ช่วงนี้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และรมว.กลาโหม อยู่ในระหว่างเข้าร่วมการประชุมสมัชชาสหประชาชาติ สมัยสามัญ (United Nations General Assembly-UNGA) ครั้งที่ 74 และเข้าร่วมการประชุมสำคัญที่เกี่ยวเนื่อง ณ นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา
ทาง นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยว่ามีหัวข้อสำคัญที่เกี่ยวกับของไทยได้แก่ การประชุมระดับสูงว่าด้วยหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า เพื่อแสดงบทบาทที่แข็งขันของไทยในด้านสาธารณสุข รวมทั้งเรื่องอื่นๆ อีกมากมาย
น่าสนใจคือก่อนหน้านี้ มีการจัดงาน “วันแห่งความปลอดภัยของผู้ป่วยโลก และวันแห่งความปลอดภัยของผู้ป่วยและบุคลากรสาธารณสุขของประเทศไทย” ประจำปี 2562 โดยมีสถาบันรับรองคุณภาพสถานพยาบาล (องค์การมหาชน) หรือ สรพ. เป็นเจ้าภาพประกาศนโยบายความปลอดภัยของผู้ป่วยและบุคลากรสาธารณสุข (Patient and Personnel Safety) หรือ “2P Safety” ยกระดับมาตรฐานด้านบริการสาธารณสุขทั่วทุกภูมิภาคของประเทศให้ดีขึ้น มีโรงพยาบาลทั้งรัฐและเอกชนเข้าร่วมโปรแกรมการพัฒนาเพื่อเป็น “2P Safety Hospital” แล้ว 371 แห่ง อนาคตคงมีครบหมดทุกโรงพยาบาล
งานดังกล่าวมีการแลกเปลี่ยนความเห็นในวงการแพทย์มากมาย
พญ.ปิยวรรณ ลิ้มปัญญาเลิศ รอง ผอ.สรพ. กล่าวว่า เป็นการร่วมแลกเปลี่ยน แบ่งปัน และเรียนรู้ประสบการณ์การพัฒนาเรื่อง 2P Safety เป็นเวทีสำคัญที่จะได้รวบรวมองค์ความรู้จากผู้ปฏิบัติงานดูแลผู้ป่วย ซึ่งแน่นอนที่การขับเคลื่อน 2P Safety ด้วยแนวทาง “SIMPLE” ทั้งด้านการดูแลความปลอดภัยของผู้ป่วยและด้านการทำงานของผู้ปฏิบัติงานนั้น ยังมีบางประเด็นที่ผู้ปฏิบัติงานยังพบปัญหาและต้องหาทางแก้ไข ว่าจะดูแลผู้ป่วยอย่างไรให้เหมาะสม ให้เกิดความปลอดภัย การบริหารจัดการผู้ช่วยเหลือหรือญาติผู้ป่วย
ตลอดจนเรื่องของการพัฒนาระบบบ่งชี้ผู้ป่วย (Patient Identification) ที่แต่ละพื้นที่ทั่วประเทศประสบปัญหา และหาทางแก้ปัญหาที่แตกต่างอย่างน่าสนใจ เช่น กรณีโรงพยาบาลปางมะผ้า จังหวัดแม่ฮ่องสอนที่ประสบปัญหาประชาชนผู้รับบริการมีชื่อและนามสกุลซ้ำกันเป็นจำนวนมากเนื่องมาจากวัฒนธรรมการตั้งชื่อของคนชนเผ่า ทางโรงพยาบาลต้องทำระบบการบ่งชี้ผู้ป่วยด้วยการใช้ภาพถ่ายใบหน้า จะอาศัยบัตรประชาชนก็ทำได้ยากเพราะคนจำนวนมากในพื้นที่ไม่มีบัตรประชาชน
รศ.ดร.ทน.พญ.รัชนา ศานติยานนท์ ผู้เชี่ยวชาญด้านเทคนิคการแพทย์ คณะสหเวชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้ถอดบทเรียนกรณีการตอบสนองต่อภาวะฉุกเฉิน หรือ Emergency Response(ER) ซึ่งในการปฏิบัติงานพบปัญหาที่หลากหลาย เช่น ประเด็นให้แพทย์น้องใหม่อยู่เวรเดี่ยวประจำห้องฉุกเฉิน บางกรณีไม่สามารถสนองตอบการรักษาได้ทันท่วงที แนวทางแก้ไขคือห้องฉุกเฉินต้องมีสหวิชาชีพเป็นทีมที่สามารถตัดสินใจตอบสนองการรักษาที่รวดเร็ว นอกจากนี้ ยังมีประเด็นที่แพทย์ ER ต้องตระหนักว่าภาวะฉุกเฉินนั้นไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะในห้องฉุกเฉินแต่สามารถเกิดขึ้นได้ในทุกจุดที่มีผู้ป่วยอยู่ ต้องรีบตอบสนองเมื่อพบอาการผิดปกติก่อนที่ผู้ป่วยจะกลายเป็นกรณีที่แก้ไขไม่ได้
ขณะที่ ผศ.นพ.ยงค์ รงค์รุ่งเรือง จากคณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล มองปัญหาสอดคล้องกันว่าแม้บุคลากรด้านการแพทย์จะถูกมองว่าเป็นกลุ่มคนที่มีความรู้ด้านการรักษาโรค แต่ขณะเดียวกันก็เป็นกลุ่มที่เสี่ยงติดเชื้อมาก โดยเฉพาะวัณโรค โดยมีความเสี่ยงสูงกว่าผู้มารับบริการถึง 2-3 เท่า โดยเป็นเชื้อที่แฝงอยู่ในร่างกายและยังไม่ได้แสดงอาการ ดังนั้น การคัดกรองวัณโรคกรณีที่โรงพยาบาลทุกแห่งต้องไม่มองข้าม ด้วยความเสี่ยงด้านต่างๆ ของบุคลากรที่มีอยู่
รศ.พญ.เนสินี ไชยเอีย จากคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ระบุว่า ความเสี่ยงที่เกิดกับผู้ปฏิบัติงานชี้ให้เห็นว่าในโรงพยาบาลมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องมีมืออาชีพเข้ามาบริหารจัดการในด้านอื่นที่ไม่ใช่ด้านการรักษา โดยเฉพาะด้านการบริหารงานบุคคลซึ่งมีหน้าที่ดูแลสวัสดิภาพในการทำงานของบุคลากรโดยเฉพาะ แต่ปัจจุบันยังพบว่าโรงพยาบาลจำนวนมากที่ทั้งแพทย์ พยาบาล เภสัชกร ยังต้องมาดูแลงานด้านนี้เองทั้งที่ขาดความเชี่ยวชาญ
ครับทั้งหมดนี้ ท่านผู้รู้ที่ไปสัมมนาได้สรุปการร่วมกันถอดบทเรียนจากผู้ปฏิบัติงานจริง ซึ่งจะได้รับการรวบรวมและวางแนวทางแก้ไขในประเด็นที่เป็นปัญหา มีการนำไปเผยแพร่เป็นความรู้ในส่วนที่ลงมือปฏิบัติแล้วประสบความสำเร็จ เพื่อเป้าหมายสุดท้ายคือการขับเคลื่อน 2P Safety ให้สามารถสร้างความปลอดภัยให้เกิดขึ้นกับทั้งผู้ป่วย ผู้รับบริการ และผู้ปฏิบัติงาน ในวงการแพทย์และสาธารณสุขไทยทั้งระบบ
เสียงสะท้อนจากคุณหมอ เชื่อว่า อนุทิน ชาญวีรกูลรองนายกฯและรมว.สาธารณสุข คงให้ความสำคัญ รวมทั้งติดตามเรื่องราวที่พล.อ.ประยุทธ์ ไปประชุมที่ยูเอ็น เพื่อช่วยกันยกระดับมาตรฐานทางด้านการบริการสาธารณสุขเพื่อคนไทยต่อไป
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี