันให้เกิดขึ้นจริง ประเมินผลการให้บริการของหน่วยงานภาครัฐ สร้างและจัดตั้งกลไกให้ประชาชนสามารถให้ความเห็นเกี่ยวกับคุณภาพและความโปร่งใสของการให้บริการภาครัฐโดยใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วย และร่วมกับภาควิชาการในการวัดและประเมินผลการทำงานจริงของหน่วยงานภาครัฐ
ส่วนที่สอง คือการส่งเสริมแนวทางการปฏิบัติที่ดีขององค์กรไม่แสวงหาผลกำไร เช่น มหาวิทยาลัย โรงเรียน สมาคม มูลนิธิ และสหกรณ์ออมทรัพย์ โดยจะการฝึกอบรมองค์กรเหล่านี้และมีกลไกการประเมินผลด้วย และ
และส่วนสุดท้ายคือการผลักดันประเด็นทางสังคมที่สำคัญ โดยจะมีการนำเสนอประเด็นที่สังคมควรให้ความสนใจ แล้วนำเสนอข้อเท็จจริงและข้อถกเถียงในประเด็นนั้นๆ เพื่อให้คนในสังคมได้พูดคุยกันเพื่อหาทางออก มีการประเมินนโยบายสาธารณะและโครงการลงทุนของรัฐในเชิงเศรษฐศาสตร์ ความคุ้มทุน และผลประโยชน์ต่อสังคม เพื่อส่งเสริมการออกแบบนโยบายสาธารณะที่ผ่านการคิดวิเคราะห์อย่างครอบคลุม และจัดพื้นที่ให้ประชาชนได้พูดคุยถกเถียงแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในประเด็นทางสังคมที่จะเป็นประโยชน์ต่อสาธารณะ
ทั้งนี้มูลนิธินโยบายสาธารณะเพื่อสังคมและธรรมาภิบาล มีหลักการสำคัญ 3 ประการในการดำเนินงาน นั่นคือ หนึ่ง เป็นกลางทางการเมือง สอง ไม่รับการสนับสนุนทางการเงินจากรัฐบาล นักการเมือง พรรคการเมือง หรือแม้แต่ธุรกิจที่ขาดธรรมาภิบาล และสาม มูลนิธิฯ เองต้องยึดมั่นกับแนวทางธรรมาภิบาลขององค์กรที่ไม่แสวงหาผลกำไร แต่ทำด้วยเป้าหมายที่จะให้เกิดผลเป็นประโยชน์สูงสุด มีแนวทางปฏิบัติที่ครอบคลุมและชัดเจน และด้วยหลักการที่ดีมีอุดมการณ์เช่นนี้ พ่อจึงยินดีอย่างยิ่งที่ได้เข้าร่วมเป็นพลังหนึ่งในการขับเคลื่อนงานของมูลนิธินโยบายสาธารณะเพื่อสังคมและธรรมาภิบาลนี้
ต่อภัสสร์: น่าสนใจและน่าติดตามการทำงานของมูลนิธินี้มากเลยนะครับ เพราะถ้าสามารถทำงานได้บรรลุตามเป้าหมายที่วางไว้จริง ก็จะเป็นการป้องกันความสูญเสียจากการทุจริตในโครงการภาครัฐขนาดใหญ่ ป้องกันการคอร์รัปชันเชิงนโยบาย โดยให้ประชาชนได้มีอำนาจในการร่วมตรวจสอบและประเมินผลการทำงานของทั้งหน่วยงานภาครัฐ และองค์กรที่ไม่แสวงหาผลกำไรต่างๆ ได้จริง
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี