ความฉลาดลึกซึ้งและความโง่เขลาเบาปัญญาของคนเรานั้นสามารถแสดงออกได้หลายทาง เช่น โดยผ่านพฤติกรรมที่แสดงออก โดยผ่านคำพูดคำจา รวมถึงผ่านการแสดงอากัปกิริยาท่าทางต่างๆ ให้ปรากฏต่อสาธารณะ นอกจากนี้ยังรวมถึงการรู้จักอดทน อดกลั้น ต่อสิ่งยั่วยุทั้งหลายทั้งปวงด้วย โดยจำเป็นจะต้องรู้ตัวว่าเมื่อไรจึงเหมาะสมที่จะพูดหรือแสดงออก แล้วก็ต้องรู้ตัวด้วยว่าเมื่อไรควรจำเป็นต้องนิ่งเฉย ต้องสงบเสงี่ยมเจียมตัวเจียมตน โดยไม่ปล่อยให้ตนเองแสดงอาการหรือพูดจาราวกับคนเพ้อพกเสียสติ หรือกลายเป็นตัวตลก
คนฉลาดจะพูดและทำเฉพาะในสิ่งที่ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อสาธารณะตลอดเวลา โดยจะหลีกเลี่ยงและงดเว้นการกระทำและการพูดที่ก่อให้เกิดผลเสียหายต่อส่วนรวม ส่วนคนไม่ฉลาด คนเขลาก็จะพล่ามไปตามระดับสติปัญญาของตน บ้างก็พล่ามเรื่องมูลค่าพระเครื่องที่หาหลักเกณฑ์ใดๆอ้างอิงไม่ได้แม้แต่น้อย บ้างก็พล่ามเรื่องหมาเลียปาก เพราะนึกคิดเอาเองว่าตนดีและสูงส่งกว่าหมา บ้างก็พล่ามเพ้อยกตนข่มท่านในเรื่องที่ว่าตนเองนั้นดีเด่นวิเศษวิโส มียศศักดิ์ตำแหน่งสูงส่ง ทั้งๆ ที่ตนนั้นเกษียณอายุราชการมาตั้งนานนมกาเล แต่ก็ยังจมไม่ลง เพราะยังหลงติดอยู่กับตำแหน่งเมื่อครั้งโบราณกาล พูดง่ายๆ คือยังบ้าหัวโขนที่เคยได้สวมเมื่อหลายปีมาแล้ว บ้างก็พล่ามจ้อเรื่องยกเลิกเพลงชาติไทยโดยหาได้มีเหตุอันควรแต่อย่างใดไม่ แล้วยังมีอีกสารพัดเรื่องที่พล่ามเพ้อเจ้อไปวันๆ
คนที่อุตส่าห์ได้เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรบางคนนั้นเขาเคยสำนึกสำเหนียกบ้างหรือไม่ว่าคนไทยส่วนมากต่างดูหมิ่นดูแคลนพวกเขา สาเหตุที่ถูกดูแคลนก็เพราะนักการเมืองจำนวนไม่น้อยในบ้านเมืองนี้ทำตัวเองให้ผู้คนไม่นับหน้าถือตาไม่เชื่อถือ และไม่ศรัทธา
ตัวอย่างล่าสุดของความเพ้อเจ้อที่หลุดออกมาจากปากนักการเมืองรายหนึ่ง คือเรื่องยกเลิกเพลงชาติไทยที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน อันที่จริงการที่ใครคนใดคนหนึ่งเสนอให้คนทั้งประเทศยอมยกเลิกเพลงชาติไทยที่กำลังใช้อยู่ในขณะนี้ แล้วเสนอให้ใช้เพลงอื่นแทนเพลงชาติบทเดิม ก็เป็นเรื่องที่วิญญูชนสามารถรับฟังได้ แต่ฟังแล้วจะปฏิบัติตามหรือไม่ ก็เป็นเรื่องที่ต้องพิจารณาด้วยสติปัญญาอย่างลึกซึ้ง และรอบด้าน ทั้งนี้วิญญูชนย่อมไม่ปฏิเสธการเปิดใจรับฟังข้อเสนอ ถ้าหากข้อเสนอนั้นมีเหตุมีผลเพียงพอ แต่ถ้าเป็นการพูดเพ้อเจ้อเสียแล้ว นอกจากจะไร้ความน่าเชื่อถือ ก็ยังทำให้ผู้พูดมีสถานะไม่ต่างไปคนเสียสติ
ในครั้งหนึ่งเมื่อประมาณ 10 กว่าปีมาแล้ว ก็เคยมีนักการเมืองที่หลงเพ้อคิดเข้าข้างตนเองว่า ตัวเองนั้นเป็นที่รักใคร่นับถือของคนไทยทั้งประเทศ แล้วก็หลงเพ้อคิดเข้าข้างตัวเองว่า ตนเองนั้นดีเด่นดังเสียจนมีคนรุมอิจฉาริษยา คนที่เต็มไปด้วยความลุ่มหลงตัวเองรายนั้นเคยเสนอให้มีการเปลี่ยนทำนองเพลงชาติไทยมาแล้ว แต่สุดท้ายวิญญูชนบนแผ่นดินไทยก็จับได้ไล่ทันว่า อะไรคือมูลเหตุที่อยู่เบื้องหลังความคิดของนักการเมืองบ้าอำนาจรายนั้น สุดท้ายก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงเพลงชาติไทยที่ใช้ในยุคปัจจุบันได้สำเร็จ แน่นอนว่าความเปลี่ยนแปลงเป็นเรื่องปกติธรรมดาของสังคมมนุษย์ที่มีพลวัต แต่การเปลี่ยนแปลงใดๆ ที่เกิดขึ้นกับสังคมมนุษย์ต้องมีเหตุผลที่ดีงามเป็นเครื่องรองรับ ไม่ใช่เกิดจากความห่าม ความเพ้อเจ้อของใครคนใดคนหนึ่ง
ขอถามอีกครั้งว่ามีความจำเป็นอันใดหรือที่จะต้องเปลี่ยนแปลงเพลงชาติไทยที่กำลังใช้อยู่ในขณะนี้ นักการเมือง
ที่เสนอให้เปลี่ยนมีเหตุผลที่เพียงพอหรือไม่ หรือไม่รู้จะสร้างเรื่องอะไรที่ดีที่งามขึ้นมา ก็จึงต้องสร้างเรื่องที่ไม่ควรทำขึ้นมา เพราะหวังให้ตนเองกลายเป็นข่าว คนไทยที่มีสติปัญญาเขาฝากบอกนักการเมืองเพ้อเจ้อราวกับคนเสียสติว่า การอยู่เฉยๆ นิ่งๆ ไม่พูดมาก ยังอาจทำให้คนอื่นที่เขาไม่รู้ว่านักการเมืองโง่หลงเข้าใจว่านักการเมืองคนนั้นฉลาดก็ได้ เพราะฉะนั้นถ้ารู้ว่าตัวเองไม่ฉลาด จงนิ่งเสียเถอะ เพราะยิ่งพูดมากก็ยิ่งเท่ากับแสดงความโง่ให้ปรากฏ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี