ทุกวันนี้บ้านเมืองของเราเป็นอย่างไรนั้น ทุกคนรู้และเห็นกันมากขึ้น เข้าใจกันมากขึ้น และปรับทุกข์กันมากขึ้น เข้าไปในวงการไหนก็ได้ยินแต่เสียงบ่นเสียงว่าในเรื่องต่างๆเกี่ยวกับการบริหารงานของคนมีอำนาจ ที่กำลังบริหารบ้านเมืองอยู่ในขณะนี้
ความเชื่อถือเชื่อมั่นกำลังขาดแคลนจากผู้คนในบ้านเมือง
ประชาชนคนไทยกำลังตกอยู่ในสภาพที่เหมือนคนไข้ กำลังถูกเข็นเข้าห้องฉุกเฉินเพื่อการรักษา เพราะความอดอยาก ทำมาหากินไม่ได้ท่ามกลางหนี้สินล้นพ้นตัว แต่ก็ยังมีคนมีอำนาจบางคนที่กำลังบริหารบ้านเมืองอยู่ในขณะนี้บอกว่า ปีนี้จะไม่มีคนจน
ความซื่อสัตย์สุจริตอันเป็นคุณสมบัติสำคัญประจำตัวของคนที่มีหน้าที่ในการทำงาน ดูจะร่อยหรอลงไปเรื่อยๆ เป็นผลให้คำว่า “ทุจริต” เบ่งบานขึ้นเรื่อยๆ ในขณะนี้ และเมื่อทุจริตเสียแล้วอะไรๆ ก็เกิดขึ้นได้ทั้งนั้นในการเสียหายต่อส่วนรวม
เรื่องการทุจริตเป็นเรื่องใหญ่มากของบ้านเมืองในขณะนี้ ซึ่งขยายตัวออกไปอย่างกว้างขวาง อย่างที่กล่าวไว้ว่า “ฟ้ารู้ ดินรู้ และใครๆก็รู้” ซึ่งในเรื่องดังกล่าวนี้ได้ทำให้หลายประเทศสิ้นชาติมาแล้วอย่างที่เห็นๆ
ประเทศของเราเองก็เช่นเดียวกัน โดยเฉพาะในขณะนี้ยังคงดำรงอยู่ ไม่ได้สูญหายไปไหน และดูจะมากกว่าเก่าด้วยซ้ำไป จากการกระทำของผู้มีอำนาจหน้าที่ในการทำงาน ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายประจำหรือฝ่ายการเมือง และดูจะมีกลวิธีในการทุจริตที่แนบเนียนกว่าเก่าอีกด้วย จับไม่ได้ไล่ไม่ทันในหลายเรื่องหลายราว
ต้องหยิบยกเรื่องนี้มาพูดอีกเพราะไม่อยากสิ้นชาติ
โดยเฉพาะกลวิธีของการทุจริตคดโกงก็มีวิธีการต่างกัน
“โกง” คือการใช้อุบายหรือเล่ห์เหลี่ยมหลอกลวง
“ทุจริต” คือความประพฤติชั่ว ไม่ซื่อตรงในหน้าที่
ทั้งคนทุจริตและคนคดโกงนั้นล้วนเป็นคนไม่ดีคนชั่ว
คนทั้งสองประเภทที่ว่านี้สามารถทำอะไรได้ทุกอย่างเพื่อให้ได้มาในสิ่งที่ต้องการ เช่นผลประโยชน์ตนหรือพรรคพวก โดยไม่คำนึงว่าการกระทำนั้นจะเป็นการกระทำในทางผิดกฎหมาย หรือผิดทางมาตรฐานทางคุณธรรมและศีลธรรม
ถ้าเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายประจำหรือฝ่ายการเมือง ถ้าทุจริตหรือคดโกงแล้ว บุคคลดังกล่าวนี้ก็จะมีการกระทำในลักษณะของการใช้อำนาจหน้าที่ เพื่อให้ได้มาซึ่งทรัพย์สินเงินทอง หรือให้ได้มาซึ่งกำไร หรือให้ได้มาซึ่งตำแหน่งหน้าที่ แม้จะเป็นการฝ่าฝืนกฎหมาย ฝ่าฝืนคุณธรรม ศีลธรรม อันดีก็ตาม
ถ้าจะว่าไปแล้ว เรื่องของการทุจริตคดโกงที่ว่านี้ในบ้านเมืองของเรา ก็เป็นเรื่องที่ “ฟ้ารู้ ดินรู้ ใครๆก็รู้” มาตั้งแต่อดีตแล้ว โดยในสมัยนั้นใช้คำว่า“กินเมือง” อันเป็นจุดเริ่มต้นของการยักย้ายถ่ายเทเงินรายได้ของ “เจ้าเมือง” และบรรดาเจ้าหน้าที่ที่เป็นลูกมือในการจัดการเก็บส่วย เก็บภาษีจากราษฎรในพื้นที่มาเป็นของตนเองด้วย แทนที่จะส่งให้ท้องพระคลังในเมืองหลวงทั้งหมด ซึ่งในสมัยนั้นใช้คำว่า“ฉ้อราษฎร์บังหลวง”
เมื่อบ้านเมืองมีการพัฒนาและเจริญเติบโตขึ้นตามลำดับการทุจริตคดโกงก็มีการพัฒนารูปแบบให้เจริญเติบโตตามกันไปด้วย มีคนทุจริตคดโกงมากขึ้นถึงขนาด “ฉ้อราษฎร์บังหลวง” ควบคู่ไปกับ “ฉ้อหลวงบังราษฎร์” ทั้งฝ่ายประจำและฝ่ายการเมือง ไม่ว่าจะเป็นการรับสินบนหรือรีดไถของคนจำพวกนี้
อย่างที่เห็นกันจนเป็นปกติในขณะนี้
ประเทศของเรานั้น แม้จะได้มีการเปลี่ยนแปลงการปกครองจากรูปแบบของสมบูรณาญาสิทธิราชย์ มาเป็นรูปแบบของระบอบประชาธิปไตย แต่สิ่งหนึ่งที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลงก็คือเรื่องการทุจริตคดโกง ซึ่งดูเหมือนจะมีมากและหนักกว่าเดิมด้วยซ้ำไป ทั้งในระดับของระบบราชการและระบบการเมือง โดยเฉพาะในเรื่องของการเล่นพรรคเล่นพวก ไม่ว่าจะเป็นการปูนบำเหน็จความดีความชอบ การแต่งตั้งโยกย้ายการลงโทษ โดยมีผลประโยชน์เข้ามาเกี่ยวข้อง
แม้สังคมจะเปลี่ยนแปลงไปมากแล้วก็ตาม แต่ช่องทางแห่งการทุจริตช่องทางหนึ่งที่ยังคงหลงเหลืออยู่ในบ้านเรา ก่อให้เกิดการวิ่งเต้นเข้าหา หรือทำความรู้จักกับผู้มีอำนาจหน้าที่ ซึ่งสามารถจะให้ความช่วยเหลือได้
การแลกเปลี่ยนระหว่างเงินกับอำนาจ การติดสินบน การให้ค่านายหน้า การใช้อำนาจทางการเมืองโดยมิชอบเพื่อได้รับผลประโยชน์ตอบแทนจึงยังคงมีให้เห็นอยู่ในขณะนี้ โดยเฉพาะในสมัยนี้ด้วยแล้วยิ่งเห็นกันมากขึ้นอย่างไม่กลัวเกรงอะไร
ถ้าไม่จ่ายให้ก็อย่าหวังว่าจะได้ตามที่ขอ
โดยเฉพาะสมัยนี้ด้วยแล้ว ความต้องการเงินที่จะนำมาเป็นค่าใช้จ่ายในการตั้งพรรคการเมือง การหานักการเมืองที่ตนต้องการให้เข้ามาร่วมอยู่ในพรรค ดูจะเป็นหัวใจสำคัญที่สุดในสมัยนี้ เพราะต้องทำทุกอย่างเพื่อให้มีโอกาสเข้าสู่อำนาจรัฐ
นายทุนหรือพ่อค้าที่ร่ำรวยจึงเข้ามาเกี่ยวข้องมากขึ้นในขณะนี้ โดยหวังจะได้รับความคุ้มครองทางการเมืองในวันข้างหน้า
การเมืองกับการธุรกิจกำลังเป็นไปอย่างกว้างขวางในขณะนี้ที่เกื้อกูลระหว่างกัน เป็นสิ่งที่ “ฟ้ารู้ ดินรู้ และใครๆก็รู้” อย่างว่า
(อ่านต่อวันศุกร์)
น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี