ราคาน้ำมันลดลงในช่วงนี้ เป็นผลมาจากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกลดลงเป็นหลัก(ในบ้านเรา กระทรวงพลังงานลดการเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันฯ เพื่อช่วยเหลือประชาชนด้วยเหมือนกัน)
ล่าสุด ปัจจุบัน ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกก็ยังคงดำดิ่งลงไปอีก
ยังไม่เห็นว่าราคาน้ำมันดิบในโลกจะลงไปหยุดอยู่จุดไหน
สำหรับท่านที่สนใจ อยากจะเข้าใจว่า มันเกิดอะไรขึ้น? แล้วมันมีโอกาสและแนวโน้มจะไปไหนต่อ?
วันนี้ ขอนำเสนอข้อเขียนบางส่วนในแฟนเพจ Oil Trading - ทันตลาดน้ำมันและเศรษฐกิจโลกกับ KP แอดมินเพจได้เล่าเรื่องไว้อย่างเข้าใจง่าย กระชับมีเกร็ดข้อมูลและแง่คิดที่น่าสนใจมาก
สะท้อนข้อมูลชัดเจนว่า ราคาน้ำมันดิบลดลงในช่วงนี้ เป็นผลจากทั้งฝั่งของดีมานด์และซัพพลาย กระหน่ำซัดอย่างรุนแรง เหมาะเจาะ
“10 เรื่องในตลาดน้ำมันโลกที่กำลังเปลี่ยนไปอย่างเหลือเชื่อ” มีดังต่อไปนี้
….
1. ซาอุทุ่มสุดตัวในสงครามครั้งนี้ แบบยอมตัดขาตัวเอง
ซาอุไม่ได้เพียงแค่พยายามผลิตน้ำมันทุกหยดออกมาจากหลุมน้ำมันของตัวเองเพื่อฆ่าผู้ผลิตคู่แข่ง แต่ซาอุยังพยายามลดการใช้น้ำมันในประเทศลงไปด้วย! เพื่อที่จะได้มีน้ำมันส่งออกมากดดันตลาดน้ำมันโลกมากขึ้น! ก่อนหน้านี้ซาอุจะใช้น้ำมันดิบประมาณ 30% ที่ผลิตได้มาใช้กลั่นในโรงกลั่นในประเทศก่อน เพราะการเพิ่มมูลค่าน้ำมันผ่านการกลั่นแล้วค่อยส่งออกไปเป็นน้ำมันสำเร็จรูปนั้นสามารถทำรายได้ได้มากกว่า
แต่วันนี้ทาง Saudi Aramco บริษัทน้ำมันแห่งชาติของซาอุ ได้สั่งลดกำลังการกลั่นใน 2 เดือนหน้าของโรงกลั่นตัวเองลง เพื่อที่ว่าจะได้มีน้ำมันดิบเหลือมาส่งออกมากขึ้น หรือเรียกได้ว่าเป็นการยอมตัดแขนตัดขาตัวเองเพื่อที่จะได้สร้างความเสียหายต่อการผลิตน้ำมันดิบของประเทศอื่นมากขึ้น
2. กลุ่มโอเปกอาจจะต้องสลายตัวไปภายในเวลาข้ามคืน?
...ในช่วง 3-4 ปีหลัง ทางโอเปกได้รวบรวมพันธมิตรอีกมากมายมารวมตัวกันเป็นกลุ่มโอเปกพลัส (OPEC+) สร้างความมั่นคงทางการรักษาระดับราคาน้ำมันได้มากขึ้นไปกว่านั้นอีก (พันธมิตรหลักๆคือ รัสเซีย เม็กซิโก เอกวาดอร์ อาเซอร์ไบจานและอื่นๆ) แต่การตัดสินใจของซาอุที่จะเริ่มสงครามราคาครั้งนี้ ไม่ได้ทำร้ายแค่รัสเซียหรือสหรัฐ แต่กำลังกลับทำให้ประเทศเพื่อนๆ ในกลุ่มโอเปกกำลังขาดทุนครั้งยิ่งใหญ่ นอกจากจะขาดทุนทางต้นทุนในการผลิตที่อยู่สูงกว่าราคาตลาดแล้ว ยังต้องขาดทุนในการที่จะไม่มีรายได้เข้ามาในประเทศเพียงพออีก หลังจากหลายๆ ประเทศในกลุ่มนั้นได้พยายามวางแผนงบประมาณประเทศบนรายได้จากการขายน้ำมันมาโดยตลอด (อย่าง ลิเบีย อิรัก อิหร่าน โอมาน แอลจีเรีย และอื่นๆ เป็นต้น)
การประชุมที่ทางซาอุและรัสเซียทะเลาะกันในคืนนั้นคืนเดียว อาจทำให้ประวัติศาสตร์ต้องจารึกไว้ว่าเป็นการทำลายความร่วมมืออย่างเหนียวแน่นกัน 60 ปี ของกลุ่มสมาชิกโอเปกต้องจบลงภายในช่วงเวลาข้ามคืน
3. กลุ่มผู้ผลิตน้ำมัน Texas ในสหรัฐออกมาเรียกร้องให้มีนโยบายลดกำลังการผลิตเพื่อรักษาระดับราคา!
นับตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ Texas Oil Boom หรือการผลิตน้ำมันในรัฐเท็กซัสที่กำลังโตอย่างก้าวกระโดดในปี 1901 หรือเมื่อ 120 ปีก่อนนั้น ทางผู้ผลิตน้ำมันในเท็กซัสซึ่งเป็นบริษัทเอกชนไม่เคยมีคำว่า “ลดกำลังการผลิต” อยู่ในพจนานุกรมเลย ด้วยการเป็นประเทศที่มีความต้องการใช้น้ำมันมากที่สุดในโลกมาโดยตลอด ทางสหรัฐได้เร่งลงทุนในการผลิตน้ำมันและพยายามขยายการขุดน้ำมันให้ได้เร็วที่สุด โดยเฉพาะการผลิตในเท็กซัสซึ่งเป็นแหล่งน้ำมันที่สำคัญ เพราะทุกๆ หยดน้ำมันที่ขุดออกมานั้นล้วนเป็นเงินทั้งสิ้น
แต่วันนี้สภาวะสงครามราคานั้นทำให้ผู้ผลิตในเท็กซัสทราบดีว่า ถ้าพวกเขาไม่ทำอะไรสักอย่าง ธุรกิจที่ใหญ่ที่สุดที่หล่อเลี้ยงรัฐของเขามาตลอดกว่า 100 ปีนั้นจะต้องตายลง ทางผู้ผลิตจึงต้องกัดฟันออกมาขอให้ทางซาอุรวมไปถึงรัสเซียมาร่วมกันลดกำลังการผลิตด้วยกัน โดยล่าสุดนี้ทางวุฒิสมาชิกสหรัฐถึงกับได้ร่างจดหมายให้รัฐบาลสหรัฐขู่ทางซาอุว่า “หากไม่มาร่วมกลุ่มกับทางเรา พวกเราก็จะคว่ำบาตรคุณ” ถือว่าเป็นเหตุการณ์ที่ไม่เคยคิดว่าจะเกิดขึ้นเลยใน 100 ปีที่ผ่านมา
4. ราคาน้ำมันดิบลดลงมา 25 เหรียญ (50%) ภายในเวลา 10 วัน! เป็นการลดลงที่เร็วที่สุดในประวัติศาสตร์
การลดลงถึง 25 เหรียญ ภายในเวลา 10 วันนั้น ตลาดน้ำมันไม่เคยพบเจอหรือคาดคิดมาก่อน ไม่ว่าจะเป็นในยามวิกฤติเศรษฐกิจในยุคไหนก็ตาม หากจะให้ลงรายละเอียดนั้น แม้แต่การเคลื่อนไหวรายวันก็เป็นการลดลงแทบจะหนักที่สุดเท่าที่เราเคยเห็นในรอบ 30 ปีที่ผ่านมาเลยทีเดียว (มีมากกว่านี้แค่ครั้งเดียวในปี 1991 ช่วงสงครามอ่าวเปอร์เซียระหว่างสหรัฐและอิรัก) โดยช่วงนี้ 10 วัน นี้มีถึง 3 วันเลยทีเดียวที่ราคาโดยเทขายลงมาติดระดับขั้นน่าจดจำไว้
เมื่อวันที่ 9 มีนาคม หลังสงครามราคาเริ่มขึ้น Brent ปรับลดลง -24%
เมื่อวันที่ 16 มีนาคม Brent ปรับลดลงอีก -11%
และ เมื่อวันที่ 18 มีนาคม Brent ปรับลดลงอีก -13%
5. ดัชนีความผันผวนของราคาน้ำมันดีดขึ้น 6 เท่า! ดีดขึ้นสูงสุดในประวัติศาสตร์
ไม่ใช่แค่เพียงราคาที่ปรับตัวลงมาอย่างรวดเร็ว แต่ดัชนีความผันผวนของราคาน้ำมันดิบ Brent หรือ Brent Volatility Index นั้นก็ดีดขึ้นจากระดับปกติที่ 20-30% ขึ้นแตะเกือบ 200% !
เราไม่เคยเห็นตลาดมองราคาในอนาคตผันผวนขนาดนี้มาก่อนเลยในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา กองทุนต่างๆ เร่งเข้าซื้อประกันความผันผวนอย่างมากมาย เพราะไม่มีใครแน่ใจว่าไวรัสจะระบาดไปในทิศทางไหนต่อไป หรือทางผู้ผลิตอาจจะกลับมาจับมือกันหรือไม่ในยามที่ดัชนีความผันผวนสูงขนาดนี้เทรดเดอร์ทุกคนควรระวังตัวอย่างยิ่งนะครับ
6. โลกเราแทบจะไม่เหลือที่ในการเก็บน้ำมันแล้ว!
ถังน้ำมันว่างๆ นั้น เป็นเรื่องปกติของตลาดน้ำมัน เพราะด้วยค่าผลผลิตที่อำนวยความสะดวก (Convenient Yield) ของน้ำมันที่หากมีอยู่ในมือแล้วเราจะใช้ประโยชน์มันได้โดยทันที ทำให้ราคาล่วงหน้าของน้ำมันนั้นปกติจะอยู่ต่ำกว่าราคาปัจจุบันมาโดยตลอด (ซื้อให้มาส่งตอนนี้ แพงกว่าซื้อแล้วให้มาส่งในอนาคต) การจัดเก็บน้ำมันในถังนั้นจึงมีต้นทุนที่สูง สู้ไปซื้อแล้วรอให้ส่งในอนาคตนั้นราคาจะถูกกว่า เราเรียกรูปแบบนี้ว่า Backwardation ทำให้ผู้ประกอบการไม่มีใครอยากจะเก็บน้ำมันไว้เต็มถัง
แต่ราคาน้ำมันวันนี้นั้น ลดลงมาหนักมาก จนเกิดเรื่องประหลาด ลงจนทำให้ราคาในตลาดซื้อขายล่วงหน้านั้นแพงกว่าปัจจุบัน หรืออยู่ในรูปแบบ Contango และเป็น Contango ที่สูงที่สุดในรอบ 20 ปี ทำให้การเก็บน้ำมันไว้ในถังแล้วนำไปขายในอนาคตนั้นจะได้กำไร ทำให้ทุกๆผู้ประกอบการน้ำมันเร่งกันเก็บน้ำมันจนเต็มถัง จนทุกวันนี้นั้นโลกเราแทบจะไม่มีที่เหลือให้เก็บน้ำมันแล้ว
7. ค่าเรือขนส่งน้ำมันดิบดีดขึ้น 2 เท่า นับตั้งแต่เกิดสงครามราคา
โดยปกตินั้น ค่าเรือขนส่งน้ำมันนั้นจะขึ้นอยู่กับสภาพเศรษฐกิจเป็นหลักหากเศรษฐกิจโต มีการใช้น้ำมันมากขึ้นค่าขนส่งก็จะแพงตามกันไปด้วย แต่ในคราวนี้นั้นกลับเกิดเรื่องประหลาดขึ้นครับ
ค่าขนส่งทั่วโลกนั้น ดีดสูงขึ้น ไม่ใช่เพราะเศรษฐกิจโลกที่โตขึ้น ในทางกลับกัน สงครามราคานั้นทำให้ผู้ผลิตน้ำมันอย่างซาอุลดราคาน้ำมันตัวเองลงมาหนักมากเมื่อเทียบกับราคาในอนาคต (ส่วนต่างนั้นสูงที่สุดในรอบ 20 ปีอย่างที่ได้กล่าวไป) ทำให้เทรดเดอร์น้ำมันต่างชาติเร่งเข้าจองเรือขนส่งน้ำมันดิบ เพียงเพื่อที่จะเก็บน้ำมันไว้บนเรือเฉยๆ ลอยลำไว้เพื่อรอขายในอนาคต
8. โรงกลั่นบางโรงต้องจ่ายเงินเพื่อการกลั่นน้ำมัน??
ค่าการกลั่น ซึ่งเป็นกำไรในการแปลงรูปน้ำมันดิบไปเป็นน้ำมันสำเร็จรูปโดยปกติแล้วจะต้องเป็นบวก เพราะนี่คือค่าจ้างของพวกเราที่ต้องจ่ายให้โรงกลั่นในการแปรรูปน้ำมันมาให้เราใช้ แต่เนื่องจากวิกฤติไวรัสในครั้งนี้ค่าการกลั่นในหลายๆโรงกลั่นกำลังกลับเป็นติดลบ เพราะความต้องการใช้น้ำมันสำเร็จรูปนั้นหายไปจากการปิดประเทศ โดยเฉพาะน้ำมันเครื่องบิน (Jet Fuel) และน้ำมันเบนซิน (Gasoline) ที่ค่าการกลั่นของสองน้ำมันชนิดนี้นั้นพลิกกลับเป็นติดลบแบบที่เราไม่เคยเห็นมาก่อน
โดยตอนนี้ต้องมีโรงกลั่นในหลายประเทศที่เริ่มปิดตัวลงไปแล้ว โดยเฉพาะโรงกลั่นที่เน้นการส่งออกและไม่ได้กลั่นเพื่อความต้องการใช้เองในประเทศ อย่างที่ยุโรป และอินเดีย เป็นต้น
9. เอทานอลกำลังโดนนำไปใช้ผลิตน้ำยาฆ่าเชื้อโรคล้างมือแทน
ในยามวิกฤติไวรัสนี้ ไม่มีการสับเปลี่ยนความต้องการใช้ระหว่างของสองอย่างที่ใช้แทนที่กันได้ไปกว่าน้ำมันเบนซินและน้ำยาฆ่าเชื้อโรคล้างมือแทนอีกต่อไปแล้ว
ความต้องการใช้น้ำมันเบนซินนั้นหดตัวลงไปสุดๆ อย่างที่ได้กล่าวไปแล้ว และในขณะเดียวกัน ความต้องการใช้น้ำยาฆ่าเชื้อโรคล้างมือนั้นกลับดีดตัวสูงขึ้นอย่างแทบไม่เคยเห็นมาก่อน
โดยสินค้าสองอย่างนี้มีส่วนผสมอย่างหนึ่งที่เหมือนกัน นั้นคือ เอทานอลหรือเอทิลแอลกอฮอล์ เป็นสารแอลกอฮอล์ชนิดหนึ่งที่ผลิตได้จากการนำพืชผลทางการเกษตรจำพวกแป้งและน้ำตาล ทำให้ในช่วงนี้ผู้ผลิตกำลังใช้เอทานอลไปผสมกับน้ำมันเบนซินน้อยลง (เช่น น้ำมันพวก E10, E20, E85) และหลายบริษัทกำลังนำเอทานอลไปใช้ในอุตสาหกรรมน้ำยาฆ่าเชื้อแทน ถึงว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงที่น่าสนใจมาก!
10. ราคาน้ำมันดิบบางที่ในโลกนั้นกลับลงมาถูกกว่าน้ำดื่มแล้ว
คุณภาพและเกรดของน้ำมันดิบทั่วโลกนั้นต่างกัน โดยน้ำมันดิบเกรดที่มีความหนักสูงจะมีมูลค่าน้อยกว่าเนื่องจากจะกลั่นออกมาได้เป็นสัดส่วนของน้ำมันสำเร็จรูปที่มูลค่าน้อยกว่า (อย่างน้ำมันเตา) ในปริมาณที่สูงกว่า ทำให้ตอนนี้มีน้ำมันดิบเกรดหนักๆ ในหลายๆ ประเทศนั้น กำลังโดนกดราคาลงไปต่ำมาก เพราะไม่เป็นที่ต้องการของโลก ขอลองยกตัวอย่างน้ำมันดิบเกรดหนักของแคนาดานั้น ตอนนี้เนื้อน้ำมันที่ทางหลุมขายออกมานั้นมีมูลค่าเพียง 10 เหรียญต่อบาร์เรล ราคาต่ำกว่าราคาพื้นฐานในตลาด (Benchmark อย่าง WTI) เพราะค่าขนส่งที่แพงอีกด้วย ที่ทำให้ผู้ขายนั้นต้องยอมลดราคาลงมาเพื่อที่จะได้ขายน้ำมันออกมาได้
โดยหากคำนวณด้วยตัวแปล 1 บาร์เรล = 159 ลิตร และ 1 เหรียญสหรัฐ = 32.5 บาท
จะแปลว่าราคาน้ำมันเกรดหนักของแคนาดานั้น กำลังขายอยู่ที่ลิตรละ 2.05 บาทเท่านั้น !
ถือว่ากำลังเป็นปรากฏการณ์ในโลกที่เหลือเชื่อมากๆ ครับ
….
ขอบพระคุณอีกครั้งสำหรับข้อมูลและมุมมองที่น่าสนใจ จากเพจ Oil Trading - ทันตลาดน้ำมันและเศรษฐกิจโลกกับ KP
กว่าจะจบสถานการณ์โควิด-19 เชื่อว่า เราจะได้เห็นการเปลี่ยนแปลงที่ไม่เห็นอีกมากมายในโลกใบนี้
สารส้ม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี