มีคำถามค้างคาใจคนที่ติดตามเรื่องราวของการบินไทยมาโดยตลอดว่า ทำไมการที่สุเมธ ดำรงชัยธรรม ขอลาออกจากตำแหน่งกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) หรือตำแหน่ง DD การบินไทย เมื่อวันที่ 12 มีนาคม 2563 โดยการลาออกมีผลในวันที่ 11 เมษายน 2563 คำถามที่ค้างคาใจคือ แล้วเหตุใดสุเมธไม่ต้องจ่ายค่าปรับในการลาออกก่อนครบกำหนดสัญญาว่าจ้าง
อ้างตามเอกสารของการบินไทย ที่ กบ 01-1/092 วันที่ 12 มีนาคม 2563 เรื่อง กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ และกรรมการบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ขอลาออกจากตำแหน่ง โดยเอกสารดังกล่าวระบุว่า คณะกรรมการบริษัทฯได้พิจารณาแล้ว จึงมีมติให้ลาออกได้ โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 11เมษายน 2563 เป็นต้นไป
ทั้งนี้ เมื่ออ้างอิงตามข้อความในสัญญาจ้างผู้บริหารในตำแหน่งกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ที่ทำขึ้นเมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2561 ระหว่างบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) โดย เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ ประธานกรรมการ ผู้มีอำนาจกระทำการแทน ซึ่งในสัญญาระบุว่าเป็นผู้ว่าจ้าง ที่ทำกับสุเมธ ดำรงชัยธรรม ซึ่งในสัญญาระบุว่าเป็นผู้รับจ้าง
วัตถุประสงค์การว่าจ้างให้ดำรงตำแหน่ง DD มีโดยสรุปดังนี้ ว่าจ้างเป็นเวลาไม่เกิน 4 ปี โดยผู้รับจ้างต้องมีอายุไม่เกิน 60 ปี ในช่วงเวลาของสัญญาว่าจ้าง
ภารกิจสำคัญที่ระบุในสัญญาว่าจ้างคือ ผู้รับจ้างต้องเสนอแผนงานที่จะดำเนินการในแต่ละปีต่อคณะกรรมการของผู้ว่าจ้างล่วงหน้าก่อนสิ้นปีงบประมาณของผู้ว่าจ้าง (31 ธันวาคมของทุกปี)เพื่อให้คณะกรรมการของผู้ว่าจ้างให้ความเห็นชอบ โดยแผนงานดังกล่าวต้องมีเนื้อหาสาระที่แสดงถึงวิสัยทัศน์และศักยภาพในการปฏิบัติงานของผู้รับจ้าง อย่างน้อยต้องครอบคลุมถึงแผนงานต่างๆ เช่น แผนธุรกิจประจำปี งบประมาณประจำปี แผนกลยุทธ์ แผนพัฒนาธุรกิจ การพัฒนาองค์กร และการพัฒนาบุคลากร เป็นต้น โดยต้องกำหนดเป้าหมายอันพึงวัดผลได้สำหรับการดำเนินงานตามแผนการนั้นๆ
ในที่นี้ผู้เขียนจะขออนุญาตไม่เปิดเผยข้อมูลค่าตอบแทนและผลประโยชน์ที่ DD การบินไทยได้รับ แต่จะขอพูดถึงการสิ้นสุดของสัญญาโดยจะกล่าวถึงพอสังเขปคือ สัญญานี้จะสิ้นสุดเมื่อ ผู้รับจ้างตาย ทำงานครบกำหนดตามสัญญาจ้าง ขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามตามกฎหมายว่าด้วยคุณสมบัติตามมาตรฐานสำหรับคณะกรรมการและพนักงานรัฐวิสาหกิจ พ.ศ. 2518 และฉบับแก้ไขเพิ่มเติม หรือข้อบังคับของบริษัท การบินไทย และระเบียบข้อบังคับที่เกี่ยวข้อง หรือปรากฏภายหลังว่าผู้รับจ้างขาดคุณสมบัติตามที่ผู้รับจ้างได้แสดงไว้ ซึ่งในกรณีนี้ผู้ว่าจ้างมีสิทธิเรียกร้องค่าเสียหายจากผู้รับจ้างได้
ผู้ว่าจ้างมีสิทธิเลิกจ้างผู้รับจ้างได้โดยไม่ต้องบอกกล่าวล่วงหน้า และไม่ต้องจ่ายค่าชดเชยใดๆ ในกรณีที่ผู้รับจ้างกระทำการดังนี้ ทุจริตต่อหน้าที่ กระทำความผิดอาญาโดยเจตนา จงใจทำให้ผู้ว่าจ้างได้รับความเสียหาย กระทำการเกินขอบเขตอำนาจหรือประมาทเลินเล่อเป็นเหตุให้ผู้ว่าจ้างได้รับความเสียหายร้ายแรง ฝ่าฝืนข้อบังคับ กฎระเบียบ คำสั่งของผู้ว่าจ้างอันชอบด้วยกฎหมายไม่ปฏิบัติตามสัญญา แม้ผู้ว่าจ้างได้ตักเตือนเป็นลายลักษณ์อักษรแล้ว แต่ผู้รับจ้างมิได้แก้ไขตามที่ได้รับหนังสือเตือน เว้นแต่กรณีร้ายแรงที่ผู้ว่าจ้างไม่จำเป็นต้องตักเตือน ละทิ้งหน้าที่เป็นเวลาสามวันติดต่อกันโดยไม่มีเหตุอันควร
คณะกรรมการของผู้ว่าจ้างด้วยจำนวนเสียงไม่น้อยกว่าสามในสี่ของจำนวนกรรมการที่อยู่ในตำแหน่ง (ไม่นับรวมผู้รับจ้าง หากผู้รับจ้างร่วมเป็นกรรมการอยู่ด้วย) สามารถมีมติให้เลิกสัญญาจ้างได้ในกรณีหนึ่งกรณีใด ดังต่อไปนี้ แผนงานของผู้รับจ้างไม่ผ่านการพิจารณา แผนการปฏิบัติงานของผู้รับจ้างไม่ผ่านการประเมิน ผู้รับจ้างเจ็บป่วยหรือทุพพลภาพจนไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่ง DD ได้อีกต่อไป ให้ถือว่ามติกรรมการของผู้ว่าจ้างถือเป็นที่สุด และผู้รับจ้างตกลงยอมรับในมติดังกล่าว ทั้งนี้การเลิกสัญญา ผู้ว่าจ้างไม่จำเป็นต้องบอกกล่าวล่วงหน้าและจ่ายค่าชดเชยใดๆ
ทั้งนี้หากผู้ว่าจ้างต้องการบอกเลิกสัญญาก่อนครบกำหนดเวลา โดยผู้รับจ้างไม่ได้เป็นฝ่ายผิดสัญญา ผู้ว่าจ้างจะต้องมีหนังสือบอกกล่าวไปยังผู้รับจ้างเป็นเวลาไม่น้อยกว่าสามสิบวัน โดยผู้ว่าจ้างจะจ่ายเงินค่าตอบแทนเท่ากับค่าจ้างเดือนสุดท้ายของผู้รับจ้างคูณด้วยระยะเวลาที่เหลืออยู่แต่ไม่เกินหกเดือน
หากผู้รับจ้างประสงค์จะลาออกก่อนครบระยะเวลาการว่าจ้าง โดยมีเหตุอันสมควรให้ยื่นหนังสือลาออกต่อประธานคณะกรรมการของผู้ว่าจ้างล่วงหน้าไม่น้อยกว่าสามสิบวัน หากผู้รับจ้างลาออกโดยไม่มีเหตุผลอันสมควร หรือผู้รับจ้างไม่ได้ยื่นหนังสือลาออกล่วงหน้าตามระยะเวลาที่กำหนด ผู้รับจ้างต้องชดใช้เงินให้แก่ผู้ว่าจ้างเท่ากับค่าจ้างเดือนสุดท้ายของผู้รับจ้างคูณด้วยระยะเวลาที่เหลืออยู่ แต่ไม่เกินหกเดือน ทั้งนี้ไม่ตัดสิทธิผู้ว่าจ้างที่จะเรียกร้องค่าเสียหายตามข้อ 2.6
ทั้งหมดทั้งมวลที่กล่าวมาในข้างต้นนี้ คือสิ่งที่ผู้เขียนพยายามจะให้ข้อเท็จจริงโดยสังเขปของการว่าจ้างสุเมธเพื่อให้ดำรงตำแหน่ง DD การบินไทย
ขอกลับไปที่ประเด็นสำคัญคือ การลาออกก่อนครบกำหนดสัญญาว่าจ้างระหว่างการบินไทยกับสุเมธ เกิดมาจากเหตุผลใด แล้วทำไมคณะกรรมการบริษัทการบินไทยจึงอนุมัติให้ลาออกก่อนกำหนด โดยไม่มีการเรียกเก็บค่าปรับจากสุเมธ
หากคณะกรรมการของการบินไทยบอกเลิกสัญญาโดยไม่เป็นธรรมต่อสุเมธก่อน การบินไทยก็ต้องจ่ายค่าชดเชยให้สุเมธ แต่การที่สุเมธขอลาออกจากการเป็น DD ของการบินไทยก่อนครบกำหนดสัญญาจ้าง โดยไม่มีเหตุอันควร สุเมธก็จะต้องเสียค่าปรับให้การบินไทย
แต่ทำไมการลาออกของสุเมธทั้งๆ ที่ยังไม่ครบกำหนดสัญญาจ้างจึงได้รับการอนุมัติ แล้วเหตุใดจึงไม่มีการปรับใดๆ เกิดขึ้น เรื่องนี้คือคำถามที่สาธารณชนผู้ติดตามเรื่องราวของการบินไทยให้ความสนใจ และต้องการทราบคำตอบที่กระจ่างชัด
อันที่จริงยังมีคำถามอีกมากมายก่ายกองเกี่ยวกับการที่สุเมธเข้าไปนั่งกินตำแหน่ง DD การบินไทย อาทิ ใครเป็นคนสนับสนุนสุเมธ หรือหากจะถามให้ตรงประเด็นคือ นักการเมืองคนไหนส่งสุเมธเข้าไปกินตำแหน่งนี้ ทั้งๆ ที่สุเมธไม่เคยมีประสบการณ์ในธุรกิจการบินแม้แต่น้อย อันที่จริงหากย้อนกลับไปดูการแต่งตั้งDD การบินไทยระยะ 10 กว่าปีที่ผ่านมานั้น ก็เห็นอย่างชัดเจนว่า DD การบินไทยเกือบทุกคนไม่มีประสบการณ์ตรงด้านธุรกิจการบินพาณิชย์เลย ทั้งนี้คนใการบินไทยหลายคนที่ผู้เขียนได้มีโอกาสพูดคุยด้วย รวมถึงสาธารณชนต่างก็ให้ความเห็นสอดคล้องกันว่า การแต่งตั้ง DD การบินไทยนั้นเป็นเรื่องการเมืองมากกว่าการพิจารณาจากคุณสมบัติที่แท้จริง
อันที่จริง ก็ไม่จำเป็นเสมอไปว่าคนที่จะรับตำแหน่งDD การบินไทยต้องมาจากลูกหม้อของการบินไทย ถ้าหากบุคคลภายนอกที่เข้าไปรับตำแหน่งหัวเรือใหญ่ของการบินไทยมีความสามารถที่แท้จริง แล้วมีศักยภาพที่จะนำพาการบินไทยให้รอดพ้นจากหายนภัยต่างๆ ได้ ดูตัวอย่างของ Japan Airlinesที่ต้องอาศัยคนนอกวงการธุรกิจการบิน อย่างเช่น คาซูโอ อินาโมริผู้ก่อตั้งบริษัทเคียวเซรา ที่สามารถเข้าไปฟื้นฟูกิจการของ JapanAirlines ได้ภายในระยะเวลาเพียงปีเศษ โดยอินาโมริสามารถพลิกฟื้นสภาพขาดทุนแบบล้มละลายของ Japan Airlines ให้กลับมามีกำไรได้
แต่ความสำเร็จที่เกิดกับ Japan Airlines ไม่เคยเกิดกับการบินไทยเลย เพราะสาธารณชนได้ประจักษ์แล้วว่า มีคนนอกวงการธุรกิจการบินหลายคนเข้าไปนั่งกินตำแหน่ง DD การบินไทย โดยคนเหล่านั้นล้วนมาจากการผลักดันของนักการเมืองทั้งสิ้น แต่สุดท้ายการบินไทยก็ตกอยู่ในสภาพสาละวันเตี้ยลง เตี้ยลงเป็นลำดับ แต่ในมุมตรงกันข้ามกลับพบว่า DD การบินไทยอู้ฟู่ขึ้นมาทันตาเห็น เพราะได้รับเงินจำนวนเกือบล้านบาท
อย่างไรก็ตาม ขอตั้งคำถามทิ้งท้ายสำหรับวันนี้คือ เมื่อไรหนอการบินไทยจะมี DD ที่รอบรู้ธุรกิจการบินอย่างแท้จริง และเมื่อไรหนอที่นักการเมืองจะไม่ส่งคนของตนเองเข้าไปนั่งกินตำแหน่ง DD การบินไทย (รวมถึงไม่ส่งคนที่ไม่มีความรู้ด้านธุรกิจการบินเข้าไปนั่งเป็นกรรมการบริษัทการบินไทย) ส่วนคำถามสำคัญของสัปดาห์นี้คือ ทำไมสุเมธจึงลาออกจากตำแหน่ง DD การบินไทยแล้วไม่ต้องเสียค่าปรับ ทั้งๆที่การบินไทยมีสัญญาเป็นลายลักษณ์อักษรชัดเจน หรือว่ากรรมการบริษัทการบินไทยคนไหนที่อนุมัติให้การลาออกจากตำแหน่งDD ในครั้งนี้ไม่ต้องมีการจ่ายค่าปรับให้การบินไทย ถ้าหากไม่รักษาสัญญาแล้ว จะต้องทำสัญญาไปเพื่ออะไรมิทราบ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี