คนไทยสมัยนี้ ไม่รักกันเลย ชิงชังกันอย่างสุดโต่ง แบ่งขั้วแบ่งฝ่าย จนเกิดอคติที่ทำให้การคิด การรู้สึก การแสดงจุดยืน “ผิดเพี้ยน-บิดเบี้ยว” ไปอย่างง่ายๆ
ดราม่าที่สุดในยามนี้ ไม่มีอะไรเกิน “ฉันจะบริจาคช่วยน้ำท่วมกับบิณฑ์ บรรลือฤทธิ์” นายกฯ พล.อ.ประยุทธ์จันทร์โอชา มัวแต่ไปผัดใบเหลียงอยู่กับกำนันสุเทพ ที่เกาะสมุยไม่มาลงพื้นที่ ดูดำดูดีประชาชนบ้างเลย เงินที่คนบริจาคก็ต้องเอาเข้าระบบก่อน ถึงจะเบิกออกมาใช้จ่ายได้ และดูสิพอพี่บิณฑ์รับบริจาค ประชาชนร่วมบริจาคเป็นร้อยๆ ล้านแล้ว รัฐบาลเพิ่งจะมาคิดรับเงินบริจาค ช้าไปไหม
ไม่น่าเชื่อว่า การที่รัฐบาลระดมความช่วยเหลือพี่น้องประชาชนที่ประสบปัญหาอุทกภัยทางภาคเหนือและภาคอีสาน โดยจัดรายการ “ร่วมใจ พี่น้องไทย ช่วยภัยน้ำท่วม” ในวันอังคารที่ 17 กันยายน เวลา 19.30-22.00 น. ซึ่งนายกฯ พร้อมด้วยคณะรัฐมนตรี (ครม.) จะมารับบริจาคด้วยตนเอง เพื่อนำเงินที่ได้ ไปบรรเทาความเดือดร้อนให้แก่ผู้ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยในครั้งนี้ ทำให้หลายคนตั้งคำถามว่า แล้วรัฐบาลไม่มีเงินเหรอ
1) คนบันเทิง อย่าง “เวฟ สาริน” ก็ถึงกับโพสต์ภาพข้อความ “อันนี้น่าคิด ทำไมรัฐบาลต้องออกมาขอบริจาค คลังไม่มีเงินหรอ หรือแจกให้คนเที่ยวหมดแล้วกูงง” พร้อมกับแคปชั่นว่า “แล้วภาษีกูไปไหนหมด”
ผมได้ตอบประเด็นนี้ไว้ ในเฟซบุ๊ค ปู จิตกร บุษบา ว่า...
“เบื่อ “วิธีคิด” แบบนี้มาก หลายคนชอบคิดว่างบประมาณแผ่นดินเหมือนเงินในกระเป๋าปาป๊ามาม้าของมัน แบมือขอเมื่อไรก็ควักให้ได้เลย เราหยุดภาวะ “หย่อนปัญญา” แบบนี้กันเสียทีได้ไหมครับ ให้รู้ว่า “ภาษี” ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเงินงบประมาณแผ่นดินนั้น มี “ระบบ” ที่ต้องจัดสรร มีหมวดหมู่ของการใช้จ่าย และมีระเบียบของการเบิกจ่ายด้วย จะมีก็เพียง “งบกลาง” เท่านั้น ที่สำรองไว้รองรับเรื่องปัจจุบันทันด่วน แต่ก็ใช่จะเอาไปเดินแจกคนละพันคนละห้าพันได้ตามอำเภอใจ มันก็ยังมีระบบระเบียบของการใช้อยู่ดี
การที่รัฐบาลเปิดรับบริจาคนั้น ก็เพื่อให้คนในชาติได้มี “ส่วนร่วม” ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน อันเป็นการสร้างความรักความสมัครสมาน เป็นการบ่มเพาะจิตสำนึกเชิงบวก และเป็น “ตัวช่วย” ของ “ภาษี” ซึ่งต้องใช้จ่ายในอีกหลายเรื่อง โดยสรุปคือ มันมีความหมายมากกว่าการ “ทำไมไม่เอาภาษีมาจ่ายวะ” / “คลังไม่มีเงินเหรอวะ” ก็ลองคิดดูสิว่า ขนาดระบบ “กงสี” ยังใช่ว่าจะเอาเงินออกมาใช้ได้ง่ายๆ เลย นี่มันระบบการเงินการคลังของประเทศนะเว้ย ไม่ใช่ตังค์ในเชี่ยนหมากคุณย่า
ระบบราชการมันไม่คล่องตัวเท่าระบบเอกชน-คนดังหรอกครับ เพราะมันตัดสินใจเอง ทำเลย ไม่มีระบบตรวจสอบ เอาผิด ว่าเป็นไปตามระเบียบหรือไม่ หน้าที่ของคนในชาติคือ “ทำความเข้าใจ-หาความรู้” ไม่ใช่สักแต่จะคิดของกู ความรู้ช่างแม่ง!!
ส่วนภาษีอยู่ที่ไหนบ้าง อยู่ที่โรงพยาบาล เวลาคุณไปหาหมอ ใช่ว่าคุณจ่ายกันร้อยเปอร์เซ็นต์นะครับ อยู่บนถนนหนทางที่เราใช้ ไฟแดง สะพานลอย รถไฟฟ้า ท่อระบายน้ำ พนักงานเก็บขยะ ตำรวจตระเวนชายแดน ทหาร ครู พระ อบต. อบจ. นักเรียน คนแก่ คนพิการ เด็ก ฯลฯ แม้แต่ในรถถัง ในเรือดำน้ำที่รังเกียจและก่นด่ากันเรื่อยมานั่นแหละ
ชาติไม่ได้เจริญได้ด้วยภาษีอย่างเดียว แต่เจริญด้วยพลเมืองที่ “รู้ภาษา” ด้วยครับ สิ่งหนึ่งที่ควรเอาภาษีไปสร้างให้สัมฤทธิ์ผล คือ เอาไปส่งเสริมให้คน “รักการศึกษา” เวลาที่มีปัญหาใดๆ เกิดขึ้นมา คนจะได้เอา “ปัญญา” มารวมกัน ฝ่าฟันได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีแรงเสียดทานและตัวถ่วงน้อยที่สุด #มีภาษีแล้วไม่ต้องมีน้ำใจกันหรือยังไง”
2) น.ส.สฤณี อาชวานันทกุล นักวิชาการอิสระด้านเศรษฐศาสตร์ นักเขียน นักแปลชื่อดัง โพสต์ลงบนเฟซบุ๊ค Sarinee Achavanuntakul - สฤณี อาชวานันทกุลว่า โอกาสมาถึงแล้ว ค่ำนี้ชวนโทรไปด่า แล้วเอาเงินไปบริจาคที่อื่นค่ะ #SaveUbon
ผมได้แสดงความคิดเห้นในเรื่องนี้ ในเฟซบุ๊ค ปู จิตกรบุษบา ว่า...
“อารมณ์ชั่ววูบ ที่กัดกินตัวเอง ของคุณ “สฤณีอาชวานันทกุล” เราทุกคนมีอารมณ์นี้กันได้ แต่เมื่อเกิดสติจงย้อนกลับมาดู เราจะพบ “ความน่าเกลียด” ในตัวเอง กรณีนี้ผละจากตัวคน มาดูที่ “การกระทำ” แล้ว “ประเมินคุณค่า” กันครับ
...จะชั่วจะดี จะชอบหรือชัง สิ่งที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และผู้เกี่ยวข้องจะทำนี้ ทำเพื่อ “รวมใจคนในชาติ” เข้าสู่การร่วมช่วยเหลือเพื่อนร่วมชาติที่กำลังประสบภัย
...จะเร็วจะช้า จะจริงใจหรือไม่จริงใจ ก็เรื่องหนึ่งแต่ “งานนี้” ไม่ใช่งานที่เราจะโทรเข้าไปด่า
...สายโทรศัพท์มีจำกัดครับ หากใจเรายังเป็นมนุษย์อยู่ เราก็เปิดให้สายเหล่านั้นว่างไว้ เพื่อ “รองรับ” คนที่เขา “มีใจจะช่วย” และเอาใจสกปรก อาฆาต โกรธเกลียดของเรามา “ซัก” เสีย ให้มันใส ให้มันสะอาด ให้มันโล่ง เช่น ด่า ระบาย ตำหนิ ในเพจของเรา ในกลุ่มของเรา หรือในเพจของ พล.อ.ประยุทธ์ หรือตรงไหนก็ได้ที่จะไม่ไป “ขัดขวางการรับบริจาค”
...คนอื่นที่รับโทรศัพท์ คนอื่นที่พร้อมจะบริจาค เขาไม่ได้ร่วมในความขัดแย้งโกรธเกลียดของคุณ เอาใจมามองมุมนี้บ้าง นึกถึงใจของคนดีๆ แล้วดึงความดีนั้น มาปัดกวาดใจเรา ก็ไม่เลวนะครับ อย่างน้อยๆ ก็เลวน้อยกว่าใจแบบนี้”
ต่อมาคุณสฤณี ได้โพสต์ชี้แจงว่า “เป็นดราม่าได้ด้วย แต่พูดประชดชวนโทรไปด่าถ้าประยุทธ์รับสายเอง ลองคิดว่าสมควรด่าไหม นายกฯ ที่ดูถูกชาวบ้านว่ารอรับแต่เงิน ให้ช่วยตัวเอง ฯลฯ จนถึงวันนี้ยังไม่ขอโทษอะไรเลย แล้วถ้าไม่มีดาราดังเรี่ยไรเงินบริจาคได้เยอะ ก็น่าสงสัยว่าจะมาทำอย่างเขามั้ย
...เอาจริงๆ ทุกคนที่อยากบริจาคให้รัฐบาลก็บริจาคได้อยู่แล้วนะคะ ไม่ต้องมีกิจกรรมนี้ก็ได้ เขาประกาศเบอร์บัญชีหราขนาดนั้น แต่เชื่อจริงๆ ว่าบริจาคให้คนอื่นดีกว่า รัฐบาลดูไม่มีประสิทธิภาพ งบกลางที่ตั้งไว้เพื่อเรื่องฉุกเฉินอย่างนี้ยังไม่เห็นเอามาใช้ ยังไม่นับว่ารัฐบาลก่อนๆ ระดมเงินบริจาคทีไรไม่เห็นเคยโปร่งใส รัฐบาลนี้โปร่งใสน้อยนิดแต่ต้น จะดีกว่าได้ไง
...เอาเป็นว่า ใครที่อ่านแล้วเข้าใจผิด คิดว่าไม่อยากให้บริจาคช่วยคนอีสานเลย ก็ขออภัยที่อาจจะเขียนไม่ยาวพอหรือทำให้เข้าใจผิดนะคะ แต่สำหรับคนที่เข้ามาด่าเจ้าของเพจเพราะเป็นกองเชียร์รัฐบาล คิดว่าเขาจัดการเรื่องน้ำท่วมดีงามถูกต้องแล้วทุกอย่าง ก็เชิญด่าเจ้าของเพจและเชื่อมั่นในรัฐบาลต่อไป ถถถ...”
3) 16 ก.ย.2562 ที่ห้องแกรนด์ไดมอนด์ บอลรูมอาคารอิมแพ็ค ฟอรั่ม เมืองทองธานี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชานายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานในพิธีเปิดการสัมมนาบุคลากรภาครัฐ “ยุทธศาสตร์ชาติ ภาคปฏิบัติ:ร่วมขยับขับเคลื่อนภาครัฐเพื่อประชาชน”
ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวตอนหนึ่งว่า ประชาชนยังเกิดความไม่เข้าใจ วันนี้มีคำถามว่าทำไมรัฐบาลไม่เอาเงินไปให้ประชาชน คนละ 5,000 บาท เช่น น้ำท่วมทำไมไม่แจกเงิน เพราะไม่มีเงินใช้ ไม่มีเงินกินข้าว แต่ถามว่าทำได้หรือไม่ ทำไมประชาชนถึงไม่เข้าใจเลย แล้วคนกลุ่มหนึ่งก็มาพูดต่อ ว่าจะต้องทำอย่างนี้อย่างนั้น เช่นว่า ทำไมประชาชนเดือดร้อน นายกฯจึงไม่ใช้เงินหลวง หรือไม่ลงพื้นที่ไปตรวจ ที่นี่ประเทศไทยถ้าเราไม่ร่วมมือกัน ก็จะแก้ไขปัญหาไม่ได้ ประเทศจะเดินหน้าต่อไปไม่ได้ ทั้งการสร้างความปรองดอง ปฏิรูป ยุทธศาสตร์ชาติ จะไปไม่ได้ 5 ปีที่ผ่านมา ทำให้จับประเด็นได้ คือ ประชาชนเคยชินกับสิ่งที่เคยได้ โดยไม่สนใจว่าจะถูกหรือผิด มีการเรียกร้องอย่างต่อเนื่องเหมือนทุกวันนี้ โดยไม่เข้าใจระเบียบราชการ
โดยวันนี้เราไม่ได้มีปัญหาแค่ระบบราชการ หรือการเมือง แต่มีปัญหาที่คนด้วย ที่กล่าวไม่ได้ตำหนิใคร เพียงแต่อยากชี้ให้ทุกคนเห็นว่าโจทก์ประเทศอยู่ตรงไหน ไม่ใช่เห็นหน้ากันก็จะขอแต่เงิน และร้องเรียนว่าเงินไม่ถึงมือโดยตรงไม่ว่าตนจะไปไหนก็มีแต่คนขอเงิน ของบฯ ขอขึ้นเงินเดือน ตนอึดอัดใจมาก ซึ่งถ้าประเทศไทยรวย ก็อยากให้จริงๆ ตนไม่โทษใครเพราะเขายังขาดแคลน แต่ข้าราชการต้องช่วยกันอธิบาย เพราะประชาชนไม่รู้จะขอใคร ก็ขอที่นายกฯ ตนอยากให้แต่ไม่มีเงินให้ เราต้องจัดสรรให้จากเงินในระบบ ตามขั้นตอนที่โปร่งใส ถึงมือประชาชน แต่พอไม่ให้ ก็มีคนมาพูดอย่างอื่น คนก็เชื่อกันไปหมด สื่อโซเชียลก็เฮตาม ว่าทำไมรัฐบาลไม่ช่วย
นายกรัฐมนตรี กล่าวต่อว่า ทุกๆ วัน ไม่เคยคิดว่าตัวเองเป็นนายกฯ คิดว่าทำอย่างไรจะแก้ไขปัญหาของประชาชนได้ แต่ก็มีคนกลุ่มหนึ่งที่ดูเหมือนไม่รักประเทศ ออกมาพูดจา โดยคิดแต่ประโยชน์ส่วนตัว จึงขอร้องอย่าคิดถึงประโยชน์ส่วนตัว เราต้องร่วมกันสร้างสิ่งที่ถูกต้อง วันนี้มีประเด็นเช่น การช่วยเหลือน้ำท่วม ว่าทำไมรัฐบาลไม่ออกไปช่วย ทำไมนายกฯไปภาคใต้ไม่ไปอีสาน ทำไมไม่ไปลุยน้ำกับพวกเขา ซึ่งเป็นการสร้างความขัดแย้ง ทุกคนจึงต้องช่วยกันคิดแก้ไข สร้างความเข้าใจ
4) ทั้งหมดทั้งปวงที่ บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์ เป็นเทวดา ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นหมา (หัวเน่า) อยู่ในตอนนี้ เพราะไม่รู้จัก “การสื่อสารในภาวะวิกฤติ” ท่ามกลางความทุกข์ยาก คน-ไม่อยู่ในภาวะที่มีเหตุผล เข้าใจ รู้เรื่องต่างๆ อย่างที่นายกฯอยากให้รู้ อยากให้คิดหรอกครับ เขาต้องการ “ที่พึ่ง” แต่รัฐบาลซึ่งส่งคนลงไปจัดการกับปัญหามาตั้งแต่ต้น “ลืมสื่อสาร”
ผมเคยเสนอตั้งแต่เกิดน้ำท่วมแรกๆ เลยว่า แทนที่จะดาหน้ากันลงไปในพื้นที่ ให้ตั้งเป็นวอร์รูม ดึงข้อมูลของทั้งจากกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กรมชลประทาน ผู้ว่าฯอบจ. อบต. กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน อสม. อพม. ข้อมูลจากการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค กรมทางหลวง ฯลฯ ที่มันต้องประสานกันมารวมกัน เพื่อจะได้เห็นภาพรวมของสถานการณ์ แล้วมีผู้“บัญชาการสถานการณ์” สั่งการและสรุปสถานการณ์ให้ประชาชนทราบทุกวัน อะไรที่อยากสื่อสารก็สื่อสารเลย อะไรที่อยากขอความช่วยเหลือ ก็ขอเลย มันก็จะไม่เกิดการขวักไขว่ของข้อมูลข่าวสารแบบนี้
นายกฯ ควรทราบว่า มีคนจ้องจะเล่นงานท่านอยู่มากมาย ท่านจึงต้องมีสติ มีภาวะผู้นำ จะเที่ยวหงุดหงิดฉุนเฉียว บ่นคนนั้น แขวะคนนี้ ไม่ทำให้ดูดีขึ้น รังแต่จะทำให้คน“หมดใจ” ว่าในยามวิกฤติ แทนที่นายกฯ จะมี “ภาวะผู้นำ” ที่ดี ทีมนายกฯ จะสื่อสารในภาวะวิกฤติได้ดี กลับมีแต่“ลุงฉุน-ตาเฒ่าวัยทอง” บ่นเช้าบ่นเย็น จัดลำดับความสำคัญของปัญหาไม่ถูก เหมือนไม่ทุกข์ไม่ร้อนไปด้วยกัน กับข้อมูลที่ต่างหน่วยงานต่างรายงาน ไม่เป็นทิศเป็นทางที่ชวนให้มีแรงสู้มีความหวังที่จะผ่านพ้น
คนในพื้นที่ส่วนมากรู้ครับ เห็นครับ ว่ารัฐบาลระดมทุกสรรพกำลังเข้าไปช่วยมาตลอด ไหนจะอาสาสมัคร จิตอาสา กู้ภัย ที่ “ปิดทองหลังพระกันจนเหลืองอร่าม” แต่มาเจอข่าวของคน “นอกพื้นที่-แสนรู้” เข้าให้ รัฐบาลหมดสภาพ นายกฯ สิ้นภาวะผู้นำไปเลย พอถูกโจมตีหรือเอาไปเปรียบเทียบมากๆ เข้า ก็หงุดหงิด จิตหลุด
กลับมาตั้งหลัก ทบทวน และเล่นบท “ผู้บัญชาการสถานการณ์” ให้เฉียบขาดเถอะครับ ประมวลข้อมูลทั้งหมดบอกกล่าวกับประชาชน ทั้งสิ่งที่ทำอยู่และสิ่งที่เตรียมไว้ช่วยหลังน้ำลดแล้ว อย่ารอจนคน “หมดศรัทธา” มันจะทำให้ปัญหาที่ท่านต้องแบก...หนักยิ่งกว่าเดิม!
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี