แนวหน้า มั่นคง ตรงไป ตรงมา...
nn คุณสมบัติพื้นฐานที่จำเป็นสำหรับทุกคนนั้น ที่สำคัญได้แก่ความรู้จักผิดชอบชั่วดี ความละอายชั่วกลัวบาป ความซื่อสัตย์สุจริต ทั้งในความคิดและการกระทำ ความไม่เห็นแก่ตัว ไม่เอารัดเอาเปรียบผู้อื่น ความไม่มักง่ายหยาบคาย กับอีกอย่างหนึ่งที่สำคัญเป็นพิเศษคือความขยันหมั่นเพียร… (พระบรมราโชวาท พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรของมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ณ อาคารใหม่ สวนอัมพร วันที่ 22 มิถุนายน 2522)...
nn ความจริงประการสำคัญอย่างหนึ่งที่รัฐบาลภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรี ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่สามารถปฏิเสธได้คือ คนไทยจำนวนไม่น้อยบอกตรงกันว่ารู้สึกเสื่อมคลายความนิยมในตัวของนายกรัฐมนตรีลงเป็นลำดับในทุกๆ วัน สาเหตุที่คนไทยจำนวนไม่น้อยเสื่อมความนิยมในตัวของนายกฯ มาจากความไร้ประสิทธิภาพในการบริหารราชการแผ่นดินในทุกๆ เรื่อง อาทิ เรื่องปัญหาเศรษฐกิจตกต่ำ ปัญหาการฉ้อราษฎร์บังหลวงในวงราชการและในหมู่คนที่สาธารณชนมองว่าเป็นคนใกล้ชิดกับนายกรัฐมนตรี ปัญหาราคาพืชผลการเกษตรมีราคาตกต่ำ ปัญหาภัยแล้ง และล่าสุดปัญหาด้านสาธารณสุขอันเนื่องมาจากไวรัสโควิด-19...
nn เอาแค่เพียงปัญหาหน้ากากอนามัยขาดตลาด และมีราคาแพงสุดๆ เพียงแค่ปัญหานี้ข้อเดียวก็ทำให้รัฐบาลชุดนี้เซไม่เป็นท่าแล้ว ยิ่งมาซ้ำเติมด้วยปัญหาที่ว่ากรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ อ้างว่าสินค้าตัวนี้ไม่ขาดตลาด แต่ครั้นเมื่อประชาชนไปหาซื้อหน้ากากอนามัยตามร้านค้าทั่วไป โดยเฉพาะร้านขายยา ก็กลับพบว่าไม่มีสินค้าจำหน่าย แต่กรมการค้าภายในก็ยังอ้างว่ากระจายสินค้าตัวนี้ไปยังตามร้านต่างๆ แล้ว...
nn มิหนำซ้ำยิ่งมาเจอกับข่าวว่าคนใกล้ชิดบางรายของรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์จากพรรคพลังประชารัฐเข้าไปมีส่วนพัวพันกับการกักตุนหน้ากากอนามัย ก็ยิ่งทำให้คะแนนนิยมของรัฐบาลลดวูบจนต่ำกว่าศูนย์ แต่ที่น่าอัศจรรย์ใจจนสุดบรรยายคือ รัฐบาลกลับไม่สามารถชี้แจงเรื่องนี้ให้กระจ่างชัดได้อย่างทันท่วงที แต่ปล่อยให้ปัญหานี้ค้างคาใจประชาชนอยู่ทุกวัน จนประชาชนจำนวนไม่น้อยต่างเห็นคล้อยตามว่า รัฐบาลชุดนี้ไม่สามารถแก้ปัญหาต่างๆ ได้ นี่คือต้นตอสำคัญที่ทำให้คะแนนนิยมและความเชื่อมั่นในรัฐบาลชุดนี้ติดลบไปเรียบร้อยแล้ว...
nn ดังนั้นจึงทำให้มีเสียงดังออกมาจากคนบางกลุ่มที่เคยนิยมชมชอบในตัวของนายกฯประยุทธ์ ว่า ลาออกไปได้แล้ว เพราะอยู่ไปก็ไม่สามารถแก้ปัญหาให้ประเทศชาติได้ แต่หากจะว่ากันตามความเป็นจริงแล้ว คนอีกจำนวนหนึ่งก็ยังคงรักและออกมาปกป้องนายกฯ ประยุทธ์อยู่ดังเดิม โดยบอกว่า คนที่ขับไล่ไสส่งนายกฯ ประยุทธ์ ต้องคิดให้ดีว่า ถ้าหากบ้านเมืองของเราในยามนี้ไม่มีนายกฯ ชื่อประยุทธ์ แล้วมีนายกฯ เป็นคนอื่น เช่น ชื่อ ยิ่งลักษณ์ ทักษิณ ธนาธร บ้านเมืองจะเป็นอย่างไร...
nn ธรรมกร ก็ต้องขอบอกว่า สองชื่อแรกที่อ้างมานั้นไม่มีวันได้กลับมาเป็นนายกฯเมืองไทยได้อีกอย่างเด็ดขาด ส่วนชื่อที่สามนั้น ก็ไม่มีหวังจะได้เป็นนายกฯ เมืองไทยอย่างแน่นอน เพราะฉะนั้นคนที่รักนายกฯ ประยุทธ์น่าจะคิดถึงชื่ออื่นจะดีกว่านะครับ แต่ก็ต้องบอกตรงๆ ว่าเมืองไทยนั้นมิได้มีแค่เพียงนายกฯ ชื่อประยุทธ์เท่านั้น เพราะยังมีคนอื่นๆ ที่ยังมีความสามารถอีกมาก ปัญหาอยู่ตรงที่ว่ารัฐสภาไทยจะพยายามมองหาคนอื่นๆ ที่มีความสามารถเจอะเจอหรือไม่เท่านั้น เพราะคนดีมีฝีมือแท้จริงนั้นเขาไม่วิ่งไปขอเป็นนายกฯ กันหรอกคุณ...
nn เมืองไทยยุคนี้แสนประหลาดสุดมหัศจรรย์ เพราะคนเป็นนายกรัฐมนตรีอุตส่าห์บอกกับนักข่าวการเมืองว่า อย่าถามเรื่องการเมืองกับตนเอง ขอให้เอาเรื่องบ้านเมืองให้รอดก่อน แสนจะหมดหวังเสียจริงๆ กับนายกฯ ที่ไม่พูดเรื่องการเมือง ก็ถ้านายกฯ ไม่พูดเรื่องการเมืองแล้วจะมีนายกฯ ไปเพื่ออะไรหรือ หรือว่ามีไปเพื่อให้พูดเรื่องบันเทิงเริงรมย์ สายลมแสงแดด หรือพูดเรื่องชวนหัวขายหัวเราะ...
nn นายกฯ ไม่ตอบคำถามเรื่องการเมืองมิหนำซ้ำเมื่อถามเรื่องมาตรการแก้ปัญหาไวรัสโควิด-19 ก็ตอบไม่รู้เรื่อง ถามเรื่องหน้ากากอนามัยก็ตอบไม่รู้เรื่อง ตกลงว่านายกฯ จะตอบอะไรให้ชาวบ้านได้รู้เรื่องบ้างหนอ เพราะอย่าลืมว่า นายกฯ เคยบอกเองว่าหน้ากากอนามัยไม่ขาดตลาด แต่เมื่อประชาชนไปหาซื้อแล้วหาไม่ได้ นายกฯ ก็ไม่รู้จะแก้ปัญหาอย่างไร ถามเรื่องมาตรการดูแลผีน้อยจากเกาหลีใต้ เพื่อไม่ให้เกิดการแพร่กระจายเชื้อไวรัสโควิด-19 นายกฯ ก็ตอบไม่รู้เรื่อง ถามเรื่องคนใกล้ชิดรัฐมนตรีอมหน้ากากอนามัย นายกฯ ก็บอกว่าไม่ตอบ สรุปว่า เรามีนายกฯ ไว้เพื่ออะไรมิทราบ หรือว่ามีไว้เพื่อบอกว่า ขอโทษ ผมเป็นคนที่พูดเร็วเกินไป เพราะเช้าพูดอย่างหนึ่งตกเย็นพูดอีกอย่างหนึ่ง...
nn น่าสังเกตว่า การให้ข่าวผ่านเฟซบุ๊คของแหม่มโพดำ เรื่องคนใกล้ชิดรัฐมนตรีบางคนในรัฐบาลชุดนี้กักตุนหน้ากากอนามัย แต่รัฐบาลก็ไม่สามารถทำความกระจ่างเรื่องนี้ได้ และไม่สามารถยืนยันได้ว่าเฟซบุ๊คของแหม่มโพดำให้ข้อมูลที่ผิดพลาดหรือข้อมูลเท็จ แต่รัฐบาลกลับปล่อยให้เรื่องนี้กลายเป็นประเด็น Talk of The Town มาล่าสุดเฟซบุ๊ค CSI LA ก็ลงเรื่องว่า สส. ของพรรคการเมืองพรรคเล็กพรรคหนึ่งที่อยู่ร่วมกับรัฐบาลมีพฤติกรรมขายหน้ากากอนามัยหลายล้านชิ้น โดยได้โพสต์ขายหน้ากากอนามัยมาตั้งแต่กลางเดือนกุมภาพันธ์ 2563 และระบุด้วยว่าบางวันโพสต์ขายหน้ากากอนามัย 4 ล้าน 5 แสนชิ้น แถมยังให้ไลน์ และเบอร์โทรศัพท์สำหรับติดต่ออย่างชัดเจน...
nn ธรรมกร บอกตรงๆ นะครับ แม้คนไทยจำนวนไม่น้อยจะไม่เชื่อถือในเฟซบุ๊คทั้งสองมากนักโดยเฉพาะในกลุ่มคนที่รักรัฐบาลของนายกฯ ประยุทธ์ แต่เมื่อมีข้อมูลออกมาจะจะ เช่นนี้ ก็ทำให้หลายคนตั้งคำถามไปยังรัฐบาลว่าเรื่องนี้จริงหรือเท็จ แล้วหากเป็นเรื่องเท็จ รัฐบาลมีปัญญาจัดการกับคนปล่อยข้อมูลเท็จหรือไม่ แล้วการที่รัฐบาลไม่ทำความจริงเรื่องนี้ให้ปรากฏ มันหมายความว่ารัฐบาลยอมจำนนกับเรื่องที่เฟซบุ๊คทั้งสองกล่าวหา ใช่หรือไม่ เรื่องแบบนี้ หากไม่จริง รัฐบาลก็ต้องชี้แจงให้กระจ่าง และต้องนำตัวคนให้ข้อมูลเท็จไปลงโทษตามกระบวนการของกฎหมาย แต่การนิ่งเฉยไม่ชี้แจงเรื่องนี้ หมายความว่าคำกล่าวหาเป็นเรื่องจริง ใช่หรือไม่ รัฐบาลต้องรีบตอบเรื่องนี้ให้กระจ่างโดยด่วน และรัฐบาลต้องเข้าไปตรวจสอบให้ถี่ถ้วนด้วยว่า มีคนบางคนบางกลุ่มในรัฐบาลมีพฤติกรรมเลวทรามเหมือนที่เฟซบุ๊คทั้งสองกล่าวหาหรือไม่...
nn ขอบอกรัฐบาลด้วยความหวังดีว่า เรื่องหน้ากากอนามัยนั้น สามารถทำให้รัฐบาลล้มได้นะขอรับ โปรดอย่าดูแคลนเรื่องสำคัญเรื่องนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีที่บรรดาคุณหมอออกมาบอกตรงกันว่าขาดแคลนหน้ากากอนามัย จนทำให้เป็นอุปสรรคสำคัญในการปฏิบัติหน้าที่ ย้ำว่าเรื่องนี้สำคัญยิ่ง และรัฐบาลต้องเร่งแก้ปัญหานี้โดยไว ก่อนที่จะหมดโอกาสทำงานต่อไป ขอเตือนมาด้วยความรักและเป็นห่วงยิ่ง...nn
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี