ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เรามียุทธศาสตร์ชาติสองแนวทางคือการสร้างชาติเป็นประเทศเกษตรอุตสาหกรรม และการสร้างชาติเป็นประเทศอุตสาหกรรมบริการ ผลจากการนั้นทำให้ประเทศไทยรุ่งเรืองมากที่สุดในภูมิภาค ถึงขนาดสมเด็จพระจักรพรรดิเมจิยังต้องส่งคนมาศึกษาดูงาน
เศรษฐกิจไทยรุ่งเรือง ค่าเงินบาทแข็งแกร่ง ระดับ 1 บาทเท่ากับ 2 ปอนด์สเตอร์ลิง ของอังกฤษ และไทยได้กลายเป็นศูนย์กลางการค้าที่สำคัญในภูมิภาค
ความเป็นศูนย์กลางทางการค้านั้นแบ่งออกเป็นสามสายทาง
คือการเป็นศูนย์กลางการค้าของบรรดาประเทศในสุวรรณภูมินี้ ซึ่งรวมถึงทุกประเทศเพื่อนบ้าน ตลอดไปจนสุดแหลมมาลายู
คือการเป็นศูนย์กลางการค้าระหว่างยุโรปกับจีน เพราะในขณะนั้นจีนไม่ต้อนรับชาวต่างชาติเท่าที่ควร ฝรั่งมังค่าหลายสายพันธุ์ต้องทำการค้ากับจีนผ่านทางไทย ซึ่งได้สิทธิ์ในการเข้าท่าและทางภาษีเป็นพิเศษยิ่งกว่าชาติอื่น
คือการเป็นศูนย์กลางการค้ากับประเทศในตะวันออกกลาง โดยเฉพาะอิหร่านและประเทศในดินแดนอันเรียกว่าเปอร์เซีย รวมถึงดินแดนในย่านเมโสโปเตเมียด้วย
เงินบาทของไทยเป็นสกุลเงินสากลตามสายทางการค้าทั้งสามสาย ดังนั้นในธนบัตรไทยจึงต้องใช้ภาษาต่างประเทศหลายภาษา ทั้งภาษาอังกฤษ ภาษาอาหรับ ภาษาจีน เป็นต้น แตกต่างอย่างลิบลับกับธนบัตรไทยในปัจจุบันนี้ซึ่งมีแต่ภาษาไทยกับเลขอารบิก ซึ่งชาวต่างชาติก็ไม่รู้ข้อความในธนบัตรไทยว่าคืออะไร
การทั้งนั้นมีมาเนื่องจากภูมิยุทธศาสตร์ของประเทศไทยที่เป็นประเทศแลนด์ลิ้งค์ คือสามารถเชื่อมต่ออย่างสะดวกกับประเทศเพื่อนบ้านโดยรอบในแดนสุวรรณภูมิ และในทางทะเลก็สามารถติดต่อเชื่อมโยงไปยังประเทศทั้งสองฝั่งฟากมหาสมุทรอย่างสะดวกดาย ดังนั้นเมืองท่าของประเทศไทยจึงมีอยู่หลายเมืองตลอดฝั่งทะเลภาคใต้ไปจนถึงจังหวัดจันทบุรี
ถึงกับมีการตั้งกรมท่าเพื่อดูแลรับผิดชอบการค้าขายและการติดต่อกับต่างประเทศถึงสองกรม คือ กรมท่าซ้ายและกรมท่าขวา และความจริงก็ยังมีการค้าขายในลักษณะที่เป็นกรมท่าอยู่ชายแดนภาคใต้ด้วย ซึ่งอาจจะถือได้ว่านั่นก็เป็นกรมท่าหน้า ในขณะที่จังหวัดจันทบุรีเชื่อมต่อมาถึงเมืองท่าจีน จังหวัดสมุทรสาคร ก็อาจถือได้ว่าเป็นกรมท่าตะวันออกก็ว่าได้ จึงจัดเป็นยุคที่รุ่งเรืองทางการค้าของประเทศไทยมากที่สุด
การเชื่อมโยงในทุกด้านบนพื้นฐานภูมิยุทธศาสตร์อันล้ำเลิศของประเทศไทยจึงเป็นพลังอำนาจแห่งชาติที่ถ้าหากเข้าถึงและใช้เป็นก็สามารถมีอานุภาพใหญ่หลวงในทางการค้า ในทางเศรษฐกิจ รวมทั้งในทางการเมืองระหว่างประเทศด้วย ซึ่งพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงทำให้เห็นเป็นตัวอย่างมาแล้ว
แต่มาถึงบัดนี้สภาพดังกล่าวได้เปลี่ยนแปลงไปแทบจะสิ้นเชิง ภูมิยุทธศาสตร์อันล้ำเลิศของชาติกำลังถูกทำให้ย่ำแย่ที่สุดและน่าอัปยศที่สุด นั่นคือการทำให้ประเทศไทยกลายเป็นประเทศแลนด์ล็อก คือติดต่อกับใครไม่ได้ทั้งทางแผ่นดินใหญ่และทางฝั่งทะเล ปิดประตูทั้งประเทศให้เหลือทางออกอยู่เพียงแค่แหลมฉบัง มาบตาพุด และตีฆ้องร้องป่าวภายใต้ยี่ห้อใหม่คือ EEC จนประหนึ่งว่า EEC คือประเทศไทย และประเทศไทยก็คือ EEC
ตรงกันข้ามกับประเทศลาว ซึ่งแต่ดั้งเดิมมาเป็นประเทศแลนด์ล็อกเพราะออกทะเลไม่ได้ คงติดต่อได้อย่างยากลำบากกับประเทศเพื่อนบ้านเฉพาะทางบก คือทางเหนือไกลโพ้นติดต่อกับจีน ทางตะวันออกติดต่อกับเวียดนามและกัมพูชา ทางทิศใต้ก็ติดต่อกับกัมพูชาในพื้นที่ภาคใต้และทางตะวันตกก็ติดต่อกับภาคตะวันออกของประเทศไทย
แต่มาบัดนี้ลาวได้ประกาศยุทธศาสตร์ชาติใหม่ คือ ลาวจะเป็นแบตเตอรี่แห่งเอเชียที่ผลิตพลังงานทุกชนิดส่งออกไปขายยังประเทศเพื่อนบ้าน และขยายไปถึงสิงคโปร์ มาเลเซียด้วย อีกด้านหนึ่งก็จะเป็นประเทศแลนด์ลิ้งค์คือเชื่อมเส้นทางคมนาคมทางบกเข้ากับเส้นทางสายไหมที่เมืองคุนหมิง มณฑลยูนนาน เพื่อเชื่อมต่อประเทศลาวไปยังประเทศทั่วโลก
และเปิดการเชื่อมต่อกับประเทศลุ่มแม่น้ำโขงในฐานะที่เป็นประเทศที่อยู่กลางลำน้ำโขงเช่นเดียวกับประเทศไทย เปิดเส้นทางการท่องเที่ยว การเดินเรือ และการค้ากับจีน พม่า ไทย กัมพูชา และเวียดนามอย่างเอิกเกริก พร้อมทั้งได้ขยายกิจการการบินเพื่อเชื่อมต่อกับประเทศจีนและประเทศเพื่อนบ้าน ช่วงชิงการใช้น่านฟ้าด้านตะวันออกของประเทศไทย ซึ่งวันหนึ่งก็จะมีผลกระทบให้ประเทศไทยต้องลดการใช้น่านฟ้าของลาวลง
ลาวกำลังจะกลายเป็นประเทศแลนด์ลิ้งค์และกลายเป็นศูนย์กลางการค้าขายและการท่องเที่ยว 6 ประเทศ โดยเป็นศูนย์กลางลุ่มแม่น้ำโขง ทั้งยังได้สิทธิ์ทางภาษีอากรในการส่งสินค้าเข้าไปยังประเทศจีนเหนือกว่าประเทศไทยอีกด้วย
จากประเทศแลนด์ล็อก ลาวกำลังกลายเป็นประเทศแลนด์ลิ้งค์ จึงเป็นสาเหตุให้ธนาคารจากหลายประเทศแห่กันไปตั้งสาขาในประเทศลาวเพิ่มขึ้นอย่างเอิกเกริก เพราะการขับเคลื่อนของลาวนั้นใครๆ ก็เห็นว่าลาวนั่นแหละจะเป็นศูนย์กลางการค้าของประเทศลุ่มแม่น้ำโขงและจะเป็นศูนย์กลางการค้าของประเทศอาเซียนกับจีนด้วย ที่สำคัญคือลาวจะเป็นปลายทางสำคัญของเส้นทางสายไหมทางบกที่เชื่อมต่อจากทุกประเทศที่ตั้งอยู่บนแผ่นดินใหญ่ของโลกมายังประเทศลาว
ส่วนประเทศไทยที่สภาพเป็นแลนด์ลิ้งค์ แต่เรากำลังทำให้เป็นประเทศแลนด์ล็อก คือยังไม่สามารถและไม่มีวี่แววว่าจะสามารถเชื่อมต่อเส้นทางสายไหมกับประเทศต่างๆ ทั่วโลก ซึ่งมีเส้นทางเชื่อมต่อได้เพียงเส้นทางเดียวเท่านั้น คือเชื่อมต่อจากจังหวัดหนองคายของประเทศไทยกับนครเวียงจันทน์ของลาว ซึ่งจะเชื่อมตรงไปยังนครคุนหมิงและเชื่อมโยงไปทั่วประเทศจีน และทุกประเทศทั่วโลกที่อยู่ในเส้นทางสายไหม
จะต้องย้ำว่าถ้าประเทศไทยไม่เชื่อมต่อเส้นทางสายไหมตรงจุดที่นครหลวงเวียงจันทน์ของลาวแล้ว ประเทศไทยก็จะไม่เชื่อมต่อกับเส้นทางสายไหมได้เลย เพราะเส้นทางสายไหมนั้นประเทศไทยกำหนดเองไม่ได้เนื่องจากเป็นเส้นทางคมนาคมหลักของโลก
และประเทศอาเซียนมีเส้นทางที่จะเชื่อมโยงกับเส้นทางสายไหมได้เพียงสามเส้นทางเท่านั้น คือ จากพม่าเชื่อมกับนครคุนหมิง จากลาวเชื่อมกับนครคุนหมิง และจากเวียดนามและกัมพูชาเชื่อมกับนครคุนหมิง
ประเทศไทยไม่มีทางที่จะเชื่อมต่อเส้นทางสายไหมกับพม่าได้ เพราะหลังจากที่มีข่าวว่าประเทศไทยจะทำ Thailand Silk Road แนวตะวันตก-ตะวันออก ซึ่งแน่นอนว่าคือท่าทีที่ต่อต้านและขัดขวางเส้นทางสายไหมของโลก ไม่กี่วันพม่าก็ได้แสดงท่าทีชัดเจนแล้วว่าจะไม่เชื่อมโยงเส้นทางสายไหมมายังทวายเพื่อเชื่อมต่อกับประเทศไทย ในขณะที่กัมพูชาก็ได้แสดงท่าทีอย่างเดียวกันว่าจะไม่เชื่อมต่อเส้นทางสายไหมจากสีหนุวิลล์มายังภาคตะวันออกของประเทศไทย
ดังนั้นถ้าประเทศไทยจะเชื่อมต่อกับเส้นทางสายไหมก็เชื่อมต่อได้เฉพาะกับประเทศลาวที่นครหลวงเวียงจันทน์เท่านั้น ซึ่งบัดนี้รถไฟไทย-จีน ที่ สนช. เคยอนุมัติข้อตกลงกับจีนที่จะทำเป็นสามเส้นทาง คือ หนองคาย-โคราช, โคราช-กรุงเทพฯ และสระบุรี-มาบตาพุดนั้น ขณะนี้ยังไม่ไปถึงไหน เฉพาะเฟสที่หนึ่งในเส้นทางกรุงเทพฯ-โคราช ระยะ 3.5 กิโลเมตร จากบ้านกลางดง ไปยังบ้านปางสีดา อันลือลั่นสนั่นโลก ผ่านไปสองปีแล้วก็ก้าวหน้าไปไม่ถึงไหน และมีการคาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2565 นั่นหมายความว่าระยะทาง 3.5 กิโลเมตร จะใช้เวลาก่อสร้างเกือบ 5 ปี
ซึ่งใครๆ ก็ดูออกอ่านรู้ว่าอะไรกำลังเกิดขึ้น แต่ที่สำคัญก็คือเป็นการปิดกั้นประเทศไทยไม่ให้เชื่อมต่อกับโลกโดยทางบก จะทำให้ประเทศไทยกลายเป็นประเทศแลนด์ล็อกในทางบก และเมื่อประเทศไทยเชื่อมต่อทางบกไม่ได้ มาเลเซีย สิงคโปร์ และบรูไน รวมทั้งอินโดนีเซียก็จะได้รับผลไปด้วย
ดังนั้นประเทศเหล่านั้นจึงหันไปจับมือกันและหาทางเชื่อมต่อโดยไม่ผ่านประเทศไทย นั่นคือจะเชื่อมต่อกับเส้นทางสายไหมกับกัมพูชาแทนที่ประเทศไทย ณ สีหนุวิลล์ ซึ่งเท่ากับประเทศไทยถูกทอดทิ้งจากประเทศอาเซียนตอนล่างอีกสถานหนึ่งด้วย
ส่วนประเทศทางลุ่มแม่น้ำโขง แม้ประเทศไทยจะลงนามในปฏิญญาซันย่าเพื่อร่วมกันพัฒนาแม่น้ำโขงให้เป็นแม่น้ำแห่งการท่องเที่ยวระดับโลก และเป็นเส้นทางขนส่งสินค้า 6 ประเทศ ซึ่งประเทศไทยจะได้เปรียบมากที่สุด ก็ถูกมือดีขัดขวางจนประเทศไทยไม่ได้ลงนามในแผนปฏิบัติการซันย่า เป็นผลให้ 5 ประเทศที่เหลือเขาร่วมทำกันไปโดยลำพัง ดังนั้นกลุ่มประเทศลุ่มแม่น้ำโขง 6 ประเทศ หรือที่เรียกย่อว่า CLMVT จึงคงเหลือแต่ CLMV เพราะ T ไทยแลนด์นั้นไม่ได้ร่วมขบวนการกับเขาด้วย
ประเทศไทยจึงกำลังปิดประเทศที่เชื่อมต่อกับใครไม่ได้ คงเปิดประตูแง้มไว้ในจุดอับคือ EEC ที่มีทางออกโดยทางทะเลที่แหลมฉบังและมาบตาพุด นี่คือชะตากรรมของประเทศชาติที่จำเป็นจะต้องได้รับการทบทวนแก้ไขโดยด่วนที่สุด
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี