ตามความคิดความเชื่อเดิมของคนไทย มักจะบอกต่อๆ กันว่า ประเทศไทยของเราอยากได้นักการเมืองที่เป็นคนดี มีความรู้ความสามารถ เป็นคนขาวสะอาด ไม่คดไม่โกง รักประเทศชาติ รักบ้านเมืองและทำประโยชน์ต่อสาธารณะโดยแท้จริง
แต่ในยุคต่อๆ มา เมื่อบ้านเมืองดูเหมือนเจริญขึ้น แต่คุณธรรมของคนไทยจำนวนไม่น้อยเสื่อมทรามลง ก็เริ่มมีแนวคิดการเมืองใหม่ว่า ใครหน้าไหนจะเข้าไปเป็นนักการเมือง (มัน) ก็ไม่แตกต่างกัน เพราะ (มัน) โกงไม่ต่างกัน เลวไม่ต่างกัน ชั่วไม่ต่างกัน เพราะฉะนั้น เมื่อนักการเมืองดีเลวไม่ต่างกัน ก็ไม่ต้องสนใจว่าจะเลือกใคร เพราะเลือกแล้วก็ได้ไม่ต่างกัน เพราะนักการเมืองก็คดก็โกงไม่ต่างกัน เพราะฉะนั้น ถ้าหากใครให้เงินทอง และให้สิ่งของมีค่ามีราคาเป็นเครื่องตอบแทน ซึ่งเข้าตำรา “ให้เงินมา ก็กา (คะแนน) ให้” หรือบางกลุ่มบอกว่า “เงินไม่มา กา (คะแนน) ไม่เป็น” เมื่อความคิดของคนจำนวนไม่น้อยในสังคมเป็นเช่นนี้ จึงทำให้เรื่องการทุจริตเลือกตั้ง การซื้อสิทธิ์ขายเสียง กลายเป็นเรื่องที่คนจำนวนไม่น้อยในบ้านเมืองนี้มองว่าเป็นเรื่องปกติธรรมดา เพราะเห็นว่าใครๆ เขาก็ซื้อขายเสียงกันทั้งนั้น ถ้าหากไม่รับเงินซื้อเสียงจะกลายเป็นคนโง่ หรือประกาศตัวเป็นศัตรูกับนักการเมืองไปโดยปริยาย ซึ่งอาจทำให้ชีวิตประจำวันไม่เป็นปรกติสุข บางคนคิดว่า รับเงินมาก่อนถือว่าได้เปรียบแล้ว เพราะเมื่อช่วงการหาเสียงผ่านพ้นไป ประชาชนก็จะไม่ได้รับการเหลียวแลแต่ประการใดจากนักการเมือง (โดยเฉพาะจำพวกนักเลือกตั้ง และนักธุรกิจการเมือง)
เมื่อคนไทยจำนวนไม่น้อยคิดเช่นนั้น ก็จึงไม่ต้องประหลาดใจกับการที่บ้านเมืองของเรามีสภาซ่องโจร สภาเจ้าพ่อเจ้าแม่ สภานักเลงหัวไม้ และสภามาเฟีย สภาผัวเมีย และสภาขุนศึกนายพล
อย่างไรก็ตาม เรื่องของความเป็นจริงของบุคคลผู้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีในสังคมไทย กับเรื่องที่ตราไว้ในรัฐธรรมนูญ ฉบับล่าสุด จะเป็นไปในทิศทางเดียวกัน และสอดคล้องกันหรือไม่ ขอให้คุณผู้อ่านโปรดใช้ดุลพินิจใคร่ครวญพิจารณาด้วยตัวของคุณเอง โดยอ่านจากหมวด 8 คณะรัฐมนตรี
หมวด ๘
คณะรัฐมนตรี
มาตรา ๑๕๘
พระมหากษัตริย์ทรงแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีอื่นอีกไม่เกินสามสิบห้าคนประกอบกันเป็นคณะรัฐมนตรี มีหน้าที่บริหารราชการแผ่นดินตามหลักความรับผิดชอบร่วมกัน
นายกรัฐมนตรีต้องแต่งตั้งจากบุคคลซึ่งสภาผู้แทนราษฎรให้ความเห็นชอบตามมาตรา ๑๕๙
ให้ประธานสภาผู้แทนราษฎรเป็นผู้ลงนามรับสนองพระบรมราชโองการแต่งตั้งนายกรัฐมนตรี
นายกรัฐมนตรีจะดำรงตำแหน่งรวมกันแล้วเกินแปดปีมิได้ ทั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็นการดำรงตำแหน่งติดต่อกันหรือไม่ แต่มิให้นับรวมระยะเวลาในระหว่างที่อยู่ปฏิบัติหน้าที่ต่อไปหลังพ้นจากตำแหน่ง
มาตรา ๑๕๙
ให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาให้ความเห็นชอบบุคคลซึ่งสมควรได้รับแต่งตั้งเป็่นนายกรัฐมนตรีจากบุคคลซึ่งมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา ๑๖๐ และเป็นผู้มีชื่ออยู่ในบัญชีรายชื่อที่พรรคการเมืองแจ้งไว้ตามมาตรา ๘๘ เฉพาะจากบัญชีรายชื่อของพรรคการเมืองที่มีสมาชิกได้รับเลือกเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไม่น้อยกว่าร้อยละห้าของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของสภาผู้แทนราษฎร
การเสนอชื่อตามวรรคหนึ่งต้องมีสมาชิกรับรองไม่น้อยกว่าหนึ่งในสิบของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของสภาผู้แทนราษฎร
มติของสภาผู้แทนราษฎรที่เห็นชอบการแต่งตั้งบุคคลใดให้เป็นนายกรัฐมนตรี ต้องกระทำโดยการลงคะแนนโดยเปิดเผย และมีคะแนนเสียงมากกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของสภาผู้แทนราษฎร
มาตรา ๑๖๐
รัฐมนตรีต้อง
(๑) มีสัญชาติไทยโดยการเกิด
(๒) มีอายุไม่ต่ำกว่าสามสิบห้าปี
(๓) สำเร็จการศึกษาไม่ต่ำกว่าปริญญาตรีหรือเทียบเท่า
(๔) มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์
(๕) ไม่มีพฤติกรรมอันเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง
(๖) ไม่มีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา ๙๘
(๗) ไม่เป็นผู้ต้องคำพิพากษาให้จำคุก แม้คดีนั้นจะยังไม่ถึงที่สุด หรือมีการรอการลงโทษ เว้นแต่ในความผิดอันได้กระทำโดยประมาท ความผิดลหุโทษ หรือความผิดฐานหมิ่นประมาท
(๘) ไม่เป็นผู้เคยพ้นจากตำแหน่งเพราะเหตุกระทำการอันเป็นการต้องห้ามมาตรา ๑๘๖ หรือมาตรา ๑๘๗ มาแล้วยังไม่ถึงสองปีนับถึงวันแต่งตั้ง
มาตรา ๑๖๑
ก่อนเข้ารับหน้าที่ รัฐมนตรีต้องถวายสัตย์ปฏิญาณต่อพระมหากษัตริย์ด้วยถ้อยคำดังต่อไปนี้
“ข้าพระพุทธเจ้า (ชื่อผู้ปฏิญาณ) ขอถวายสัตย์ปฏิญาณว่า ข้าพระพุทธเจ้าจะจงรักภักดีต่อพระมหากษัตริย์ และจะปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต เพื่อประโยชน์ของประเทศและประชาชน ทั้งจะรักษาไว้และปฏิบัติตามซึ่งรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยทุกประการ”
ในกรณีที่โปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้คณะรัฐมนตรีปฏิบัติหน้าที่ไปพลางก่อนที่จะถวายสัตย์ปฏิญาณ ให้คณะรัฐมนตรีนั้นดำเนินการตามมาตรา ๑๖๒ วรรคสองได้ ในกรณีเช่นนี้ ให้คณะรัฐมนตรีตามมาตรา ๑๖๘ (๑) พ้นจากการปฏิบัติหน้าที่นับแต่วันที่โปรดเกล้าโปรดกระหม่อมดังกล่าว
มาตรา ๑๖๒
คณะรัฐมนตรีที่จะเข้าบริหารราชการแผ่นดินต้องแถลงนโยบายต่อรัฐสภา ซึ่งต้องสอดคล้องกับหน้าที่ของรัฐ แนวนโยบายแห่งรัฐ และยุทธศาสตร์ชาติ และต้องชี้แจงแหล่งที่มาของรายได้ที่จะนำมาใช้จ่ายในการดำเนินนโยบาย โดยไม่มีการลงมติความไว้วางใจ ทั้งนี้ ภายในสิบห้าวันนับแต่วันเข้ารับหน้าที่
ก่อนแถลงนโยบายต่อรัฐสภาตามวรรคหนึ่ง หากมีกรณีที่สำคัญและจำเป็นเร่งด่วน ซึ่งหากปล่อยให้เนิ่นช้าไปจะกระทบต่อประโยชน์สำคัญของแผ่นดิน คณะรัฐมนตรีที่เข้ารับหน้าที่จะดำเนินการไปพลางก่อนเพียงเท่าที่จำเป็นก็ได้
มาตรา ๑๖๓
รัฐมนตรีย่อมมีสิทธิเข้าประชุมและแถลงข้อเท็จจริงหรือแสดงความคิดเห็นในที่ประชุมสภาแต่ไม่มีสิทธิออกเสียงลงคะแนน เว้นแต่เป็นการออกเสียงลงคะแนนในสภาผู้แทนราษฎรในกรณีที่รัฐมนตรีผู้นั้นเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรด้วย และให้นำเอกสิทธิ์ที่บัญญัติไว้ในมาตรา ๑๒๔ มาใช้บังคับโดยอนุโลม
ในที่นี้ผู้เขียนยกเพียงบางมาตรามาให้คุณได้พิจารณาเท่านั้น แต่ถ้าหากคุณต้องการอ่านทุกมาตราในหมวด 8 คุณสามารถอ่านได้จากรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๖๐/หมวด ๘
ประเด็นสำคัญที่ผู้เขียนอยากชวนคุณคิดไปด้วยกันก็คือ คุณมั่นใจร้อยเปอร์เซ็นต์ไหมว่า คณะรัฐมนตรีของไทยในรัฐบาลชุดปัจจุบันมีคุณสมบัติครบถ้วนทุกประการ ผู้เขียนขออนุญาตไม่ถามว่า รัฐมนตรีทุกคนเป็นคนดีร้อยเปอร์เซ็นต์หรือไม่ เพราะคำถามนี้อาจทำให้คุณหัวเราะเยาะผู้ถาม เพราะเรื่องความดีความเลวของรัฐมนตรีนั้น ผู้เขียนเชื่อว่าคุณผู้อ่านต่างมีข้อมูลและมุมมองต่างกันไป จึงถามเน้นแค่เพียงเรื่องคุณสมบัติตามที่ตราไว้ในรัฐธรรมนูญ ฉบับล่าสุด
แล้วขอถามปิดท้ายว่า ถ้าหากรัฐมนตรีขาดคุณสมบัติตามรัฐธรรมนูญแล้ว นายกรัฐมนตรีต้องรับผิดชอบในฐานะเป็นผู้เลือกสรรรัฐมนตรีเข้าดำรงตำแหน่งหรือไม่ หรือในความเป็นจริงแล้ว นายกรัฐมนตรีมิได้มีอำนาจเลือกสรรผู้เข้าดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีโดยแท้จริง เพราะคนอื่นเป็นผู้เลือก แล้วนายกรัฐมนตรีมีสถานะไม่ต่างไปจากตรายางเท่านั้น แต่ที่ขอถามคุณผู้อ่านข้อสุดท้ายคือ ถ้าหากรัฐมนตรีของรัฐบาลชุดนี้ติดคุกติดตะรางจากต่างประเทศในข้อหายาเสพติด และยังมีปมปัญหาเรื่องวุฒิการศึกษาปลอม คุณคิดว่านายกรัฐมนตรีต้องรับผิดชอบหรือไม่ หรือคุณจะตอบว่า จะไปเอานิยมนิยามอะไรกับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีของไทย เพราะใครๆ ก็สามารถเป็นได้ ส่วนเรื่องความดี ความเลว ความรู้ ความสามารถ ความรอบรู้ ความซื่อสัตย์สุจริต และเรื่องศีลธรรมจรรยา ไม่ต้องคำนึงถึงเพราะถ้าหากคิดเรื่องเหล่านี้แล้ว รับรองว่าหานักการเมืองที่เหมาะสมกับตำแหน่งรัฐมนตรีได้ไม่เกินจำนวนนิ้วมือของคุณ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี