ในตอนที่ผ่านมา ได้พูดให้ฟังว่า ถ้ารู้จักสุขเป็นก็เป็นสุข เพราะเรามักไม่ค่อยเป็นมิตรกับตนเองเท่าที่ควร ปล่อยแรงผลักดันของความอยากต่างๆฉุดลากไปในทางที่ผิดเป็นประจำจนเกิดความทุกข์ เหมือนไม่รักตัวเองเท่าที่ควร
วันนี้มาว่ากันต่อ
ทุกวันนี้เราเป็นทุกข์เพราะความยึดมั่นถือมั่น เวลาเกิดทุกข์ ก็โอดครวญให้จิตตกลงไปอีก ความสุขที่เกิดจากการใช้จ่าย อยากมีเงินมากๆ หรือความสุขที่เกิดจากการเสพวัตถุที่อยากได้ เมื่อไม่ได้ก็เป็นทุกข์อย่างนี้เป็นต้น ความสุขอย่างนี้เป็นความสุขอย่างหยาบ เป็นความสุขไม่คงที่ เป็นความสุขที่ไม่แน่นอน พร้อมที่จะตกหลุมแห่งความเครียดได้ตลอดเวลา
ขอให้เราเสพสิ่งทั้งหลายในโลกนี้แบบกินปลา คือระมัดระวังก้างที่จะติดคอ ทำหน้าที่ของเราอย่างรอบคอบ ถ้าเราทุกข์ใจแล้วไปโทษใจก็ไม่ยุติธรรม เพราะจิตของเราต่างหากที่ไปยุ่งกับมัน แม้เวลาที่เรายิ้มก็ต้องยิ้มด้วยใจด้วย ไม่ใช่แค่บริหารกล้ามเนื้อบนใบหน้าเพื่อผลประโยชน์อย่างใดอย่างหนึ่ง
เวลามีปัญหาบ้างก็ต้องทำใจบ้าง
ทำใจให้มีกำลังพอที่จะอยู่กับความจริง
เพราะความสงบเกิดจากการรู้เห็นความจริงในทุกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น สำรวมใจมิให้จิตวิ่งเตลิดไปกับสิ่งที่ปรารถนา ไม่มุทะลุผลักไสหรือปฏิเสธสิ่งที่ไม่น่าปรารถนา เพียงแต่ให้พยายามรู้ และเข้าใจในสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น รู้คุณ รู้โทษของมัน รู้วิธีที่จะไม่ตกเป็นทาสของมัน อยู่กับความจริง ปฏิบัติต่อความจริงของชีวิตในทุกขณะ
ไม่กลัวความจริง ไม่หันหลังให้กับความจริง
ถ้าเราปลุกตนเองให้ตื่นอยู่กับความจริงอย่างนี้ อารมณ์จะขึ้นหรือจะลงก็ไม่เป็นปัญหา เพราะการขึ้นก็เป็นอาการของความจริง แม้ความถอยหลังหรือความเสื่อมก็เป็นอาการของความจริง ทุกสิ่งทุกอย่างที่ปรากฏในเวทีชีวิตล้วนเป็นอาการแห่งความจริงทั้งสิ้น เห็นแล้วก็เย็นสบาย เศร้าแล้วก็ไม่ระทม สุขแล้วก็ไม่เหลิงเป็นกำไรของชีวิต
ความสุขที่เกิดจากการกระตุ้นที่ผ่าน ตา หู จมูก ลิ้น กาย นั้นมีจริง ถ้ามีสติปัญญากำกับในขอบเขตที่เหมาะสม เพราะฉะนั้นขอให้ดูตัวเอง ให้เห็นว่าการเสียสละสิ่งของของเราให้คนอื่นทำให้เรามีความสุข การเป็นเพื่อนที่ดีของคนที่กำลังมีทุกข์ ก็ทำให้เราเป็นสุข การมองคนรอบข้างในแง่ที่ดี ล้วนทำให้ชีวิตสดชื่นได้ทั้งนั้น
แม้เราจะผิดพลาดมาแล้วหลายครั้ง แต่เมื่อตั้งต้นใหม่ ก็ยังมีความสุขได้เช่นเดียวกัน
ถ้าไม่ทรยศต่อตัวเองในหลักการต่างๆ ที่กล่าวมา
ที่สำคัญอย่างยิ่งที่ต้องคอยระลึกถึงก็คือ ตราบใดที่จิตใจยังเศร้าหมองด้วยความอยากได้ อยากมี อยากเป็น หรือไม่อยากมี ไม่อยากได้ ไม่อยากเป็น ซึ่งล้วนแต่เป็นกิเลสที่เปรียบได้เหมือนเชื้อโรค เป็นสิ่งขัดขวางไม่ให้เราสงบ ไม่ให้เราเห็นความจริง เป็นสิ่งที่เราเสร้างขึ้นเอง ทั้งหลายทั้งปวงเหล่านี้ควรขจัดมันออกไปให้ได้
จิตใจที่สงบ พ้นจากความขัดเคือง ฟุ้งซ่าน วุ่นวาย หรือความลังเลนั้น จะเป็นจิตที่สว่างไสว หนักแน่นและผ่องใส เป็นจิตใจที่จะนำไปคิดในเรื่องใดมันก็ยอมคือความสุข อิ่มด้วยความสงบ
ความสุขที่เกิดจากความสงบนั้นเป็นสิ่งประเสริฐสุด เป็นสิ่งที่ทุกคนเข้าถึงได้ ถ้ากระทำต่อเนื่องและสม่ำเสมอโดยไม่คาดหวังในผล แต่ทำไปเรื่อยๆ
สงบก็รู้ว่าสงบ ไม่สงบก็รู้ว่าไม่สงบ
รู้ตัวอยู่ตลอดเวลาอย่างนี้จะไม่เฉออกจากทาง ไม่หงุดหงิดหรือรำคาญตนเอง เพราะเป็นคนรู้ตัวอยู่ตลอดเวลานั่นเอง
ทั้งหมดที่พูดมาสรุปมาจากเรื่อง “สุขเป็นก็เป็นสุข” แต่งโดย “ชยสาโร ภิกขุ” ศิษย์หลวงพ่อชาสุภัทโท วัดหนองป่าพง จ.อุบลราชธานี
และขอจบเรื่องนี้ด้วยพระนิพนธ์ของอดีตสมเด็จพระสังฆราช ญาณสังวร เรื่อง “ความสุขหาได้ไม่ยาก” ที่มีเนื้อหาสำคัญตอนหนึ่ง ดังนี้
“อันความสุขย่อมเป็นที่ปรารถนาของคนทุกคน และทุกๆคนย่อมเคยประสบความสุขมาแล้ว ความสุขเป็นอย่างไรเป็นที่รู้จักกันอยู่ ในเวลาที่จิตใจอิ่มเอม สมบูรณ์ และจิตใจอิ่มเอมสมบูรณ์สบาย ก็กล่าวกันว่าเป็นสุข
ความสุขจึงเกิดขึ้นที่กายและจิตใจนี่เอง
สำหรับกายนั้น เพียงให้เครื่องอุปโภค บริโภค พอให้เป็นไปได้ก็นับว่าสบาย ก็กล่าวกันว่าเป็นความสุขแม้กายสบายดังกล่าวนี้ ถ้าจิตไม่สบาย กายก็พลอยซูบซีดเศร้าหมองด้วย ส่วนกายเมื่อไม่สบายด้วยความเจ็บป่วย หรือด้วยความคับแค้นอย่างใดอย่างหนึ่ง ถ้าจิตยังร่าเริงสบายอยู่ ก็ไม่รู้สึกเป็นทุกข์เป็นร้อนเท่าไรนัก และความไม่สบายของกายก็อาจบรรเทาไปได้
เพราะเหตุนี้ความสุขจิตสุขใจจึงสำคัญ
ผู้ปรารถนาสุขจึงสมควรจับเหตุให้ได้ก่อนว่า อะไรเป็นเหตุของความสุข และอะไรเป็นเหตุของความทุกข์...”
“สุขเป็นก็เป็นสุข” ขอส่งท้ายปีเก่าสู่ปีใหม่แก่ทุกท่าน
น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี