ขอบอกตรงๆ ว่าสังคมไทยยังมีคนจำพวกหนึ่งที่ชอบนำซากศพของคนที่เสียชีวิตเนื่องจากเหตุการณ์ความไม่สงบทางการเมืองหรือพูดง่ายๆ คือการประท้วงทางการเมืองแล้วมีคนตาย โดยคนที่ตายไปแล้วก็ยังถูกนำไปเป็นช่องทางหากินทางการเมืองของคนจำพวกชอบแห่ซากศพไปหากินเพื่อปากเพื่อท้องและเพื่ออำนาจรัฐของตนเอง โดยไม่ได้ให้ความสลักสำคัญอย่างแท้จริงกับการแสวงหาความจริงของเหตุการณ์ความไม่สงบนั้นๆ
ผู้เขียนเชื่อว่าคนไทยจำนวนไม่น้อยต่างรู้ดีว่าในบ้านเมืองไทยของเรานั้นได้เกิดเหตุนองเลือดอันเนื่องจากเหตุการณ์ความไม่สงบทางการเมืองมาแล้วอย่างน้อยๆ หลายครั้ง อาทิ เหตุการณ์ 14 ตุลาฯ 16 เหตุการณ์ 6 ตุลาฯ 19 เหตุการณ์พฤษภาทมิฬ 35 แล้วก็เหตุการณ์เผากรุงเทพฯ 53
เรื่องราวเหล่านี้ยังอยู่ในความทรงจำของคนไทยที่ยังมีสติปัญญาบริบูรณ์ หลายคนยังคงตามหาคำตอบอย่างไม่หยุดยั้งว่าใครฆ่าประชาชน แล้วประชาชนที่ถูกฆ่านั้นคือใคร ถูกฆ่าเพราะเหตุใด หลายคนบอกว่าคนที่เสียชีวิตในเหตุการณ์ความไม่สงบทุกครั้งที่เกิดขึ้นถูกอุปโลกน์ให้เห็นวีรชน ทั้งๆ ที่หลายคนตายเพราะเหตุไม่คาดคิด ไม่ได้ตายเพราะออกไปต่อสู้เรียกร้องประชาธิปไตยเสมอไป แต่เขาเหล่านั้นก็ถูกนักการเมืองบางกลุ่ม คนสอนหนังสือในมหาวิทยาลัยบางจำพวกที่เน้นความเด่นดังส่วนตัว รวมถึงเหล่า NGOs จำพวกที่ชอบอวดอ้างหาหน้าตา หาชื่อเสียงเพื่อผลประโยชน์ของตนแห่เอาซากศพของคนที่ล้มตายไปแล้วไปหากินอย่างไร้ยางอาย
คุณแน่ใจหรือว่าคนทุกคนที่ล้มตายในเหตุการณ์ความไม่สงบทางการเมืองคือวีรบุรุษจริงๆ คุณแน่ใจหรือว่าคนที่ล้มตายนั้นไม่ได้ถูกหลอกให้ออกไปตาย โดยคนบางกลุ่มที่ต้องการจะโหมกระแสให้เกิดความแตกหักทางการเมือง เพื่อให้ตนเองได้ขึ้นไปเสวยอำนาจรัฐ
แน่นอนว่า ไม่มีใครปฏิเสธว่าได้เกิดการสังหารประชาชนจำนวนหนึ่งในเหตุการณ์ความไม่สงบทางการเมืองที่เกิดขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่าในบ้านเมืองของเรา แล้วก็ไม่มีใครปฏิเสธด้วยว่า ทุกครั้งเมื่อเกิดการล้มตายของประชาชน ศพของประชาชนก็ถูกนำไปเป็นประเด็นทางการเมืองทุกครั้งไป โดยที่เมื่อเอาเข้าจริงๆ แล้วคนที่ล้มตายไปก็ไม่ได้รับการช่วยเหลือเจือจุนแต่อย่างใด ครอบครัวของเขาก็ยังคงต้องเป็นผู้สูญเสียเช่นเดิม ส่วนคนที่แห่ซากศพไปหากินก็ได้หน้าได้ตาได้ผลประโยชน์ทางการเมืองไปกินอย่างเป็นกอบเป็นกำจนถึงขนาดที่ว่าคนจำพวกนี้กล้าอุปโลกน์ตัวเองว่าเป็นวีรบุรุษประชาธิปไตยไปโดยปริยาย ทั้งๆ ที่ในความเป็นจริงแล้ว คนจำพวกนี้เป็นได้แค่เพียงคนหากินกับซากศพเท่านั้น
ขอให้คุณลองพิจารณาให้ดีแล้วจะพบว่าหน้าตาชื่อเสียงของคนที่หากินกับซากศพของผู้เสียชีวิตจากเหตุความไม่สงบทางการเมืองเป็นใครกันบ้าง บางคนได้เสวยตำแหน่งรัฐมนตรี บางคนได้เสวยสุขบนเก้าอี้ สส. บางคนได้ดีมีสุขในนามของ NGOs ที่อวดอ้างว่าทำเพื่อวีรชน บางคนก็มีฐานะร่ำรวยในบทบาทของนักธุรกิจแต่ยังอุตส่าห์ชื่อว่านักธุรกิจเพื่อประชาธิปไตย บางคนก็ผันตัวเองไปเป็นนักการเมืองหน้าใหม่ที่พยายามตะกายหาอำนาจรัฐเพื่อผลประโยชน์ของตนเอง
สังคมไทยคงจะต้องเวียนว่ายอยู่กับเรื่องพรรค์อย่างนี้ไปเรื่อยๆ ตราบเท่าที่สังคมไทยยังไม่สามารถทำความจริงในเรื่องเหล่านี้ให้กระจ่างชัดได้ คนที่ฆ่าประชาชนก็ไม่ต้องได้รับความผิดตามกฎหมาย ส่วนคนที่ตายไปแล้วก็ยังคงถูกคนกลุ่มหนึ่งที่พยายามตะกายหาอำนาจรัฐนำซากศพไปหากินซ้ำแล้วซ้ำเล่า เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นในสังคมไทยมายาวนานหลายทศวรรษแล้ว แล้วคงจะต้องเกิดไปเรื่อยๆ ไม่รู้จบ ตราบเท่าที่สังคมไทยยังเต็มไปด้วยคนที่พึงพอใจกับการหากินกับซากศพ ด้วยการเหยียบศพขึ้นไปสู่การมีอำนาจรัฐ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี