“หนังสือพิมพ์แนวหน้า - สื่อ อุดมการณ์ มั่นคง ตรงไป ตรงมา” ฉบับนี้“ไม้หน้าสาม”บรรจงร้อยเรียงเรื่องราวในสังคมมาให้ “ท่านผู้มีอุปการคุณ”ได้เสพได้บริโภคข้อมูลข่าวสารที่เป็นข้อเท็จจริงทุกตัวอักษรทุกบรรทัด...
nn ในคอลัมน์ “บุคคลแนวหน้า”ครั้งนี้ขอเริ่มจากการเกาะติดสถานการณ์ “โควิดไนน์ทีน” หลังจาก “ทหารแก่” ประกาศ “ผ่อนปรนคลายล็อกดาวน์” กระทอกสอง...
nn ทว่าที่น่าสนใจมากคือรายงานของทางการจีนที่มีแพทย์ให้ข้อมูลว่า “เชื้อไวรัสโควิดไนน์ทีน” ที่ระบาดระลอกใหม่ทางภาคเหนือออกอาการกลายพันธุ์อย่างมีนัย ผู้ป่วยติดเชื้อจะไม่แสดงอาการนานมากกว่า2 สัปดาห์ ทำให้สามารถติดต่อกันได้ง่ายและเร็วขึ้นแม้ไม่แสดงอาการ แต่ก็เป็นระยะแพร่เชื้อ ยิ่งกว่านั้น “เจ้าเชื้อไวรัสที่กลายพันธุ์” นี้จะมุ่ง “โจมตีปอดของคน” ได้เร็วและแรงขึ้น ซึ่งนักวิทยาศาสตร์จีนกำลังศึกษาหาความเชื่อมโยงและการกลายพันธุ์ครั้งนี้ นั่นแสดงว่า “วิกฤติโควิดไนน์ทีน” ยังไม่สิ้นฤทธิ์ไปเสียทีเดียว...
nn อย่างที่ “ไม้หน้าสาม” พร่ำเห่าหอนตอกย้ำหลายครั้งในคอลัมน์นี้ว่า “ทีมไทยแลนด์”ต้องการ์ดไม่ตก ยังต้องปฏิบัติตามคำแนะนำของกระทรวงสาธารณสุขอย่างเคร่งครัดรัดกุมแล้วเราจะชนะไปด้วยกัน...
nn “ไม้หน้าสาม” เคยบอกกล่าวเรื่อง “การพักชำระหนี้” ไปแล้วว่า แบงก์ชาติสักแต่ออกหนังสือสั่งการโดยมิได้ตรวจสอบการดำเนินการว่าทำตามคำสั่งหรือไม่ทำให้ประชาชนผู้ได้รับผลกระทบจาก “โควิดไนน์ทีน” ได้รับความเดือดร้อน ...
nn แน่นอน!! เมื่อมีคำสั่งให้พักชำระหนี้นั่นหมายถึงเงินต้น ทว่าดอกเบี้ยยังคงทะยานต่อไปเรื่อยมากขึ้น ล่าสุด “ไม้หน้าสาม” ได้รับการร้องเรียนจากคนใกล้ชิดถึงมาตรการเยียวยาของรัฐบาลกรณีการพักชำระหนี้ ซึ่งมีบริษัทเอกชนหลายรายปล่อยสินเชื่อรถยนต์ไม่ปฏิบัติตามมาตรการของรัฐบาลกรณีพักชำระหนี้ 6 เดือน ยังตามกัดจิกหยิกข่วนผู้ซื้อที่ตกทุกข์ได้ยากจากวิกฤติโควิดไนน์ทีนทั้ง ค่าเบี้ยปรับ ค่าติดตามลูกหนี้ค้างชำระ อยากมีรถยนต์ใช้ก็ต้องยอมเป็นหนี้ และเมื่อเป็นหนี้ก็ต้องชดใช้ พร้อมดอกเบี้ยตามข้อตกลงตามสัญญาการซื้อ-ขาย ทว่าในยามวิกฤติที่รุนแรงกว่าข้าวยากหมากแพงเยี่ยงนี้สามัญสำนึกด้านมนุษยธรรม สมควรจะสูงกว่าสำนึกในเรื่องการค้าหรือไม่...
nn เมื่อสองวันก่อน “ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง” มีคำพิพากษาจำคุก 6 ปี 24 เดือน ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสระเกศราชวรมหาวิหาร กรณีฟอกเงินการศึกษาโรงเรียนพระปริยัติธรรม 6 ครั้ง เกือบ 15 ล้านบาท ก็ให้สังเวชใจแก่พุทธศาสนิกชนยิ่งนัก ยังมีเรื่อง “วัตถุนิยม-จิตนิยม” ในสังคม “บรรพชิต ผู้นุ่งห่มจีวร” ถูกพูดถึงอย่างกว้างขวางในห้วงวิกฤติ “ไวรัสโควิดไนน์ทีน” โรงพยาบาล ระบบสาธารณสุขไทยได้รับบททดสอบเป็นที่ประจักษ์ต่อสายตาชาวโลกว่า “เยี่ยมไม่แพ้ชาติใดในโลก” ดีกว่าชาติผู้เจริญและชาติที่พัฒนาแล้วด้วยซ้ำ...
nn ทว่า “สังคมโซเชียล 5จี-เกรียนคีย์บอร์ด” ออกมา เรียกร้องพุทธศาสนิกชนพิจารณา “ไตรสิกขา” สำเหนียกความจริงสนับสนุนการก่อสร้างโรงพยาบาลให้มาก ดีกว่านำเงินไปบริจาค “สร้างอาราม สร้างอุโบสถ สร้างวิหาร” ให้ใหญ่โตมโหฬาร อย่างกรณี “ลัทธิจานบิน(ธรรมกาย)” เป็นกรณีศึกษา ที่ภาพเท็จจริงวันนี้ “ภิกษุไชยบูลย์ สุทธิผล หรือ พระธัมมชโย หรือ พระเทพญาณมหามุนี” เจ้าสำนักหนีอาญาแผ่นดินล่องหนอันตรธานไปแล้ว ซึ่งล่าสุดแว่วว่า “วัดพระธรรมกาย” ออกอาการระส่ำขาดสภาพคล่องอย่างหนัก จากวิกฤติ “โควิดไนน์ทีน” ทำให้กัลยาณมิตรหดหาย ยิ่งมีคำสั่งขอความร่วมมือวัดต่างๆ งดกิจกรรมทางพระพุทธศาสนาด้วย “อาณาจักรธรรมกาย” จะทำเยี่ยงไรกันนี่!! เพื่อให้องค์กรอยู่รอด...
nn “พระป่าสายธรรมยุต” คือ แบบอย่างของภิกษุผู้เคร่งครัดพระธรรมวินัยและเคร่งครัด “ศีล 10 ที่ว่า ชาตรูปรชตปฏิคฺคหณา เวรมณี สิกฺขาปทํ สมาทิยามิ” ไม่จับต้องเงินทอง สภาพวัดป่าจึงมี “เสนาสนะ” ไม่ใหญ่โต ดำรงความเป็นอยู่เรียบง่ายตามพุทธบัญญัติครั้งพุทธกาล เพราะเงินทองคือกิเลสคือศัตรูของเพศ “บรรพชิต” มาถึงบรรทัดนี้ “ไม้หน้าสาม”มีกรณีศึกษาเพื่อพุทธศาสนิกชนจักถ่องแท้ถึงกิจบางอย่าง กรณีครูบำนาญสองสามีภรรยา “อุไร-วีระ น่าบัณฑิต” ชาวทับคล้อ เมืองพิจิตร มีความเลื่อมใสในข้อวัตรปฏิบัติของพระป่าธรรมยุติกนิกาย จึงตกลงใจถวายที่ดิน 8 ไร่ เพื่อที่จะสร้างวัดป่าธัมมะกาโมต้ายสุวรรณน่าบัณฑิต ตามความต้องการของบุพการีผู้ล่วงลับ โดยนิมนต์ “พระชัยวิทย์ สมขาว” (ปัช โชโต) ให้เป็นผู้ดูแลที่พักสงฆ์แห่งนี้ โดยช่วงก่อสร้างวัดให้ “พระชัยวิทย์” มาจำวัดที่บ้านต้ายสุวรรณฯ เป็นการชั่วคราว เมื่อสร้างเสนาสนะพอกันแดดกันฝนในพื้นที่วัดเสร็จก็ให้ย้ายไปจำวัดในพื้นที่วัด ทว่าต่อมา “พระชัยวิทย์” กลับไม่ปฏิบัติตามข้อตกลง ยังคงจำวัดอยู่ในพื้นที่ของโยม...
nn สุดท้าย “พระชัยวิทย์” นำความฟ้องร้องดำเนินคดีสองสามีภรรยา กล่าวหาว่า “ผิดสัญญาไม่ยอมโอนที่ดินให้สร้างวัด” ผลปรากฏว่าศาลมีคำพิพากษาให้ “วีระ น่าบัณฑิต” เป็นผู้ขอจดขึ้นทะเบียนวัด พร้อมตั้งคณะกรรมการวัดโดยมีฝ่ายพระและโยมผู้ถวายที่ดินร่วมสร้างบุญใหญ่ เป็นอันว่าคดีนี้จบไป จากนั้นไม่นาน “ผู้ถวายที่ดินถูกบริษัทบัตรเครดิตกรุงไทยฟ้อง” เพราะผิดนัดไม่ชำระหนี้บัตรเครดิตจำนวน 6 หมื่นบาท ปรากฏว่า “พระชัยวิทย์” ขอทนายความบัตรเครดิตฯร่วม “ฟ้องขัดทรัพย์”ครั้นถึงวันนัดฟังคำพิพากษา ได้นิมนต์พระภิกษุหลายรูปมาฟังคำตัดสิน ศาลพิเคราะห์แล้วพิพากษาว่า คดีนี้ไม่เกี่ยวข้องกับพระชัยวิทย์ จึงนิมนต์ให้พระกลับวัดไป ทว่าทนายพระชัยวิทย์กลับร้องขอชำระหนี้จำนวน 6 หมื่นบาทแทน โดยประสงค์ที่จะให้ยกที่ดินซึ่งมีมูลค่า 5 แสนบาท ตกเป็นของวัด สรุปคดีนี้ศาลพิพากษาให้ “วีระ น่าบัณฑิต” ชดใช้ค่าบัตรเครดิตกับธนาคาร เป็นอันสิ้นสุดคดีนี้ไป “ไม้หน้าสาม” เห็นว่า ไม่ว่า “มหานิกายหรือธรรมยุต” หากปฏิบัติตามพระธรรมวินัย กฎระเบียบต่างๆ ก็เชื่อว่าจะไม่มีเรื่องราวเหล่านี้สร้างความสะเทือนใจพุทธศาสนิกชน งานนี้ “ไม้หน้าสาม”ได้ยินพรายกระซิบว่า มีพระผู้ใหญ่ฝ่ายธรรมยุตจากวัดดังกทม. ร่วมด้วยช่วยกัน จัดงานกฐินที่บ้านโยม ซึ่งไม่น่าจะเป็นเรื่องที่ถูกต้อง เพราะ “กฐินคือบุญใหญ่” จะต้องถวายกับวัด จึงจะเหมาะสม ที่สำคัญ หากไม่แสดงบัญชีรับ-จ่ายโปร่งใส ก็จะนำมาซึ่งปัญหามากมาย แม้แต่พระเถระที่บวชเรียนเป็นสามเณรปฏิบัติดีชอบได้เป็นสมเด็จ หรือท่านเจ้าคุณก็ยังต้องสละจีวรอย่างคดี “เงินทอนวัด” ที่กล่าวมาข้างต้นเป็นคดีอื้อฉาวแล้ว “พุทธบริษัท” พึงสำเหนียก“โยนิโสมนสิการ” คิดให้รอบด้าน จะทำนุบำรุงพุทธศาสนา ทำบุญกับพระก็ต้องศึกษาให้ถ่องแท้ว่าเป็น “เนื้อนาบุญ” เพาะหว่านไปย่อมบังเกิดผลบุญ ถ้าเนื้อนาแห้งแล้ง จะผลิดอกออกผลงอกงามได้อย่างไร การสร้างวัดก็ต้องทำเสนาสนะต่างๆ ให้พร้อมตามระเบียบกำหนด ไม่ใช่ก่อสร้างใหญ่โตหรูหรา บอกบุญจนญาติโยมเดือดร้อนยิ่งพิษเศรษฐกิจยามนี้ “ภิกษุสงฆ์” เองก็ต้องเพียรเผากิเลสมาร อย่าให้วัตถุ กิเลส ตัณหาครอบงำ ปิดทาง “พระนิพพาน” ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค ศึกษาให้ถ่องแท้ ย่อมนำพาสัตว์โลกพ้นจาก “วัฏสงสาร” ไม่คับข้องหมองใจ
ไม้หน้าสาม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี