ในขณะนี้โลกกำลังเผชิญกับสถานการณ์เชื้อไวรัสโคโรนา หรือไวรัสโควิด-19 โรคระบาดร้ายแรงขนานใหม่ที่แพร่กระจายออกไปทั่วโลกเกือบ 100 ประเทศทำให้มีคนต้องป่วยเพราะไวรัสชนิดร้ายแรงนี้ร่วมแสนคน ขณะเดียวกัน โรคร้ายชนิดนี้ได้คร่าชีวิตประชากรโลกไปแล้วมากกว่า 3,000 คน และจนถึงในวันนี้โลกยังไม่มีตัวยาใดที่จะมารักษาโรคร้ายชนิดนี้ได้โดยตรงซึ่งได้ทำความปั่นป่วนในการดำรงชีวิตของประชากรโลกเป็นอย่างมาก
มหันตภัยจากโรคร้ายตามประวัติศาสตร์ของโลกนั้น เคยเกิดขึ้นมาแล้วหลายต่อหลายครั้ง ซึ่งผู้คนในสมัยโบราณนั้นการแพทย์และการรักษาโรคยังไม่พัฒนามากนัก การเกิดโรคระบาดแต่ละครั้งจึงรุนแรงมากและมีจำนวนผู้เสียชีวิตสูงมาก บางครั้งก็มีจำนวนเป็นร้อยล้านๆ คน ซึ่งตามประวัติศาสตร์โลกมีเหตุการณ์การแพร่กระจายของโรคที่ร้ายแรงสุดๆในประวัติศาสตร์อีกหลายครั้ง
ครั้งแรกได้แก่โรคระบาดอันโทนีน ในปี พ.ศ. 708ได้เกิดโรคฝีดาษหรือไข้ทรพิษที่ระบาดในอาณาจักรโรมัน สาเหตุมาจากกองทัพของโรมันที่เดินทางกลับมาจากแถบตะวันออกใกล้ ได้แก่ ประเทศเอเชียตะวันตก เช่น ตุรกี อียิปต์ และจักรวรรดิออตโตมันทั้งนี้ยังไม่ทราบต้นตอการเกิดที่แน่ชัด เหตุการณ์ในครั้งนี้สร้างความเสียหายใหญ่หลวงแก่กรุงโรมทำให้มีผู้เสียชีวิตมากถึงวันละ 2,000 คน มียอดผู้เสียชีวิตทั้งหมดถึง 5 ล้านคน โรคระบาดในครั้งนั้นมีผลกระทบกับการค้าของโลกตามเส้นทางอินโด-โรมันในมหาสมุทรอินเดีย
ส่วนโรคระบาดที่นับว่ารุนแรงมากที่สุดเกิดขึ้นในปี พ.ศ.1889 ถึงปีพ.ศ.1896 อยู่ในยุคกลางหรือยุคอัศวินเป็นโรคระบาดที่ร้ายแรงที่สุดในประวัติศาสตร์มีการประเมินจำนวนผู้เสียชีวิตทั้งหมดอยู่ในระหว่าง75 ถึง 200 ล้านคน เท่ากับ 1 ใน 3ของพลโลกทั้งหมด โรคนี้มีสาเหตุมาจากเชื้อแบคทีเรียชื่อ เยอซิเนีย แพสทิซซึ่งแพร่ระบาดอยู่ในสัตว์พวกหนูในตอนกลางของเอเชียจุดเริ่มต้นนั้นมาจากขบวนคาราวานที่เดินทางมาจากเอเชียเข้ามาถึงยังท่าเรือซิซิลี ในอิตาลี ในปีพ.ศ.1890 ก่อนจะลามแพร่ต่อไปทั่วยุโรปว่ากันว่าซากศพของคนที่ตายนั้นทับถมกันจนสูงเป็นเนินทำให้ไม่สามารถเผาทำลายได้ทันเมื่อซากเริ่มเน่าสลายก่อให้เกิดเชื้อโรคกระจายลงทั้งพื้นดินและแหล่งน้ำต่อไป
ผู้ป่วยโรคนี้จะมีอาการขึ้นอยู่กับสถานที่และเวลาที่พบโดยมีลักษณะรวมคือผู้ป่วยจะมีฝีมะม่วงขึ้นบริเวณข้อพับ ขาหนีบ คอ รักแร้ มีไข้สูง อาเจียนออกมาเป็นเลือด และเสียชีวิตภายในเวลา 2 ถึง 3 วัน อาการขั้นสุดท้ายของผู้ป่วยจากกาฬโรคนั้นร่างกายจะกลายเป็นสีดำเพราะมีเลือดออกใต้ผิวหนังชั้นหนังกำพร้าและมีความหมายถึงความน่ากลัวของโรคร้ายและอารมณ์เศร้าหมองของประชาชนในสมัยนั้น
ในปี พ.ศ.2360 นั้นเกิดโรคระบาดที่เรียกต่อๆ มาว่า อหิวาตกโรค เกิดขึ้นในรัสเซียมีผู้เสียชีวิตมากกว่าล้านคนเชื้อแพร่กระจายผ่านแม่น้ำและอาหารติดไปกับทหารอังกฤษที่นำเชื้อโรคไปแพร่ต่อยังอินเดียมีผู้เสียชีวิตเพิ่มอีกล้านคนรวมเป็น 2 ล้านคน จากนั้นเชื้อแพร่ไปอังกฤษจากกองทัพเรืออังกฤษไปยังสเปน แอฟริกา อินโดนีเซีย จีน ญี่ปุ่น อิตาลี เยอรมนี และอเมริกา ก่อนที่จะลามไปยังอินเดียและฮ่องกงซึ่งทำให้คนเสียชีวิตถึง 15 ล้านคน
ในปี พ.ศ.2432 ได้เกิดไข้หวัดใหญ่ระบาดในรัสเซียที่เชื้อแพร่จากไซบีเรีย และคาซัคสถาน เข้าถึงนครใหญ่ คือ มอสโก เฮลซิงกิฟินแลนด์ และกรุงวอร์ซอ โปแลนด์ และลามไปทั่วยุโรปภายใน 1 ปี เชื้อข้ามทะเลไปจนถึงอเมริกาเหนือ แอฟริกา กระทั่งในปีพ.ศ.2433 มีผู้เสียชีวิตทั้งสิ้นมากประมาณ 360,000 คน
ต่อมาในปี พ.ศ.2461 ได้เกิดไข้หวัดใหญ่ที่มีต้นตอมาจากสัตว์ปีกมีจำนวนผู้เสียชีวิตรวมทั่วโลกมากนับเป็นโรคติดต่อที่คร่าชีวิตคนไปมากที่สุดตั้งแต่ในสมัยกลาง ทฤษฎีแรกการกำเนิดของไข้หวัดใหญ่ชนิดนี้ คาดว่าเชื้อไวรัสน่าจะติดมากับกลุ่มแรงงานชาวจีนแล้วไปกลายพันธุ์ที่สหรัฐอเมริกา แต่สุดท้ายสถานที่ที่เกิดการระบาดร้ายแรงที่สุดเริ่มที่กรุงมาดริด สเปน ทำให้ถูกเรียกว่า“ไข้หวัดสเปน” ผู้ป่วยที่ติดเชื้อจะมีไข้ จามคลื่นไส้ ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ และท้องเสีย ซึ่งเป็นอาการแรกเริ่มของไข้หวัดใหญ่ทั่วไป แต่หลังจากนั้นเชื้อกลายพันธุ์ และมีความร้ายแรงกว่าเก่า การระบาดของไข้หวัดสเปนแพร่ไปในอเมริกา และยุโรป ภายในเวลา 3 ปีมียอดผู้เสียชีวิตมากถึง 100 ล้านคนทั่วโลก
องค์การนานาชาติที่ทำหน้าที่ต่อสู้กับไวรัสโควิด-19 คือ องค์การอนามัยโลกหรือ WHO ซึ่งมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่นครเจนีวาสมาพันธรัฐสวิตเซอร์แลนด์ ที่มีนายแพทย์ธีโดรส อัดฮานอม กีปรีเยซุส ชาวเอธิโอเปียเป็นเลขาธิการของ WHO คนที่ 8 เชื่อว่าในยุคปัจจุบันที่เทคโนโลยีทางด้านวิทยาศาสตร์การแพทย์ก้าวหน้าเชื่อว่า WHO คงจะมีวัคซีนและยารักษาโรคไวรัสโควิด-19 ได้ภายในปี 2563 นี้
ทีมข่าวการเมือง
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี