วันพฤหัสบดี ที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2568
.jpg)
เมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม 2563 ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ(คนร.) เห็นชอบแนวทางแก้ปัญหาบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ด้วยการยื่นฟื้นฟูกิจการ ต่อศาล (ไม่ใช่ยื่นเพื่อล้มละลาย แต่ยื่นเพื่อขอฟื้นฟูกิจการ)
1. แนวทางนี้ คือ ทางรอดที่จำเป็นต้องเลือกของการบินไทย
หลายฝ่าย มีข้อเสนอ สนับสนุนให้เลือกแนวทางนี้
ก่อนหน้านี้ มีข้อเสนอของ อ.วิชา มหาคุณ – คุณอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี –ดร.สามารถ ราชพลสิทธิ์
หรือแม้แต่รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม คุณถาวร เสนเนียม
การไปยื่นต่อศาลเพื่อขอฟื้นฟูกิจการ แม้อาศัยช่องทางตามกฎหมายล้มละลาย แต่มิใช่การไปยื่นขอล้มละลาย หรือเลิกกิจการ ตรงกันข้าม หากศาลรับเรื่องฟื้นฟูกิจการ กลับเป็นหลักประกันมั่นคงว่า กิจการของการบินไทยจะยังคงดำเนินต่อไปได้อย่างต่อเนื่องในระหว่างดำเนินการตามแผนฟื้นฟูกิจการหลังจากนี้
2. ล่าสุด นางสาวรื่นวดี สุวรรณมงคล เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และอดีตอธิบดีกรมบังคับคดี เขียนบทความ เรื่อง “การฟื้นฟูกิจการกับการล้มละลาย - ถนนคนละเส้นคนละสาย” แจกแจงรายละเอียดประเด็นขั้นตอนทางกฎหมาย และแนวทางที่ชัดเจนตามกฎหมาย
ท่านเป็นอดีตเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ กรมบังคับคดีโดยตรง
ปัจจุบัน เป็นเลขาฯก.ล.ต. (บทความเป็นความเห็นส่วนตัว)
เนื้อหาสาระจึงน่าสนใจมาก ขอสรุปความบางตอน ดังนี้
2.1 การฟื้นฟูกิจการ ไม่ใช่การล้มละลาย หรือการที่ถูกศาลสั่งพิทักษ์ทรัพย์
บางคนเข้าใจผิดว่าการยื่นขอฟื้นฟูกิจการคือการยื่นขอล้มละลาย เพราะบทบัญญัติของกฎหมายว่าด้วยการฟื้นฟูกิจการ กำหนดไว้ในพระราชบัญญัติล้มละลาย
ในประเทศสหรัฐอเมริกา คำว่า Chapter 11 การฟื้นฟูกิจการ แม้บัญญัติไว้ในกฎหมายล้มละลายเหมือนกัน แต่ก็แยกเป็นคนละเรื่องชัดเจนเช่นเดียวกัน
ดังนั้น การฟื้นฟูกิจการกับการล้มละลาย เป็นถนนคนละเส้นคนละสาย อย่างแน่นอน
2.2 การฟื้นฟูกิจการ ถือเป็นการรักษาให้กิจการยังคงสามารถดำเนินธุรกิจได้ตามปกติ
พูดง่ายๆ ว่า ผู้ยื่นขอให้มีการฟื้นฟูกิจการ ต้องการรักษาความเป็นกิจการที่ต้องทำอย่างต่อเนื่อง (going concern) จะเปิดโอกาสให้มีการเจรจาปรับโครงสร้างหนี้ระหว่างเจ้าหนี้ทั้งหลาย ทั้งเจ้าหนี้ภายในและต่างประเทศ
และที่ขาดไม่ได้ คือ จะเปิดโอกาสให้มีการปรับปรุงโครงสร้างองค์กร กระบวนการทำงาน และแผนธุรกิจ เพื่อให้การทำงานมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นโดยอาจมีผู้บริหารมืออาชีพจากภายนอกบริษัทมาร่วมดำเนินการ
ส่วนการล้มละลายหรือการถูกศาลสั่งพิทักษ์ทรัพย์นั้น จะมุ่งไปสู่กระบวนการค้นหาและรวบรวมทรัพย์สินของลูกหนี้เพื่อนำมาแบ่งให้กับเจ้าหนี้ โดยการยึดหรืออายัดและนำมาขายทอดตลาด โดยในขณะที่ถูกศาลสั่งพิทักษ์ทรัพย์นั้น เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ กรมบังคับคดี จะเป็นผู้ที่เข้ามาทำหน้าที่จัดการเกี่ยวกับทรัพย์สินของลูกหนี้
2.3 การฟื้นฟูกิจการ เกิดขึ้นได้อย่างไร?
การฟื้นฟูกิจการจะเกิดขึ้นได้ เมื่อมีการยื่นคำขอฟื้นฟูกิจการไปยังศาลล้มละลายกลาง
คือ กฎหมายกำหนดให้ทั้งเจ้าหนี้หรือลูกหนี้สามารถยื่นคำร้องขอให้มีการฟื้นฟูกิจการของลูกหนี้ได้ เมื่อเข้าเงื่อนไขดังนี้ คือ
(1) ลูกหนี้มีหนี้สินล้นพ้นตัว หรือลูกหนี้ไม่สามารถที่จะชำระหนี้ตามกำหนดได้(inability to pay)
(2) เป็นหนี้เจ้าหนี้คนเดียวหรือหลายคนรวมกันเป็นจำนวนแน่นอนไม่น้อยกว่า 10 ล้านบาท ในกรณีของธุรกิจขนาดใหญ่ หรือกรณีเอสเอ็มอีก็มีเงื่อนไขลดหลั่นลงมา เป็นต้น
(3) หนี้จำนวนแน่นอนดังกล่าว จะถึงกำหนดชำระในทันทีหรือในอนาคตก็ได้
(4) มีเหตุอันสมควรและมีช่องทางที่จะฟื้นฟูกิจการของลูกหนี้
2.4 กระบวนการบริหารจัดการ ภายหลังที่ศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งรับคำขอฟื้นฟูกิจการ
จุดนี้ ถือว่าเป็นหัวใจสำคัญของการฟื้นฟูกิจการ
คือ เมื่อศาลสั่งรับคำขอฟื้นฟูกิจการ สภาวะการพักการชำระหนี้หรือที่เรียกกันทั่วไปว่าautomatic stay เกิดขึ้นทันทีนับตั้งแต่วันที่ศาลมีคำสั่งรับคำร้องขอฟื้นฟูกิจการไว้เพื่อพิจารณา จนถึงวันครบกำหนดระยะเวลาดำเนินการตามแผน หรือวันที่ดำเนินการสำเร็จตามแผน หรือวันที่ศาลมีคำสั่งยกคำร้องขอหรือจำหน่ายคดีหรือยกเลิกคำสั่งให้ฟื้นฟูกิจการหรือยกเลิกการฟื้นฟูกิจการหรือพิทักษ์ทรัพย์ของลูกหนี้เด็ดขาด
สภาวะการพักการชำระหนี้ นี้เอง ที่เป็นประโยชน์แก่ลูกหนี้และเป็นจุดแข็ง
ทั้งนี้ เพื่อให้กิจการสามารถดำเนินการไปต่อได้และดูแลสภาพคล่อง(liquidity) ของธุรกิจ โดยไม่ต้องกังวลว่าธุรกิจหรือกิจการจะถูกเรียกให้ชำระหนี้หรือถูกฟ้องร้อง
สภาวะการพักการชำระหนี้ หากกล่าวให้เห็นภาพ เสมือนหนึ่งธุรกิจหรือกิจการจะอยู่ภายใต้ร่มคันใหญ่ที่จะป้องกันการถูกฟ้องร้อง ถูกบังคับคดี ถูกบังคับชำระหนี้ ถูกงดให้บริการสาธารณูปโภคต่างๆ เป็นต้น
อย่างไรก็ดี ประโยชน์ข้างต้นที่ลูกหนี้จะได้รับ ต้องเป็นกรณีที่ลูกหนี้ใช้สิทธิโดยสุจริต ไม่ได้อาศัยการพักชำระหนี้เป็นเหตุของการประวิงคดี ดังสุภาษิตกฎหมายที่ว่า“ผู้ที่มาพึ่งศาล จะต้องมาศาลด้วยมือสะอาด” (He who comes to equity must come with clean hands)
สำหรับหน้าที่ของลูกหนี้ในช่วงเวลาดังกล่าวมีอย่างไรนั้น กฎหมายก็ได้กำหนดไว้ชัดเจนว่าลูกหนี้ยังสามารถประกอบธุรกิจตามที่จำเป็นของธุรกิจเท่านั้น เพื่อให้การดำเนินการค้าตามปกติของลูกหนี้สามารถดำเนินการต่อไปได้ ดังนั้น ลูกหนี้จะจำหน่าย จ่าย โอน ให้เช่า ชำระหนี้ ก่อหนี้ หรือกระทำการใดๆ ที่ก่อให้เกิดภาระในทรัพย์สินไม่ได้ เว้นแต่ศาลจะมีคำสั่งเป็นอย่างอื่น
2.5 ผู้ทำแผนและผู้บริหารแผน คือใคร?
ผู้ทำแผนและผู้บริหารแผน เป็นผู้ที่มีบทบาทสำคัญในการจัดทำแผนฟื้นฟูกิจการและบริหารกิจการและทรัพย์สินของลูกหนี้ตามแผนฟื้นฟูกิจการ โดยต้องเป็นผู้ที่มีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามตามที่กฎหมายกำหนด
ผู้ทำแผน หมายถึง ผู้จัดทำแผนฟื้นฟูกิจการ โดยจะเป็นผู้ที่ศาลมีคำสั่งตั้งเพื่อจัดทำแผนฟื้นฟูกิจการ
ในการเสนอผู้ทำแผน กฎหมายกำหนดให้ทั้งลูกหนี้หรือเจ้าหนี้สามารถเสนอผู้ทำแผนได้ ซึ่งหากศาลเห็นว่าผู้ที่เสนอเป็นผู้ทำแผนยังไม่สมควรเป็นผู้ทำแผน หรือมีการคัดค้าน ศาลจะสั่งให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จัดประชุมเจ้าหนี้โดยเร็ว เพื่อให้เจ้าหนี้ได้ลงมติในการเลือกผู้ทำแผน และเมื่อที่ประชุมเจ้าหนี้เลือกผู้ทำแผนได้แล้ว เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ต้องรายงานศาลทราบเพื่อพิจารณามีคำสั่งต่อไป
ผู้บริหารแผน หมายถึงผู้จัดการกิจการและทรัพย์สินของลูกหนี้ตามแผนฟื้นฟูกิจการ กฎกระทรวงกำหนดคุณสมบัติและลักษณะต้องห้าม ทำนองเดียวกับผู้ทำแผน เว้นแต่วัตถุประสงค์ในการประกอบธุรกิจ กำหนดให้เป็นที่ปรึกษาทางด้านการบริหารงาน
แผนฟื้นฟูกิจการที่เป็นความตกลงระหว่างเจ้าหนี้และลูกหนี้ เป็นแผนฟื้นฟูกิจการที่ประชุมเจ้าหนี้มีมติยอมรับแผน และศาลมีคำสั่งเห็นชอบด้วยแผนแล้ว โดยกฎหมายกำหนดให้แผนฟื้นฟูกิจการมีรายละเอียดต่างๆ โดยเฉพาะหลักการและวิธีการฟื้นฟูกิจการ อันประกอบด้วย ขั้นตอนของการฟื้นฟูกิจการ การชำระหนี้ การยืดกำหนดเวลาชำระหนี้ การลดจำนวนหนี้ลง และการจัดกลุ่มเจ้าหนี้ การลดทุนและเพิ่มทุน การก่อหนี้และระดมเงินทุน แหล่งเงินทุนและเงื่อนไขแห่งหนี้สินและเงินทุน การจัดการและการหาประโยชน์จากทรัพย์สินของลูกหนี้ และเงื่อนไขการจ่ายเงินปันผลและประโยชน์อื่นใดรวมทั้งแนวทางแก้ปัญหาในกรณีขาดสภาพคล่องชั่วคราวระหว่างการปฏิบัติตามแผน
2.6 กิจการภายหลังจากการเข้าสู่การฟื้นฟูกิจการ ลูกหนี้จะกลับมาบริหารกิจการได้หรือไม่
การเข้ากระบวนการฟื้นฟูกิจการเปรียบเสมือนคนไข้ที่มีอาการป่วยเข้ารับการรักษาตัวเพื่อดูแลรักษาให้หายจากการเจ็บป่วย โดยปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ ภายหลังจากนั้น เมื่อคนไข้หายป่วยและมีร่างกายที่แข็งแรงและทำอะไรได้ตามปกติ
ที่ผ่านมา มีบริษัทหลายบริษัทที่เข้ากระบวนการฟื้นฟูกิจการ และเมื่อการฟื้นฟูกิจการได้ดำเนินการเป็นผลสำเร็จ ก็กลับมาเป็นบริษัทที่มีความเข้มแข็งและมีการเติบโต ทำนอง “ฟ้าหลังฝน”
เมื่อศาลจะมีคำสั่งยกเลิกการฟื้นฟูกิจการ ในกรณีที่ศาลพิจารณาแล้วเห็นว่าการฟื้นฟูกิจการได้ดำเนินการเป็นผลสำเร็จตามแผน ผู้บริหารของลูกหนี้จะกลับมามีอำนาจหน้าที่ในการจัดการกิจการและทรัพย์สินของลูกหนี้ตามเดิม และผู้ถือหุ้นของลูกหนี้กลับมีสิทธิตามกฎหมายต่อไป
การฟื้นฟูกิจการจึงเป็นทางเลือกหนึ่งของธุรกิจที่ประสบปัญหาการขาดสภาพคล่อง แต่มีเหตุผลความจำเป็นและมีช่องทางในการดำเนินธุรกิจต่อไป
สารส้ม

รัฐบาลเชิญชวนร่วมโครงการ 'เที่ยวดีมีคืน 2568' รับสิทธิลดหย่อนภาษี วันนี้ - 15 ธ.ค 68
(คลิป) เรื่องเล่าจาก 'รมต.ซาบีดา' ความเป็นมาของชุดไทยพระราชนิยม 8 แบบ
(คลิป) ไม่เคยขอ! ยุทธภัณฑ์ทางทหาร ยันไม่ได้ขาดแคลน ประชาชนบริจาคยากที่จะปฎิเสธ
ทร.สกัด 17 ต่างชาติ เชื่อมโยงขบวนการสแกมเมอร์ บริเวณด่านผักกาด
ระทึกทั้งคัน! บัสรับส่ง รด. เสียหลักชนเสาไฟหัก-เพลาขาด เจ็บหลายราย

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี