ช่วงปลายปี ปรากฏคำพิพากษาคดีทุจริตเงินทอนวัด
อดีตข้าราชการระดับ ผอ.พศ. ตกเป็นจำเลย ต้องโทษจำคุก 20 ปี
นับเป็น “กรรมสนองคนโกงเงินทอนวัด”
1. ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง อ่านคำพิพากษาคดีหมายเลขดำที่ อท. 253/ 256 ที่อัยการสำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีปราบปรามการทุจริต 3 เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง นายพนม ศรศิลป์ อดีต ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.), นายวสวัตติ์ กิตติธีระสิทธิ์ อดีต ผอ.ส่วนบูรณะพัฒนาวัดและการศาสนสงเคราะห์ กองพุทธศาสนสถาน สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ, นายเจษฎา วงศ์เมฆ ฆราวาสติดต่อหาวัด, นายชรินทร์ มิ่งขวัญ ฆราวาส ทำหน้าที่ติดต่อหาวัดเป็นจำเลยที่ 1-4 ฐานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต (กรณีเบียดบังเอาเงินของสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติไปเป็นประโยชน์ของตน โดยใช้วัดเป็นเครื่องมือในการกระทำความผิดรับโอนเงินงบประมาณที่มีการเบียดบังไปจากสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ)
ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83,86,91 147,157 และขอให้จำเลยที่ 1-3 ร่วมกันคืนหรือใช้เงินจำนวน 12,000,000 บาท และให้จำเลยที่ 4 ร่วมกันคืนหรือใช้เงินจำนวน 3,000,000 บาท แก่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ
ศาลพิพากษาว่า จำเลยที่ 1 (นายพนม) และที่ 2 (นายวสวัตติ์) มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 147 (เดิม) ประกอบมาตรา 83 จำเลยที่ 3 และจำเลยที่ 4 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 147 (เดิม) ประกอบมาตรา 86 การกระทำของจำเลยที่ 1-3 เป็นความผิดหลายกรรมต่างกันให้ลงโทษทุกกรรม เป็นกระทงความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 91จำคุกจำเลยที่ 1 และที่ 2 กระทงละ 5 ปี รวม 4 กระทง เป็นจำคุกคนละ 20 ปี
จำคุกจำเลยที่ 3 (นายเจษฎา) กระทงละ 3 ปี 4 เดือนรวม 4 กระทงเป็นจำคุก 12 ปี 16 เดือน และจำคุกจำเลยที่ 4 (นายชรินทร์) มีกำหนด 3 ปี4 เดือน จำเลยที่ 3 และที่ 4 ให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้คนละกระทงๆ ละกึ่งหนึ่ง ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 78
คงจำคุก จำเลยที่ 3 มีกำหนด 6 ปี 8 เดือน และจำคุกจำเลยที่ 4มีกำหนด 1 ปี 8 เดือน
ให้จำเลยที่ 1-3 ร่วมกันคืนเงินหรือใช้เงินจำนวน 12,000,000 บาท โดยให้จำเลยที่ 4 ร่วมรับผิดคืนเงินหรือใช้เงินกับจำเลยที่ 1-3 จำนวน 3,000,000 บาทแก่ผู้เสียหาย
ก่อนหน้านี้ นายพนม ศรศิลป์ อดีต ผอ.พศ.ถูกคุมตัวอยู่ในเรือนจำ หลังจากนี้ก็คงจะต้องอยู่ยาวๆ ต่อไป
2. ขณะนี้ ยังไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดของคดีดังกล่าวอย่างเป็นทางการ
แต่จากการติดตามมหากาพย์ขบวนการโกงเงินทอนวัด ดูตัวละครที่เป็นจำเลยในคดีนี้แล้ว คาดว่าน่าจะเป็นคดีเกี่ยวกับวัดมุขธาราราม และวัดท่าพญา อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งเมื่อเดือนเมษายน 2561 พระครูปัญญาสุทธิคุณเจ้าอาวาสเคยเปิดเผยกับสื่อมวลชนไว้ว่า กรณีทุจริตเงินทอนวัดนั้น มีคนเข้ามาดำเนินการ โดยเข้าใจว่าเป็นคนของสำนักงานพระพุทธศาสนาฯ มาให้ทำโครงการบูรณะเสนาสนะ และให้ลงนามเจ้าอาวาสในเอกสาร และทางบุคคลดังกล่าวได้เขียนรายละเอียดเอง หลังจากนั้นไม่นาน มีการโอนเงินเข้ามา 3 ล้านบาทแต่บุคคลนี้ได้บอกว่า วัดจะได้เพียง 7 แสนบาท ส่วนที่เหลือนั้นจะต้องนำไปแจกจ่ายกับวัดอื่นๆ ต่อไป
นายเจษฎา วงศ์เมฆ จำเลยที่เป็นฆราวาสในคดีนี้ ก็คือ บุคคลที่ถูกระบุว่าเป็นผู้ไปติดต่อประสานกับทางวัดดังกล่าวนั่นเอง
3. คดีนี้ ถือว่าเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของการรับผลกรรมจากการโกงเงินวัด
เพราะยังมีคดีอีกจำนวนมาก รออดีตข้าราชการ พศ. โดยเฉพาะนายพนม ศรศิลป์ และนายวสวัตติ์ กิตติธีระสิทธิ์
อันที่จริง อดีต ผอ.พศ.คนก่อนหน้า คือ นายนพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์ ซึ่งปัจจุบัน หนีคดี หนีหมายจับ ไปอยู่สหรัฐอเมริกา เป็นอีกคนที่ถูกชี้มูลความผิดจำนวนมากมายหลายคดี
เจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องควรต้องชี้แจงให้ชัดเจน ว่าได้มีความพยายามติดตาม ลากคอกลับมารับผลกรรมที่ตนเองก่อไว้อย่างไรบ้าง
4. สำหรับนายพนม ศรศิลป์ อดีต ผอ.พศ. เฉพาะคดีที่ไปถึงศาลแล้ว(แต่ยังไม่มีคำพิพากษา) เช่น
คดีทุจริตในการเบิกจ่ายเงินงบประมาณอุดหนุนบูรณปฏิสังขรณ์ที่จัดสรรให้วัดพนัญเชิงวรวิหาร ประจำปีงบประมาณ 2557 และประจำปีงบประมาณ 2558
คดีนี้ ป.ป.ช.ได้มีมติชี้มูลความผิด ทั้งนายพนม ศรศิลป์ นายนพรัตน์เบญจวัฒนานันท์ (อดีต ผอ.พศ.คนก่อนหน้านายพนม) รวมถึงนางสาวประนอมคงพิกุล อดีตรอง ผอ.พศ. และนางชมพูนุท จันฤาไชย (ซึ่งไม่ใช่เจ้าหน้าที่ของรัฐ)ฐานร่วมกันทุจริตงบประมาณโครงการเงินอุดหนุนการบูรณปฏิสังขรณ์วัด และการพัฒนาวัดของสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติที่อนุมัติให้แก่วัดพนัญเชิงวรวิหาร ในปีงบประมาณ 2557 และ 2558
พฤติการณ์ในรายละเอียด ป.ป.ช.ระบุว่า มีการกระทำเป็นขบวนการ มีการวางแผนและแบ่งหน้าที่กันกระทำความผิดเป็นขั้นเป็นตอน
5. นายพนม ศรศิลป์ ยังถูกคณะกรรมการ ป.ป.ช. ชี้มูลความผิดฐานร่ำรวยผิดปกติด้วย
ทรัพย์สินที่ถูกชี้มูล มีทั้งอยู่ในชื่อตนเอง และบุคคลใกล้ชิด ประกอบด้วย นางนิสา ศรศิลป์ (คู่สมรส) นางจรินรัตน์ แซ่ตั้ง และนางสมพิศ สุทธิบุญ (ภรรยาที่ไม่ได้จดทะเบียนสมรส) รวมทั้งบุตรและญาติพี่น้อง
พูดง่ายๆ ว่า ทรัพย์สินอยู่ในชื่อภรรยาถึง 3 คน
เฉพาะที่เป็นเงินฝาก จำนวน 16 แห่ง เป็นเงิน 163,022,595 บาท
รวมมูลค่าทรัพย์สินทั้งสิ้น จำนวน 216,062,819 บาท
โดยคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีคำสั่งอายัดทรัพย์สินไว้เป็นการชั่วคราวแล้ว จำนวน 44,108,113 บาท
คดีนี้ ยังไม่มีคำพิพากษาของศาล
6. นายพนม ศรศิลป์ อดีต ผอ.พศ. ได้ถูกไล่ออกจกราชการไปแล้วก่อนหน้านี้
และล่าสุด ยังถูกเรียกคืนเครื่องราชฯ ด้วย
เมื่อเร็วๆ นี้ เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศสํานักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานพระบรมราชานุญาตให้เรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ระบุว่า ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้เรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ซึ่งอดีตข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดสํานักงานปลัดสํานักนายกรัฐมนตรี จํานวน 2 ราย ได้รับพระราชทานทุกชั้นตรา ตามข้อ 6 และข้อ 7 (4) ของระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตเรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ พ.ศ.2548
หนึ่งในนั้น ได้แก่ นายพนม ศรศิลป์ ตําแหน่ง ผู้ตรวจราชการพิเศษประจําสํานักนายกรัฐมนตรี ถูกลงโทษไล่ออก และปลดออกจากราชการ ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2561 เนื่องจากกระทําผิดวินัยอย่างร้ายแรง ตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ.2551 โดยคําสั่งอันถึงที่สุด เครื่องราชอิสริยาภรณ์ที่เรียกคืนประกอบด้วย เครื่องราชอิสริยาภรณ์ชั้นประถมาภรณ์ช้างเผือก ประถมาภรณ์มงกุฎไทย ทวีติยาภรณ์ช้างเผือก ทวีติยาภรณ์มงกุฎไทยตริตาภรณ์ช้างเผือก ตริตาภรณ์มงกุฎไทย จัตุรถาภรณ์ช้างเผือก จัตุรถาภรณ์มงกุฎไทยจตุตถดิเรกคุณาภรณ์ และเหรียญจักรพรรดิมาลา
7. ทั้งหมดนี้ คือ กรรมของคนโกงเงินทอนวัด
แม้ในเรื่องคดีต่างๆ นั้น ยังไม่ถึงที่สุด นายพนมยังมีสิทธิต่อสู้คดีตามกระบวนการยุติธรรมต่อไป
แต่ผิด-ถูก-ชั่ว-ดี ข้าราชการ ระดับอดีต ผอ.พศ.ย่อมรู้ดีอยู่แก่ใจ
ผลกรรมตามกฎหมายนั้นเรื่องหนึ่ง แต่กรรมในทางพระพุทธศาสนาที่จะติดตัวตลอดไป ทั้งในโลกนี้และโลกหลังความตาย ก็อีกเรื่องหนึ่ง
สารส้ม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี