เมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายนที่ผ่านมา นายทศพร ศิริสัมพันธ์ เลขาธิการ สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ได้เปิดเผยรายงานภาวะเศรษฐกิจและสังคมของไทย ว่า ในไตรมาสที่ 3 ของปีนี้ 2562 ผู้ที่มีงานทำลดลง 2.1% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนมี 38.7 ล้านคนมาอยู่ที่ 38 ล้านคน โดยการจ้างงานนอกภาคเกษตรลดลง 2.3% จาก 25.5 ล้านคน มาอยู่ที่ 24.9 ล้านคน ภาคเกษตรมีการจ้างงานลดลง 1.8% จาก 12.8 ล้านคน มาอยู่ที่ 12.6 ล้านคน
เป็นการสะท้อนได้จากอัตราการว่างงานเพิ่มขึ้นเล็กน้อย 1.04% เนื่องจากเศรษฐกิจชะลอตัวและปัญหาภัยธรรมชาติ การว่างงานเพิ่มขึ้นทั้งผู้ที่เคยทำงานและไม่เคยทำงานมาก่อน ในขณะที่ผู้ว่างงานที่เคยทำงานก่อนพบว่าเพิ่มขึ้น 8.4% เห็นได้จากผู้ขอรับประโยชน์ทดแทนกรณีว่างงานมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น 13.5% อยู่ที่ 172,412 คน สูงสุดในรอบ 10 ปี นับตั้งแต่ปี 2552 ที่มีสัดส่วนที่ 2.2% ขณะที่ผู้ว่างงานที่ไม่เคยทำงานมาก่อนเพิ่มขึ้น 3%
ส่วนหนึ่งเพราะเป็นช่วงที่ผู้จบการศึกษาใหม่เริ่มเข้าสู่ตลาดแรงงาน โดยผู้จบการศึกษาระดับอุดมศึกษาว่างงานสูงสุด 2.15% สภาพัฒน์เห็นว่าการชะลอตัวของเศรษฐกิจยังไม่ปรากฏผลกระทบต่อตลาดแรงงานในไตรมาส 4 ของปีนี้มากนัก แต่สภาพัฒน์ได้ติดตามสถานการณ์การเลิกจ้างอย่างใกล้ชิด การทำงานล่วงเวลาที่มากกว่า 50 ชั่วโมงขึ้นไปลดลง 7.9%”นายทศพร กล่าว
ทางด้านภาวะหนี้สินครัวเรือนล่าสุดไตรมาส 2ของปี 2562 มีมูลค่า 13.08 ล้านล้านบาท ขยายตัว 5.8% ชะลอลงจากไตรมาสก่อนหน้าขยายตัว 6.3% ซึ่งเป็นผลจากการชะลอตัวของสินเชื่อเพื่อซื้ออสังหาริมทรัพย์และรถยนต์เป็นหลัก แต่ภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลงเร็วกว่าหนี้สินครัวเรือน ส่งผลให้ระดับสัดส่วนหนี้สินครัวเรือนต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศคงเท่ากับไตรมาสก่อนที่ 78.7%
ที่น่าห่วงคือส่วนของภาพรวมคุณภาพสินเชื่ออยู่ในเกณฑ์เฝ้าระวัง เนื่องจากคุณภาพสินเชื่อหลายประเภทมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้น โดยยอดคงค้างหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้เพื่อการอุปโภคบริโภคของธนาคารพาณิชย์ไตรมาส 3/2562 มีมูลค่า 133,254 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 12.2% คิดเป็นสัดส่วน 2.81% ต่อสินเชื่อรวม เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนอยู่ที่ 2.74%
หนี้สินครัวเรือนเป็นตัวเลขที่ค่อนข้างสูงนั้นทางรัฐบาลไม่อยากให้มีมากเกินไปซึ่งถ้าเทียบกับรายได้ประชาชาติถ้ามีสัดส่วนมากก็จะไปทำให้อำนาจซื้อของประชาชนลดลงยังผลไปถึงการขยายตัวทางเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศได้ ทางคณะรัฐมนตรีได้มอบหมายให้ธนาคารแห่งประเทศไทย,กระทรวงการคลังและสภาพัฒน์ ไปศึกษาวิเคราะห์โครงสร้างหนี้ครัวเรือนของไทยโดยละเอียดด้วยว่ามีผลต่อภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศไทยอย่างไรบ้าง
ปัญหาที่น่าติดตามในปี 2562 ที่เหลือเวลาอีก1 เดือนคือเดือนธันวาคมนั้น เชื่อว่าปี 2562 ทั้งปีอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของไทยน่าจะไม่เกินร้อยละ 2.5 ซึ่งถือเป็นอัตราที่ต่ำที่สุดในรอบ 1 ทศวรรษที่ผ่านมาของไทยอีกด้วย
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี