สังคมไทยกำลังเกิดวิกฤติจากความรุนแรงที่ทวีมากขึ้นตามลำดับ
เหตุวิกฤติความรุนแรงสูงสุดเกิดขึ้นที่จังหวัดนครราชสีมา ในวันมาฆบูชา เมื่อทหารชั้นประทวนใช้ปืนสังหารผู้บังคับบัญชาและครอบครัว ปล้นอาวุธสงคราม ยิงทหารรักษาคลังอาวุธและทหารรักษาการณ์เสียชีวิต ยิงกราดหน้าวัดที่มีผู้คนไปทำบุญเพื่อเปิดทางหลบหนี สุดท้ายยิงกราดประชาชนผู้บริสุทธิ์ที่มาจับจ่ายซื้อของที่ห้างสรรพสินค้าใจกลางเมืองโคราช ทำให้มีผู้เสียชีวิตรวมทั้งสิ้นมากกว่า ๓๐ คน และบาดเจ็บมากกว่า ๕๐ คน
ย้อนหลังไปไม่ถึงเดือน เกิดเหตุปล้นร้านทอง ใช้อาวุธชนิดพิเศษติดเครื่องเก็บเสียงยิงกราด ทำให้มีผู้เสียชีวิตทั้งเด็ก ผู้หญิง และเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย
ย้อนหลังต่อไปอีกไม่ถึงเดือน พบฆาตกรรมต่อเนื่องเฉพาะเหยื่อที่เป็นสตรีเพศ
นอกจากนี้ ยังปรากฏคดีฆาตกรรม และใช้ความรุนแรงมากมายเกือบทุกวัน ทั้งปล้นร้านทอง ปล้นธนาคาร ยิงคู่อริในศาล ทำร้ายผู้บาดเจ็บผู้ป่วยในโรงพยาบาล
จึงเป็นเรื่องที่น่าสนใจว่า ทำไมการใช้ความรุนแรงจึงเพิ่มขึ้นอย่างทวีคูณ ทั้งจำนวนเหตุการณ์และระดับความรุนแรง ก่อให้เกิดความปริวิตกว่าความรุนแรงที่เกิดขึ้นในประเทศไทย จะสะดุดหยุดลงได้หรือไม่ หรือจะทวีความรุนแรงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
เมื่อคำนึงถึงเหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นในต่างประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกา ที่มีการยิงกราดประชาชนผู้บริสุทธิ์ครั้งแล้วครั้งเล่า จนมีผู้กล่าวว่าเป็นความป่วยไข้ของสังคมอเมริกัน หรือโรคร้ายจะแพร่ระบาดมาถึงสังคมไทยในยามนี้ โดยเฉพาะเหตุการณ์ยิงกราดผู้บริสุทธิ์ที่เกิดขึ้นใจกลางเมืองโคราช
เหตุการณ์ในลักษณะนี้ไม่เคยเกิดขึ้นในประเทศไทยมาก่อน เรากล่าวอ้างว่าสังคมไทยเป็นสังคมแห่งความเมตตา ดินแดนแห่งรอยยิ้ม ผู้คนใช้ศาสนาเป็นเครื่องนำทางชีวิต อาจจะมีปัจจัยสมัยใหม่ที่ปรับเปลี่ยนสังคมไทยไปแล้ว หากเราไม่รู้เท่าทันไม่รู้จักสาเหตุแห่งปัญหา ก็คงยากที่จะระมัดระวัง เยียวยาแก้ไข
สถาบันและองค์กรอิสระ เช่น สถาบันการศึกษา ราชบัณฑิตยสภา และปัญญาชนผู้เข้าใจสังคมไทยและสังคมในต่างประเทศ ควรจะได้ศึกษาวิจัยและตอบคำถามให้ได้ อย่างน้อยตามโจทย์ดังต่อไปนี้
โจทย์เพื่อการวิจัย
๑) ผู้ก่อเหตุยิงกราด ๒ ราย ที่ลพบุรีและที่นครราชสีมา มีความสัมพันธ์กัน ลอกเลียนแบบกัน หรือมีอิทธิพลต่อกัน บ้างหรือไม่ อย่างไร?
๒) ผู้ก่อความรุนแรง มีประวัติชีวิตตั้งแต่เกิด ใช้ชีวิติตั้งแต่ช่วงเยาว์วัยอยู่ในสิ่งแวดล้อมใด เป็นครอบครัวประเภทไหน เคยได้รับความรุนแรงในขณะที่เป็นผู้เยาว์หรือไม่ อย่างไร
๓) ทักษะการใช้อาวุธ และการเข้าถึงแหล่งอาวุธประเภทพิเศษ มีส่วนหนุนช่วยต่อการใช้ความรุนแรง มากน้อยแค่ไหน
๔) ผู้ก่อเหตุมีแวดวงการทำงาน มีเพื่อนร่วมงาน มีกลุ่มเพื่อนฝูงลักษณะใด มีการใช้โซเชียลมีเดียมากน้อยแค่ไหน บุคคลที่ติดต่อเป็นคนลักษณะไหน มีความสนใจในพฤติกรรม กิจกรรม และบุคคลประเภทไหน รวมถึงบุคคลที่เป็นแบบอย่างชีวิตของเขา
๕) ในอดีตเคยถูกลงโทษ ถูกกลั่นแกล้ง ถูกทำให้เป็นตัวตลกมากน้อยอย่างไร แค่ไหน มีอิทธิพลต่อทัศนคติในการมองสังคมอย่างไร
๖) มีความเข้าใจในหลักธรรม ธรรมชาติของมนุษย์มากน้อยแค่ไหน มีความเชื่อในกฎแห่งกรรมชาตินี้ชาติหน้าหรือไม่ อย่างไร
๗) มีความสนใจต่ออนาคตของตนเอง และอนาคตของสังคมไทยมากน้อย แค่ไหน
๘) ได้รับอิทธิพลจากสื่อมวลชน จากเกมส์ที่จะมีต่อพฤติกรรมและความคิดของเขามากน้อยแค่ไหน
๙) หากเปรียบเทียบผลการศึกษากับกรณีฆาตกรต่อเนื่อง รวมถึงเปรียบเทียบกับกรณีการยิงกราดในที่สาธารณะของต่างประเทศ มีความต่างหรือเหมือนอย่างไร
๑๐) จะมีข้อเสนอหรือแนะนำให้หน่วยงานใดต้องรับผิดชอบเตรียมการและดำเนินการในเรื่องใด อย่างไร กลุ่มคนในแต่ละภาคส่วนจะต้องมีบทบาทปรับปรุงเปลี่ยนแปลงอย่างไรบ้าง
ผู้ที่ควรทำการศึกษาวิจัย
สถาบันและองค์กรที่เป็นอิสระ เช่น สถาบันการศึกษา ราชบัณฑิตยสภา ควรจะได้ตั้งทีมศึกษาอย่างน้อย ๒ คณะผู้ทำการศึกษาวิจัย ในแต่ละคณะควรมีองค์ประกอบของผู้เชี่ยวชาญ ดังต่อไปนี้
๑) นักอาชญาวิทยา
๒) นักมานุษยวิทยา / สังคมวิทยา
๓) นักจิตวิทยา
๔) นักเศรษฐศาสตร์
ผู้เชี่ยวชาญด้านพฤติกรรมศาสตร์เหล่านี้ ทั้งด้านพฤติกรรมทางเศรษฐกิจและพฤติกรรมในด้านอื่นๆ จะได้ศึกษาย้อนอดีตของผู้ก่อเหตุ และย้อนอดีตของสังคมเพื่อเข้าใจบริบทของสังคมในแต่ละสมัยที่มีอิทธิพลต่อครอบครัวและตัวผู้ก่อเหตุทั้งนี้จะได้นำมาเป็นข้อคิดเบื้องต้น นำไปสู่การถกเถียงแลกเปลี่ยนของคนในสังคม เพื่อหาทางป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำรอยหรือทวีความรุนแรงต่อไปอีก
ไม่ควรรีรอให้รัฐบาลเป็นผู้ริเริ่มศึกษาวิจัย เพราะนอกจากบุคคลในรัฐบาลจะไม่สนใจที่จะรู้ลึกเพื่อแก้ไขปัญหาระยะยาวแล้ว รัฐบาลยังมีปัญหาเฉพาะหน้าที่จะต้องแก้ไขในระยะนี้อย่างมาก เช่น โรคระบาดไวรัส COVID-19 ฝุ่นจิ๋ว PM2.5 ภาวะน้ำแล้งท่องเที่ยวชะงัก เศรษฐกิจฝืดเคือง ภาควิชาการและประชาสังคมจึงต้องมีส่วนช่วยในครั้งนี้
ดร.เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง
ศาสตราภิชาน มหาวิทยาลัยรังสิต
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี