“บุคคลแนวหน้า” ใน “หนังสือพิมพ์แนวหน้า” ฉบับนี้ “ไม้หน้าสาม”ทำหน้าที่นำข้อมูลข้อเท็จจริงทุกมิติรอบด้านมาเสนอแฟนคลับ “แนวหน้า สื่อ อุดมการณ์มั่นคง ตรงไป ตรงมา” เริ่มต้นด้วยอาการกระดี๊กระด๊า เยี่ยงกระดี่ได้น้ำของนักเลงสุราและนักการเมืองสันดานอีกาทั้งหลายหลังจาก “รัฐบาลไต้ก๋งเรือแป๊ะ” ผ่อนคลายปลดล็อกมาตรการคุมเข้มป้องกันภัยจาก “โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 “โควิด-ไนน์ทีน” ยกเลิกมาตรการเคอร์ฟิวเรียบร้อยแล้วซึ่งมีผลตั้งแต่เที่ยงคืนของคืนวันที่ 15 มิถุนายนที่ผ่านมา คงไว้เพียง“พระราชกำหนดบริหารราชการแผ่นดินในสถานการณ์ฉุกเฉิน”เท่านั้น อย่างไรก็ตาม ขอพี่น้องคนไทยพึงอย่าประมาทใช้ชีวิตปกติบนสมการของความชะล่าใจ “การ์ดต้องไม่ตก” ยังต้องสวมใส่หน้ากากอนามัย ทานร้อนช้อนตัวเอง เว้นรักษาระยะห่างทางสังคมต่อไป เพราะหลายประเทศเป็นตัวอย่างเป็นบทเรียนที่ดีสำหรับ “ทีมไทยแลนด์” อย่าง “สาธารณรัฐประชาชนจีน” กลับพบผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาระลอกใหม่ในกรุงปักกิ่งเพิ่มอีก 57 ราย โดยเป็นผู้ติดเชื้อภายในประเทศ 39 ราย และผู้ป่วยนำเข้า 18 ราย โดยพบว่าเป็นการติดเชื้อแบบกลุ่มก้อนซึ่ง เชื่อมโยงกับตลาดค้าส่งอาหารแห่งหนึ่งในเมืองหลวง เช่นเดียวกับการพบผู้ติดเชื้อระลอกใหม่ในมหานครโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ที่พบว่าต้นตอของการแพร่ระบาดครั้งนี้มาจากสถาบันเทิงในย่านชินจูกุ ประหนึ่งเป็นการส่งสัญญาณเตือนว่าโควิด-ไนน์ทีน อาจจะรีเทิร์นแพร่ระบาดหนักซ้ำสอง...
nn “คณะก้าวหน้า” ของ“ตี๋ทอน-ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” และ “ด๊อกปิยบุตร แสงกนกกุล” จัด “Common School” ชวนทุกคนมาสำรวจโครงสร้างประเทศไทยผ่านมุมมองใหม่ว่าด้วยรัฐ ตลาด งบประมาณ อำนาจ ระบบราชการ เศรษฐกิจ สังคม การเมือง ตลอดจนความมั่นคงของโลกหลังโควิด ในหลักสูตรพิเศษ “COVID-1984” เปิดช่องยูทูบให้รับชมกันทุกวันอาทิตย์ ดีเดย์ไปแล้วเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ซึ่งมีเนื้อหาเกี่ยวกับ “New Normal” คืออะไร เราได้อะไร และเราต้องเสียอะไรไปในการใช้ “สภาวะยกเว้น” แล้วมันจำเป็นจริงๆ หรือ? ทำไมการใช้งบประมาณแผ่นดินปีละกว่า 3.2 ล้านล้านบาท และการใช้มาตรการช่วยเหลือเยียวยาและฟื้นฟูประเทศจากวิกฤติโควิดนับล้านล้านบาทจำเป็นเพียงใด...
nn “คณะก้าวหน้า-ถอยหลัง” ถนัดชักเข้าชักออกตั้งชื่อหลักสูตรพิสดาร “COVID-1984” มีวาระใดซ่อนเร้นอย่างไรหรือไม่ เพราะหลายคนฉุกคิดว่า 1984 ไปพ้องกับบทประพันธ์ของ “จอร์จ ออร์เวลล์” เจ้าของวรรณกรรม “Animal Farm”นักเขียนเสียดสีการเมืองเมืองผู้ดีที่เขียนขึ้นหลังจากที่สงครามโลกครั้งที่สองสิ้นสุดลงชื่อหนังสือ “Nineteen Eighty-Four-1984” ที่เดิมนั้นหนังสือเล่มนี้จะใช้ชื่อว่า “The Last Man in Europe” ในหนังสือว่าด้วย “ผู้นำสูงสุดหรือที่เรียกว่า Big Brother หรือ พี่เบิ้มที่คอยจับตาดูประชาชนทุกผู้คน โดยเฉพาะสมาชิกในพรรคชั้นนอกไม่ให้หลุดจากแนวคิดของพรรคหรือผู้นำ ผ่านโทรภาพที่เหมือนทีวีรุ่นพิเศษที่สามารถเฝ้ามองและฟังเสียงเรากลับได้ด้วย ถ้าเปรียบโทรภาพใน 1984 น่าจะเหมือนกับ “อินเตอร์เนต”ในปัจจุบัน ที่รัฐบาลแทบทุกประเทศในโลกพยายามเฝ้าตรวจสอบประชาชนทุกคนอยู่เสมอ ว่าคนในประเทศในสังคมกำลังเสิร์ชหาอะไร หรือโพสต์อะไร หรือแม้แต่ใช้งานอยู่ที่ไหน และติดต่อกับใครบ้าง ถ้าใครได้ดูภาพยนตร์สารคดีอย่าง Citizen Four หรือภาพยนตร์ชื่อ Snowden ที่สร้างมาจากส่วนหนึ่งของนาย Edward Snowden ที่ครั้งหนึ่งเคยทำงานให้ CIA กับ NSA ในการสร้างระบบดวงตาพญามารในการตรวจสอบประชาชนทุกคนในสหรัฐผ่านอินเตอร์เนต รวมไปถึงสอดส่องไปยังทุกคนบนโลกหนังสือเล่มนี้เล่าได้อย่างน่าสนใจว่า ระบบชนชั้นที่มีมายาวนานทั้ง 3 ชั้น อย่างชนชั้นล่างที่เป็นคนส่วนใหญ่ ชนชั้นกลางที่เป็นคนส่วนน้อยและชนชั้นนำที่เป็นคนส่วนเฉพาะมากๆ จะยังคงรูปแบบนี้ไปอีกชั่วกัปชั่วกัลป์ เพราะความเท่าเทียมที่แท้จริงนั้นจะไม่มีทางเกิดขึ้นจริง หรือถ้าจะเกิดขึ้นจริงได้ก็จะถูกขัดขวางจนชนชั้นอภิสิทธิ์อันน้อยนิดเพื่อคงสถานะพิเศษตัวเองไว้สะท้อนร่อนแร่อำนาจนิยมของรัฐบาล สังคมที่ถูกปิดกั้นเสรีภาพ ตามสไตล์ถนัดของชนชั้นนำในคณะ ไม้หน้าสาม เชื่อว่าจากนี้ไม่นานไม้ต่อไปไม่พ้นคณะก้าวหน้าอยู่ไม่เป็นสุขจะยกระดับเขย่า “รัฐบาลไต้ก๋งเรือแป๊ะ” ของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี อย่างหลีกเลี่ยงมิได้ เงินเยียวยาต้องนำมาฟื้นฟูประเทศไทยหรือไม่ “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” ตั้งคำถามลักษณะคล้ายการปลุกให้ประชาชนลุกฮือบดขยี้รัฐบาล...
nn จากบรรทัดนี้ “ไม้หน้าสาม”ขอโฟกัสธุรกิจอุตสาหกรรมยานยนต์ทั่วโลกที่ปั่นป่วน “กลุ่มไทยซัมมิท” ก็ตกอยู่ในวังวนนี้ด้วย ควรเปิดหน้าเผชิญกับความจริง อย่า “ยโสโอหังเก่งแต่ตีฝีปาก – สร้างภาพ” แม้เงินงบประมาณถูกใช้ไปเพื่อการต่อสู้กับ“การหยุดยั้งการแพร่ระบาดโรคติดเชื้อโควิด-ไนน์ทีน” แต่งบประมาณที่ใช้ไปก็สามารถรักษาชีวิตให้คนไทยอยู่รอดปลอดภัยจากการแพร่ระบาดโควิดได้ ประดา“กลุ่มชังชาติ –ไอ้มะกอกสามตะกร้า”ถนัดหลอกด่ารัฐบาลแบบไม่ลืมหูลืมตา ขณะที่เวทีโลกชื่นชมประเทศไทยเป็นอันดับสองของโลก...
nn จริงๆ ไม่อยากเอ่ยให้เป็นเสนียดปาก เขียนให้เป็นจัญไรบน “หนังสือพิมพ์แนวหน้า และ แนวหน้าออนไลน์” ทว่าก๊วนติ่งแม้ว พรรคเพื่อไทยก็เช่นกัน จะเป็นจะตายให้ได้กระเสือกกระสนคืบคลาน “กระดึ้บ!!”ออกมาเรียกร้องให้มีการจัดการเลือกตั้งท้องถิ่นโดยเร็ว “สุทิน คลังแสง - ประธานวิปฝ่ายค้าน - สส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย” ตีอกชกลมหลังอดีตผู้ร่วมฟาร์ม“เนติบริกร - วิษณุ เครืองาม” ระบุว่า การเลือกตั้งท้องถิ่นอาจจะล่าช้าเลื่อนออกไปไม่มีกำหนดเพราะโยกงบประมาณไปแก้ปัญหา “โควิด-ไนน์ทีน” ติ่งแม้วได้ยินได้ฟังก็ชี้เปรี้ยงว่า รัฐบาลไม่มีความจริงใจกระจายอำนาจ “ไม้หน้าสาม” มีคำถามว่า แล้วที่กระจายอำนาจไป เป็นหัวคณะพรรคเพื่อไทยด้วยซ้ำ อาทิ ใช้ “งบประมาณกว่า 16 ล้านบาท จัดซื้อเซตแคร์ทุจริตมโหฬารที่เมืองลำพูนเป็นข่าวครึกโครม มีผู้ร่วมฟาร์มตัวไหนออกมาตีออกชกข่าวเป็นเดือดเป็นแค้นเอาผิดทางสังคมบ้างหรือไม่” อย่างนี้คือผลงานการกระจายอำนาจของรัฐบาลนี้หรือไม่ฤๅน้อยไปไม่อิ่ม????หากคุณสุทินลืมจะเพราะด้วยสังขารและความสูงวัยหรืออะไรก็ตาม “ไม้หน้าสาม”แนะให้ไปเปิดยูทูบดูรายละเอียด มีคำสัมภาษณ์ของนายกอบจ.นักการเมืองท้องถิ่นในสังกัดเพื่อไทยฟาร์มแล้วช่วยพิจารณาเรื่องนี้ด้วยเผยแพร่ต่อสาธารณชนด้วยเถิด...
nn พูดเรื่องเลือกตั้งแล้ว “ไม้หน้าสาม”ปิดท้ายด้วย “การเลือกกรรมการเนติบัณฑิตยสภา” ชุดใหม่กำลังจะมีขึ้นใน รักใครชอบใครส่งบัตรลงคะแนนเลือกภายในวันที่ 28 มิถุนายนนี้ โดยจะมีการตรวจนับคะแนนในวันที่ 29 มิถุนายน ทั้งนี้ผู้มีสิทธิเลือกกรรมการเนติบัณฑิตยสภามี 4 ประเภทด้วยกัน คือ 1.ผู้พิพากษาปัจจุบัน ต้องเลือกผู้พิพากษาปัจจุบัน 5 คน 2.อัยการปัจจุบันเลือกอัยการปัจจุบัน 5 คน 3.ทนายความปัจจุบันที่จบเนติเลือกทนายความปัจจุบัน 5 คน และ 4.ผู้ที่จบเนติ แต่ไม่ได้เป็นผู้พิพากษา อัยการ ทนายความปัจจุบัน เช่น อาจารย์ นิติกร ข้าราชการทั่วไป ข้าราชการบำนาญทุกประเภท (ไม่ว่าจะเป็นทนายความหรือผู้พิพากษา อัยการ ทนายความมาก่อนหรือไม่) ทหาร ตำรวจ มีสิทธิเลือกบุคคลอื่นที่จบเนติ 5 คน น่าสนใจตรงที่สายบุคคลอื่นที่เป็นที่นิยมนับถือมีผลงานเป็นที่ยอมรับหลายท่านเสนอตัวรับเลือก อาทิ “อรรถพลใหญ่สว่าง” ประธานกรรมการอัยการ อดีตอัยการสูงสุด และ “สัตยา อรุณธารี” อดีตกรรมการอัยการ ส่วนสายตุลาการที่น่าสนใจได้แก่ “วิบูลย์ แสงชมพู” ผู้พิพากษาศาลฎีกา ที่เห็นว่าถึงเวลาปรับฐานสู่วิถีทางใหม่ พร้อมชูวิสัยทัศน์ “เนติบัณฑิตยสภาเป็นศูนย์กลางแหล่งความรู้กฎหมายชั้นสูง” ของไทย เพื่อสร้างนักกฎหมายที่ดีรับใช้สังคม
ไม้หน้าสาม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี