วันอังคาร ที่ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2568
วันนี้คิดว่าจะเฉาะรัฐธรรมนูญที่กำลังจะนำไปทำประชามติในเร็วๆ นี้ ว่าเป็นรัฐธรรมนูญที่เป็นกฎเป็นกติกาอันจะนำพาประเทศชาติบ้านเมืองไปสู่การปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขได้มากน้อยแค่ไหน แต่เมื่อเหลือบดูปฏิทินแล้วพบว่าวันสงกรานต์และวันขึ้นปีใหม่ไทยกำลังยืนรออยู่หน้าประตูบ้านในขณะนี้แล้วจึงเปลี่ยนใจไม่เฉาะรัฐธรรมนูญในวันดังกล่าว รอให้ผู้คนทั้งหลายได้ไปทำบุญทำทานและเที่ยวเตร่กันให้สบายใจก่อนดีกว่า เมื่อผ่านพ้นวันสงกรานต์และวันขึ้นปีใหม่ไทยไปแล้ว ค่อยมาเฉาะให้ฟัง
ขอให้ไปทำบุญทำทานเข้าวัดสวดมนต์ตามประเพณีด้วยจิตใจที่ปลอดโปร่ง ไม่มีเรื่องอะไรรกรุงรังอยู่ในหัวใจ ทำจิตใจให้สงบ เพื่อนำชีวิตดำเนินไปสู่ความดียิ่งๆ ขึ้น เพราะการสั่งสมความดีนั้น ยิ่งสั่งสมมากยิ่งเกิดคุณค่ามาก
ความดีเป็นอำนาจที่เป็นเกราะคุ้มกันป้องกันตัว ทั้งในภพนี้และภพหน้า แม้จะเป็น “คนที่มืดมา” คือคนที่ไม่รู้สึกตัว ไม่เชื่อเรื่องบุญเรื่องบาป ไม่เชื่อเรื่องนรกและสวรรค์ ตายแล้วสูญ เป็นต้น ใช้ชีวิตอย่างตามใจชอบ ใช้อำนาจที่ตนมีแย่งชิงจากคนอื่นอยู่ตลอดเวลาก็ตาม ถ้าเป็นคนรู้จักสั่งสมความดีและทำความดีอยู่ตลอดเวลา คนอย่างนี้จะ “ไปสว่าง” คือไปอย่างมีความสุข แม้ชีวิตที่เริ่มต้นจะต่ำต้อยแสนยากเข็ญเพียงไรก็ตาม จะถูกลบทิ้งด้วยความดีที่ทำตอนหลังเสมอ ขอเพียงให้รู้สึกตัวอยู่ตลอดเวลาในการใช้ชีวิต หรือการทำงานต่างๆ ที่ไม่ยอมทำความชั่วความไม่ดี
ยิ่งมีอำนาจในมือมากเท่าไรยิ่งต้องรู้สึกตัวอยู่ตลอดเวลาในการใช้อำนาจนั้น ว่าใช้ไปในทางรับใช้สังคมและประเทศชาติบ้านเมืองด้วยความซื่อสัตย์สุจริตหรือไม่ หรือใช้ไปเพื่อประโยชน์ตนและพรรคพวก เพราะถ้าเป็นคนรู้สึกตัวในเรื่องอย่างนี้เวลาไปจะ “ไปสว่าง” แน่นอน ไม่ไปอย่าง “ไปมืด” คือจบลงอย่างไม่สวย ซึ่งมีตัวอย่างให้เห็นมาเยอะต่อเยอะ
ยิ่งได้อำนาจมาใช้ปกครองบ้านเมืองอย่างไม่ถูกต้องตามกระบวนการปกครองในระบอบประชาธิปไตยด้วยแล้ว ยิ่งต้องระมัดระวังและใส่ใจในเรื่องอย่างนี้ให้มากเป็นพิเศษ จะบริหารปกครองบ้านเมืองตามกระบวนท่าที่ตนต้องการอย่างเดียวโดยไม่รับรู้อะไรทั้งสิ้นนั้น “ไปมืด” ทุกราย
ใครเป็นคนไม่รู้สึกตัวในการใช้อำนาจอยากให้ฟังเรื่องที่จะนำมาเล่าให้ฟัง 2 เรื่องดังต่อไปนี้ ซึ่งเป็นเรื่องที่มาจากปรัชญาคำสอนของจีนแต่โบร่ำโบราณ
เรื่องแรกมีชื่อเรื่องว่า “ร้ายกว่าเสือ”
เล่าไว้ว่า สมัยหนึ่งขงจื้อพาลูกศิษย์เดินทางไปยังเมืองหนึ่ง เส้นทางที่ไปผ่านป่าใหญ่มีภูเขาสูง ได้ยินเสียงร่ำไห้ของผู้หญิงคนหนึ่งแว่วมาแต่ไกล ขงจื้อจึงหยุดรถม้า นิ่งฟังอยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงพูดขึ้นว่า “เสียงร้องไห้ฟังแล้วน่าเวทนานัก ผู้หญิงนั้นคงได้รับทุกข์แสนสาหัสเป็นแน่”
ลูกศิษย์ใกล้ชิดรับอาสาไปถามสาเหตุ
ผู้หญิงคนร้องไห้นั้นกล่าวแก่ลูกศิษย์ขงจื้อว่า “น้าชายของฉันถูกเสือขบตายไม่นานมานี้ ต่อมาสามีของฉันก็ถูกเสือกินอีก ขณะนี้เจ้าวายร้ายตัวนั้นมาคาบเอาลูกชายตัวเล็กๆของฉันไปอีก”
ลูกศิษย์ขงจื้อถามว่า “ทำไมไม่ย้ายไปอยู่ที่อื่น”
เธอตอบพลางสะอื้นว่า “ฉันย้ายไปไม่ได้หรอก”
“ทำไมล่ะ”
“ก็ที่นี่ไม่มีรัฐบาลที่ใช้อำนาจตามชอบใจนะซิ”
เมื่อลูกศิษย์นำความมาเล่าให้ขงจื้อฟัง ขงจื้อก็กล่าวกับคณะลูกศิษย์ที่เดินทางติดตามมาด้วยว่า “พวกเธอจงจำไว้เถิด รัฐบาลที่ใช้อำนาจตามชอบใจนั้นร้ายกว่าเสือเสียอีก”
เรื่องที่ 2 ชื่อเรื่องว่า “คุณธรรมสำคัญกว่า”
เล่าไว้ว่า คราวหนึ่งลูกศิษย์ถามขงจื้อว่า“จะปกครองรัฐอย่างไร จึงจะดี” ขงจื้อตอบให้ลูกศิษย์ฟังว่า “จงปกครองให้ประชาชนมีอาหารบริโภคอุดมสมบูรณ์ ให้ประเทศชาติมีกองทัพที่เข้มแข็ง และให้ประชาชนมีความเชื่อถือในรัฐบาล”
ลูกศิษย์ถามว่า “หากจำเป็นจะตัดออกสักข้อหนึ่ง ควรตัดข้อใดออก” ขงจื้อตอบว่า“ตัดกองทัพออก”
ลูกศิษย์ถามอีกว่า “ถ้าจำเป็นต้องตัดอีกข้อล่ะจะตัดข้อไหน” ขงจื้อก็ตอบว่า “ควรตัดอาหารออก เพราะนับแต่โบราณกาลมาแล้ว มนุษย์เรามีความตายเป็นธรรมดาทุกคน แม้ประชาชนจะต้องอดอยากบ้าง แต่ก็ยังดีกว่ามีรัฐบาลที่ประชาชนเขาไม่ชอบและไม่นับถือ ประเทศที่มีรัฐบาลอย่างนี้จะตั้งมั่นอยู่ได้อย่างไร ”
ลูกศิษย์ถามต่อไปอีกว่า “หมายความว่า รัฐบาลไม่มีธรรม ประชาชนเขาหมดศรัทธาร้ายแรงยิ่งกว่าเรื่องปากท้องหรือ”
ขงจื้อตอบว่า “ถูกต้อง บัณฑิตย่อมเห็นแก่คุณธรรมยิ่งกว่าจะเห็นแก่ปากท้อง”
ทั้ง 2 เรื่องเป็นของฝากถึงผู้มีอำนาจปกครอง
ไม่ต้องอธิบายความอะไรกันอีกเกี่ยวกับความหมายของเรื่อง 2 เรื่องที่นำมาฝากกันในวันเริ่มสงกรานต์ที่กำลังจะเริ่มต้น เพราะเป็นเรื่องของความดีความมีคุณธรรมที่ต้องสั่งสมให้มีและให้เกิดขึ้นอยู่เสมอ ยิ่งใครมีอำนาจยิ่งต้องรู้จักและใช้อำนาจให้เป็น
วันสงกรานต์ที่กำลังมาถึงนี้รู้จักเข้าวัดทำบุญกันบ้าง เพราะการทำบุญเป็นกรรมดีอย่างหนึ่งที่ควรกระทำ มิเฉพาะในวังสงกรานต์เท่านั้น เพราะกระทำได้ทุกเมื่อ แต่จะทำบุญอย่างไรจึงจะถูกต้องและได้ผลมาก ขอยกไปพูดให้ฟังในตอนหน้าก็แล้วกันเพราะเนื้อที่หมดพอดี
(อ่านต่อวันอังคาร)
น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ

อภิสิทธิ์-สกลธี ลุยหาเสียง ถนนเจริญกรุง-สีลม ขอโอกาสคนกรุงเทพฯ ให้พรรคประชาธิปัตย์กลับมาแก้ไขปัญหา
นายกฯเรียก ‘สีหศักดิ์-บิ๊กเล็ก’ กำชับเฝ้าชายแดนช่วงปีใหม่ หลังพ้นเฝ้าระวัง หยุดยิง 72 ชม.
บอสณวัฒน์ โดดร่วมวงทุบ โดม ปกรณ์ ลัม โพสต์แซ่บคนแรกเจิมมาตรา397
ชูวิทย์ ตบหน้า ปวิน หลังโพสต์พาดพิง ส่งลูกสาวซบภูมิใจไทย ชี้เข้าใจผิด ยันคนละ ชูวิทย์
สีหศักดิ์ บรรยายสรุปคณะทูต เผยปล่อย 18 ทหารเขมร ขึ้นอยู่กับฝ่ายความมั่นคง

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี