7 พรรคฝ่ายค้านที่ยังคงอยู่ใต้ปีกของคนแดนไกลที่หนีคดีอาญาอยู่ในต่างประเทศมุ่งเป้าโจมตีรัฐบาลผสม18 พรรค ของพลแอกประยุทธ์ จันทร์โอชา อย่างต่อเนื่องโดยเป้าหมายหลักยังคงอยู่ที่การล้มรัฐบาลและการยึดอำนาจรัฐแล้วก็มีการอ้างคำว่าประชาธิปไตยและการแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับปี 2560 บังหน้าแต่เป้าหมายที่ลึกไปกว่านั้นก็คือต้องให้ได้อำนาจรัฐและอำนาจในการปกครองประเทศให้สำเร็จเพื่อความสง่าผ่าเผยของมาสเตอร์สมายด์ที่จะกลับมาชูคอยืดอกและเป็นใหญ่ในแผ่นดินอีกครั้งหนึ่ง
กระแสโจมตีนายทหารชั้นผู้ใหญ่ในกองทัพจึงยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะเรื่องการใช้งบประมาณของทหารภายใต้สังกัดของกระทรวงกลาโหมทั้ง 5 หน่วยงานคือกองทัพบก กองทัพเรือ กองทัพอากาศ กองบัญชาการกองทัพไทย และสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม เช่น โจมตีถึงสถานะของผู้บัญชาการเหล่าทัพไปทุกๆ เรื่อง การแก้ไขปัญหาในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้ การจัดซื้อจัดจ้าง การซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ใหม่เข้ามาทดแทนอาวุธยุทโธปกรณ์ที่เก่าล้าสมัยที่ใช้ประจำการมายาวนานมากกว่า 30 ปี โดยเฉพาะรถถังและเครื่องบินปีกหมุนหลายรุ่นมีอายุนานกว่า 40 ปี
ถ้าหากวิเคราะห์ลงไปในรายละเอียดของงบประมาณกระทรวงกลาโหมแล้วจะพบความเป็นจริงว่างบประมาณทหารของประเทศไทยไม่ได้มากนักหากนำไปเปรียบเทียบกับงบประมาณของกระทรวงสาธารณสุข, กระทรวงศึกษาธิการ, กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ซึ่งมีข้อมูลเปรียบเทียบงบประมาณปี 2562 กับปี 2563 ดังนี้
ยอดงบประมาณรวมปี 2562 จำนวน 3,000,000,000,000 บาท ส่วนปี 2563 มียอดรวม 3,200,000,000,000บาท เพิ่มขึ้น 200,000,000,000 บาทหรือร้อยละ 6.67 งบประมาณกระทรวงกลาโหม ปี 2562 จำนวน 227,126,566,300 บาท ปี 2563มียอด 233,353,433,300 บาทเพิ่มขึ้น 6,226,867,000 บาท เพิ่มร้อยละ 2.74 เท่านั้น คิดเป็นร้อยละ 7.29 ของงบประมาณรวม
ส่วนงบประมาณด้านการศึกษานั้นรวมกระทรวงศึกษาธิการกับกระทรวงการอุดมศึกษาฯปี 2562 จำนวนรวม 506,620,272,800 บาท ปี 2563 มียอดรวม 2 กระทรวง จำนวน 509,124,878,100 บาท มียอดเพิ่ม 2,504,605,300 บาท เท่ากับร้อยละ 0.49 คิดเป็นร้อยละ 15.91 ของวงเงินงบประมาณรวม ส่วนกระทรวงสาธารณสุข ปี 2562 ได้งบประมาณ 135,388,664,800 บาท ปี 2563 ได้รับ 138,735,342,800 บาทเพิ่มขึ้น 3,346,678,000 บาท เป็นร้อยละ 2.47คิดเป็นร้อยละ 4.33 ของงบประมาณรวม
อย่างไรก็ตาม เมื่อค้นข้อมูลย้อนหลังจะพบว่าเมื่อนายทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี ในปี 2547 นั้น กระทรวงกลาโหมได้งบประมาณเป็นร้อยละ 7.63 ของยอดรวม แต่ปี 2563 รัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชาให้ร้อยละ 7.29 น้อยกว่าสมัยนายทักษิณ ยิ่งไปค้นข้อมูลย้อนหลังของงบประมาณด้านทหาร ด้านการศึกษาและด้านการสาธารณสุขเทียบกันระหว่างปี 2547 มาจนถึงปี 2563 ในระยะเวลา17 ปี จะพบว่างบประมาณด้านทหารได้น้อยกว่าทุกๆ ปี
ปัจจุบันจะมีข่าวเรื่องการจัดหาอาวุธยุทโธปกรณ์ใหม่ๆ ของ 3 เหล่าทัพเสมอเพราะอาวุธที่มีประจำการในกองทัพกว่าร้อยละ 60 ล้าสมัยมากแล้วผิดกับประเทศกลุ่มตะวันตก, จีน และญี่ปุ่น ที่มีระบบอาวุธทันสมัยกว่ากองทัพไทยมากรถถังยานเกราะปืนใหญ่, เครื่องบินปีกหมุนและเรือรบในกองทัพไทยหลายประเภทเก่าพ้นสมัยไปแล้วนำมาใช้ป้องกันประเทศแทบไม่ได้ กองทัพจึงจำเป็นต้องจัดหารุ่นใหม่ๆ เข้ามาทดแทนอาวุธเก่าล้าสมัยเพราะกองทัพต้องมีความเข้มแข็งพร้อมรบต่อสู้ศัตรูที่จะมารุกรานอธิปไตย
กองทัพบกภายใต้การนำของพลเอกอภิรัชต์คงสมพงษ์ ได้รับรถถังหลักที 84 อ๊อปลอทเอ็มของยูเครน 49 คัน, รถถังหลักวีที 4 ของจีน 39 คัน, รถเกราะบีทีอาร์ 3 อี 1ของยูเครน 238 คัน, รถเกราะเอ็ม 1126 สไตรคเกอร์ ของสหรัฐอเมริกา 120 คัน, รถเกราะวีเอ็น 1 ของจีน 34 คัน และเครื่องบินปีกหมุนโจมตีเอเอช 1 รุ่นใหม่8 เครื่อง ทดแทนเอเอช 1 รุ่นเก่า 7 เครื่อง
ด้านกองทัพเรือของผู้บัญชาการทหารเรือ พลเรือเอกลือชัย รุดดิษฐ์ จะได้เรือดำน้ำของจีนชั้นเอส 26 ทีรวม 3 ลำขนาดระวางขับน้ำ 2,600 ตัน, เรือยกพลขึ้นบกขนาดระวางขับน้ำ 20,000 ตัน จากจีน 1 ลำ, เรือฟรีเก็ตชั้นดีดับเบิ้ลยู 3,000 เอฟระวางขับน้ำ 3,700 ตัน จากเกาหลีใต้ รวม2 ลำ, เรือตรวจการณ์ไกลฝั่งแบบอังกฤษ 2 ลำระวางขับน้ำ1,969 ตัน, เรือตรวจการณ์ใกล้ฝั่งชั้นเอ็ม 58 ระวางขับน้ำ 500 ตัน 1 ลำ
ส่วนกองทัพอากาศ ที่มีพลอากาศเอกมานัต วงษ์วาทย์ ผู้บัญชาการทหารอากาศคนใหม่ได้เครื่องบินฝึกเจ๊ตจากเกาหลีใต้แบบเคเอไอ ที 150 โกลเด้นอีเกิ้ลอีกจำนวน 8 เครื่อง จากที่มีประจำการอยู่แล้ว 4 เครื่อง รวมทั้งพร้อมทั้งยกเครื่องขีปนาวุธที่ติดตั้งในเครื่องบินที่เก่าแก่มาเป็นรุ่นใหม่ทดแทนรุ่นเดิมที่ประจำการมานานมากกว่า 20 ปี อีกด้วย
ประเทศเพื่อนบ้านบางประเทศมีกำลังทหารประจำการในกองทัพถึง 500,000 คนและมีอาวุธสงครามจำนวนมาก ทั้งรถถัง ยานเกราะ ปืนใหญ่ หากกองทัพไทยของเราไม่พร้อมรบก็น่ากลัวกองทัพต้องพร้อม 100%ในการปกป้องอธิปไตยของชาติอย่างเต็มที่
ทีมข่าวการเมือง
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี