ในสถานการณ์ของการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19นั้น ขณะนี้การแพร่ระบาดขนาดใหญ่ได้เกิดขึ้นในสหรัฐอเมริกาและยุโรป โดยเฉพาะในกลุ่มประเทศสหภาพยุโรป ในขณะที่ประเทศจีนซึ่งเกิดการระบาดครั้งแรกและประเทศอื่นๆ การแพร่ระบาดกลับน้อยกว่ามาก
ที่น่าสนใจก็คืออัตราการติดเชื้อของประชากรในสหรัฐและยุโรปนั้นได้เพิ่มขึ้นอย่างพรวดพราดและอย่างรวดเร็ว รวมทั้งอัตราการเสียชีวิตก็เพิ่มขึ้นอย่างพรวดพราดและรวดเร็วด้วย
ในช่วงระยะเวลาสามเดือนเศษของการแพร่ระบาด ประเทศจีนซึ่งเคยมีผู้ติดเชื้อสูงสุดระดับ 80,000 คน สามารถรักษาเยียวยาหายเกือบหมดแล้ว และแทบไม่มีผู้ติดเชื้อเพิ่มใหม่แล้ว ในขณะที่สหรัฐและยุโรปมีอัตราผู้ติดเชื้อเกินกว่าจำนวนสูงสุดที่มีผู้ป่วยในประเทศจีน และมีจำนวนผู้เสียชีวิตมากกว่าจำนวนที่เกิดขึ้นในประเทศจีนหลายเท่าแล้ว
ที่สำคัญคือ วิกฤติที่เกิดขึ้นครั้งนี้ได้ทำลายการอวดอ้างทั้งหลายที่ว่าสหรัฐและยุโรปมีมาตรฐานทางสาธารณสุขในลำดับหนึ่งและลำดับต้นๆ อย่างสิ้นเชิง โดยเฉพาะขีดความสามารถในการรับมือกับวิกฤติของการแพร่ระบาดนั้นต้องเรียกว่าไม่เข้าท่าเลย จึงทำให้มีผู้ป่วยและผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นสูงที่สุด กระทั่งต้องขอความช่วยเหลือทางด้านการแพทย์ ทั้งจากจีนและรัสเซีย
โดยสภาพของไวรัสโควิด-19 นั้น จะมีระยะฟักตัวในผู้ติดเชื้อระหว่าง 14-21 วัน และตั้งแต่วันที่ 40 ถึงวันที่ 55 เชื้อก็จะขยายตัวเกาะยึดปอดเป็นพังผืด ทำลายปอดจนยากจะคืนดีได้ และเป็นเหตุให้เสียชีวิต
โดยสภาพเช่นนั้นหมายความว่า ไวรัสโควิด-19 นั้นจะทำให้คนเสียชีวิตหลังห้วงเวลา 40 วันไปแล้ว เพราะก่อนหน้านั้นเป็นระยะเวลาการฟักตัว จะมีอาการบ้างก็แค่การไอ ลำคออักเสบ จาม ไข้เล็กน้อย ปวดเมื่อยลำตัว อ่อนแรง อาเจียน ซึ่งไม่ใช่อาการที่จะทำให้เสียชีวิตได้
ดังนั้นการที่ผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 เสียชีวิตในช่วงระยะเวลา 1-7 วัน ซึ่งเป็นจำนวนที่เสียชีวิตส่วนใหญ่ของผู้ที่ติดเชื้อไวรัส คือมีจำนวนมากกว่าผู้ที่ปอดถูกทำลาย และเสียชีวิตในช่วงระหว่างวันที่ 40 ถึงวันที่ 55
นั่นหมายความว่าผู้เสียชีวิตในระยะ 1-7 วันแรกนั้นอาจจะไม่ได้เสียชีวิตเพราะโรคไวรัส แต่อาจเสียชีวิตได้ด้วยเหตุอื่น ซึ่งเรื่องนี้จำเป็นที่จะต้องตั้งข้อสังเกตเพื่อจะเป็นข้อคิดพิจารณาหรือค้นคว้าเพื่อหาทางช่วยเหลือชีวิตของเพื่อนมนุษย์ต่อไป
จากรายงานเกี่ยวกับการเสียชีวิตของผู้ที่เสียชีวิตในช่วง 1-7 วัน เกือบทั้งหมดเป็นผู้สูงอายุหรือผู้มีโรคประจำตัว เช่น โรคเบาหวาน โรคหัวใจ โรคไต โรคความดัน และโรคเกี่ยวกับหลอดเลือด ซึ่งผู้ที่มีโรคประจำตัวเหล่านี้ต้องกินยาเป็นประจำทุกวัน
แต่การกินยาทุกวันนั้นก็ปรากฏว่าผู้มีโรคประจำตัวเหล่านี้ต่างก็กินยากันมานานแล้ว บางคนกินยามานับสิบปีก็ยังมีชีวิตและใช้ชีวิตเป็นปกติได้ และแน่นอนว่าอาจมีเหตุที่ทำให้เสียชีวิตเพราะโรคประจำตัวเหล่านั้นในเวลาใดเวลาหนึ่งก็ได้
แต่ข้อสันนิษฐานที่จะมองข้ามไปไม่ได้ก็คือ ผู้ที่มีโรคประจำตัวเหล่านี้และต้องกินยาเป็นประจำนั้น ครั้นป่วยเป็นไวรัสโควิด-19 และต้องรับยาในการรักษาไวรัสโควิด-19 ซึ่งมียาหลายชนิดที่ใช้กันอยู่ เช่น ยาพาราเซตามอล ยาควินินยารักษาโรคมาลาเรีย รวมทั้งยารักษาไข้หวัดซาร์ส เป็นต้น ซึ่งยาเหล่านี้ไม่ใช่ยาที่ผลิตขึ้นเพื่อรักษาไวรัสโควิด-19โดยตรง
ซึ่งปัจจุบันนี้มีประเทศจีนและรัสเซียเท่านั้นที่คิดค้นสูตรยารักษาไวรัสโควิด-19 ได้โดยตรง และได้ทำการรักษาจนหายเป็นที่ประจักษ์ และเมื่อจีนรักษาผู้ป่วยไวรัสหายเกือบ 80,000 คนแล้ว ก็ได้มีการแจ้งสูตรนี้ให้แก่รัสเซียและรัสเซียก็ได้นำไปพัฒนาและผลิต รวมทั้งส่งไปช่วยเหลือประเทศต่างๆ ด้วย
ดังนั้นจึงสมควรที่จะตั้งข้อสันนิษฐานว่ายาประเภทต่างๆ ที่ใช้ในการรักษาไวรัสโควิด-19 ซึ่งหลายกรณีก็รักษาได้หายไม่ว่าในประเทศไทยหรือในประเทศอื่น อาจจะมีส่วนเกี่ยวข้องในการทำให้ผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัวเสียชีวิตในห้วงเวลา 1-7 วัน ได้หรือไม่
ซึ่งต้องย้ำว่ายาที่ผู้มีโรคประจำตัวกินอยู่เป็นประจำก็ไม่ได้ทำให้ผู้กินยานั้นเสียชีวิต และผู้ที่รับยารักษาไวรัสโควิด-19 หลายประเภท ยานั้นก็ไม่ได้ทำให้เสียชีวิต
แต่จำเป็นต้องสันนิษฐานด้วยว่าเมื่อตัวยาสองตัวนี้ได้ใช้ในคนคนเดียวกัน อาจเกิดปฏิกิริยาทำให้เป็นพิษและเป็นเหตุให้เสียชีวิตได้หรือไม่ ข้อสันนิษฐานนี้อาจนำไปสู่การค้นคว้าในทางวิทยาศาสตร์การแพทย์เพื่อหาข้อยุติในเรื่องนี้ ซึ่งมีแต่จะเป็นประโยชน์ต่อมวลมนุษย์
ต้องไม่ลืมว่าสารบางอย่างมีประโยชน์ แต่เมื่อผสมหรือใช้ร่วมกับสารอีกอย่างที่มีประโยชน์เช่นเดียวกันก็อาจกลายเป็นพิษหรือมีสถานะเป็นยาพิษได้ หรือทำให้เกิดพิษที่เป็นอันตรายต่อชีวิตได้
ในกรณีเรื่องยาพิษนั้น เคยปรากฏว่ายาพิษบางชนิดใช้สารผสมสองอย่าง ซึ่งเมื่อรับสารอย่างหนึ่งแล้วก็จะไม่แสดงอาการ แต่เมื่อรับสารอีกอย่างหนึ่งก็กลายเป็นพิษร้ายแรงและเป็นยาพิษที่ร้ายแรง เรื่องพิษชนิดนี้มีปรากฏอยู่ทั้งในประวัติศาสตร์ของประเทศต่างๆ รวมทั้งประเทศไทยของเราด้วย
แม้กระทั่งทุเรียนที่มีรสชาติอร่อย กินแล้วก็ไม่เป็นพิษเป็นภัย แต่ถ้ากินทุเรียนแล้วดื่มสุราหรือไวน์ก็อาจทำให้เสียชีวิตได้ฉันใด การที่ผู้มีโรคประจำตัวและใช้ยาประจำอย่างหนึ่ง ครั้นป่วยเป็นไวรัสโควิด-19 และได้ยาอีกอย่างหนึ่ง ยาสองอย่างนี้อาจเกิดปฏิกิริยาเป็นพิษได้หรือไม่ก็ฉันนั้น
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี