หลังจากที่ผู้ตรวจการแผ่นดิน ได้ถูกวิพากษ์วิจารณ์ตรวจสอบจากสื่อมวลชนและประชาชน ถึงความไม่เหมาะสมที่ไปออกระเบียบเอง ให้ตนเองได้ประโยชน์จากการพาคู่สมรสร่วมเดินทางไปต่างประเทศโดยสามารถเบิกค่าใช้จ่ายในการเดินทาง เช่น ค่าเครื่องบิน ค่าเบี้ยเลี้ยง ค่าที่พัก และอื่นๆได้ในอัตราสูงเช่นเดียวกับผู้ตรวจการแผ่นดินเอง
ล่าสุด ผู้ตรวจการแผ่นดินได้ออกประกาศระเบียบใหม่ ยกเลิกสิทธิของคู่สมรสที่จะเบิกค่าเดินทางไปต่างประเทศดังกล่าว และได้อ้างว่าที่ทำไปก็กระทำตามคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน (คตง.) องค์กรอิสระอีกแห่งหนึ่งที่ได้กระทำก่อนหน้าแล้ว
คตง.ต้นความคิด
คณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน (คตง.) เป็นองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นผู้ทำหน้าที่ตรวจการใช้จ่ายเงินของแผ่นดินให้เหมาะสมเป็นไปตามกฎหมายและวินัยการเงินการคลัง อีกทั้งยังมีอำนาจสั่งลงโทษทางการปกครองแก่ผู้กระทำผิด
คณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน (คตง.) ได้ออกระเบียบว่าด้วยประโยชน์ตอบแทนอื่นในส่วนที่เกี่ยวกับค่าใช้จ่ายในการเดินทางของประธานกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน กรรมการตรวจเงินแผ่นดิน และผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน พ.ศ. ๒๕๖๐ เมื่อวันที่ ๒๒ กันยายน ๒๕๖๐ ลงนามโดยนายพิศิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดินเป็นผู้ใช้อำนาจหน้าที่แทนประธานกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน กำหนดเปิดช่องให้คณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน รวมถึงผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดินเบิกค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปต่างประเทศของคู่สมรสได้ ดังปรากฏ
ข้อ ๑๐ ประธานกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน กรรมการตรวจเงินแผ่นดิน และผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดินจะเบิกค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปต่างประเทศสำหรับคู่สมรสได้เฉพาะกรณีได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน
ข้อ ๑๑ ค่าใช้จ่ายในการเดินทางของคู่สมรสตามข้อ ๑๐ ให้เบิกได้เช่นเดียว และในอัตราเดียวกับผู้ดำรงตำแหน่งประธานกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน กรรมการตรวจเงินแผ่นดิน และผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน
ระเบียบข้อ ๑๐ และ ข้อ ๑๑ นี้ ได้รับการวิพากษ์วิจารณ์จากสาธารณะ ซึ่งควรจะได้มีการพิจารณาทบทวนด้วยเหตุผล
(1) งานของคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดินและผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน เป็นงานที่มีฐานของงานอยู่ภายในประเทศ ต่างกับงานของเอกอัครราชทูตที่เป็นตัวแทนประเทศไปทำงาน และพำนักในต่างประเทศ
(2) คณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดินและผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดินอาจมีงาน (ที่สามารถหลีกเลี่ยงได้) ในการไปศึกษา ดูงาน แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับต่างประเทศบ้าง แต่ก็ไม่มีความจำเป็นต้องนำคู่สมรสไปปรากฏตัวหรือแสดงตัวเพื่อผลของการเยือนต่างประเทศ เฉกเช่น ประมุขหรือผู้นำสูงสุดของประเทศ
(3) คู่สมรส ไม่ว่าจะเป็นภรรยาหรือสามี ไม่ได้เป็นเจ้าหน้าที่หรือข้าราชการ ผู้มีหน้าที่เกี่ยวข้อง เพราะหากต้องมีผู้ช่วยงานในหน้าที่ ก็ควรจะนำเจ้าหน้าที่ผู้มีหน้าที่เกี่ยวข้องกับงานไปร่วมปฏิบัติงาน
(4) การเดินทางไปต่างประเทศ องค์กรอิสระเหล่านี้มักจะเดินทางโดยอ้างเทียบระดับตำแหน่งประธานกับนายกรัฐมนตรี และคณะกรรมการเทียบกับรัฐมนตรี ซึ่งจะเดินทางโดยเครื่องบินชั้น 1 (First class) และมีเบี้ยเลี้ยงที่พัก และการเดินทางอื่นๆ ในระดับสูง จึงเป็นเรื่องที่ต้องใคร่ครวญว่า จะนำคู่สมรสติดตามไปด้วยโดยใช้เงินภาษีของประชาชนในอัตราสูง จะเหมาะสมและคุ้มค่าหรือไม่
(5) การเปิดช่องให้นำคู่สมรสติดตามไปด้วย โดยอ้างว่า “เฉพาะกรณีที่ได้รับความเห็นชอบร่วมกันจากคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน” จะถือว่าเป็นการใช้ดุลพินิจของเพื่อนร่วมงานในระดับเดียวกัน ซึ่งมีผลประโยชน์ร่วมกันจะเหมาะสมถูกต้องหรือไม่ กฎเกณฑ์ที่เปิดช่องและมีข้อยกเว้นเช่นนี้ ในการตรวจสอบไม่เคยได้ผลในทางปฏิบัติเพราะต่างมีความเกรงใจ หน้าปะจมูก ผลัดกันเกาหลัง
(6) ไม่พบระเบียบขององค์กรอิสระอื่นที่เปิดช่องให้นำคู่สมรสเดินทางไปทำงานด้วย โดยเบิกค่าใช้จ่ายได้อัตราเดียวกับกรรมการองค์กรอิสระผู้ไปปฏิบัติงาน
น่าสนใจว่า คณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดินและผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน เป็นผู้มีหน้าที่ตรวจเงินของแผ่นดิน ทำไมจึงออกระเบียบพิเศษให้แก่ตนเองเช่นนี้และถูกวิพากษ์วิจารณ์ จากสื่อมวลชนและประชาชน ถึงการออกระเบียบเพื่อใช้จ่ายเงินแผ่นดิน โดยเอื้อประโยชน์แก่คู่สมรสของตนเอง เช่นนี้
ในที่สุด วันที่ 5 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมาคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน ก็ได้ยกเลิกโดยออกระเบียบใหม่ ที่ไม่ปรากฏการเอื้อประโยชน์แก่คู่สมรส ในการใช้เงินแผ่นดินเดินทางไปต่างประเทศ
ปมปัญหาจึงมีอยู่ว่า
๑. น่าจะมีการตรวจสอบ เปิดเผยว่านับแต่มีการประกาศใช้ระเบียบดังกล่าว เมื่อ ๒๒ กันยายน ๒๕๖๐ จนถึงปัจจุบัน ว่ามีคณะกรรมการ คตง. หรือผู้ว่าฯสตง. ได้ประโยชน์จากระเบียบนี้ไปกี่ครั้ง ใครบ้างที่ได้ประโยชน์ไปแล้ว เป็นจำนวนเงินเท่าใด
สังคมควรรู้ข้อมูล เพื่อตรวจสอบผู้ทำหน้าที่ตรวจสอบเงินแผ่นดิน
๒.คณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน (คตง.) และผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน (ผู้ว่าฯสตง.) จะชี้แจงแสดงความเห็นต่อระเบียบนี้อย่างไร และจะรับผิดชอบ ตรวจสอบการใช้เงินแผ่นดินตามระเบียบเดิม ว่าเกิดขึ้นได้อย่างไรจะมีใครต้องรับผิดชอบหรือไม่ (ตามอำนาจหน้าที่ ของคตง.เอง)
๓.ความผิดอาญา วินัย ประมวลจริยธรรม คุณธรรม
แม้องค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ ทั้ง ๒ องค์กร ผู้ตรวจการแผ่นดินและคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน (คตง.) จะอ้างว่าตนมีอำนาจตามกฎหมายที่จะออกระเบียบเองเพื่อให้ตนและคู่สมรสได้ประโยชน์อย่างไรก็ได้ นั้นจริงหรือไม่
ซึ่งจะเหมือนกับเมื่อครั้งกว่า ๑๐ ปีมาแล้ว ที่องค์กรอิสระอ้างอำนาจตามกฎหมายว่าสามารถขึ้นเงินเดือนให้ตนเองได้ แต่แล้วก็พบว่าไม่สามารถออกระเบียบให้ประโยชน์แก่ตนเองได้ จนสมาชิกวุฒิสภาและสส.พรรคประชาธิปัตย์ เขาชื่อกันส่งเรื่องให้ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองไต่สวน และได้มีคำพิพากษาลงอาญา สั่งจำคุก แต่ให้รอลงอาญา จนต้องหลุดออกจากตำแหน่งมาแล้ว
ครั้งนี้ ทั้งผู้ตรวจการแผ่นดิน และคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน (คตง.) จะรอดพ้นอาญาหรือไม่
ความถูกต้องเหมาะสมตามประมวลจริยธรรม คุณธรรม และธรรมาภิบาล จะต้องถูกตรวจสอบรับผิดกันอย่างไรหรือไม่
สุดท้าย องค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญทั้งหลาย ควรจะต้องถูกตรวจสอบถ่วงดุลมากขึ้นหรือไม่ จะต้องแก้รัฐธรรมนูญ ๒๕๖๐เพื่อการนี้หรือไม่ ใครควรต้องรับผิดชอบดำเนินการในเรื่องนี้?
ดร.เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง
ศาสตราภิชาน
มหาวิทยาลัยรังสิต
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี