เขียนให้คิดสัปดาห์นี้ขอเสนอความคิดเห็นจากสำนักงานเศรษฐกิจและวัฒนธรรมไทเป ประจำประเทศไทย ในเรื่องกฎหมายความมั่นคงแห่งชาติของจีนในฮ่องกง เพราะไต้หวันต้องการจะแสดงความเห็นต่อบางแง่มุมซึ่งจะมีคนไทยจำนวนหนึ่งอาจเข้าใจเรื่องนี้ไม่ตรงกับความคิดเห็นของไต้หวัน
เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน พ.ศ.2563 คณะกรรมาธิการถาวรประจำผู้แทนสภาประชาชนแห่งชาติจีน (NPC) มีมติเป็นเอกฉันท์ให้บังคับใช้ กฎหมายความมั่นคงแห่งชาติในเขตปกครองพิเศษฮ่องกง (กฎหมายความมั่นคงฯ) ส่งผลให้หลายประเทศ เช่น สหรัฐฯ อังกฤษ แคนาดา ออสเตรเลีย แสดงความกังวลกับการ
กระทำของจีน การที่จีนบังคับใช้กำหนดกฎหมายนี้เปรียบเหมือนการยุติการปกครอง แบบหนึ่งประเทศ สองระบบ อย่างสิ้นเชิง ซึ่งผิดต่อคำมั่นสัญญาที่จีนเคยให้กับฮ่องกง บทโทษต่าง ๆ ที่ระบุในกฎหมายนี้ไม่เพียงแต่ลิดรอนสิทธิการปกครองตนเองที่เคยมีอยู่ของชาวฮ่องกง แต่พื้นที่ขอบเขตบังคับยังใช้ครอบคลุมทั่วโลก เป็นการละเมิดต่อค่านิยมด้านประชาธิปไตย สิทธิมนุษยชน และเสรีภาพอย่างรุนแรง ทั้งนี้ไต้หวันขอเรียกร้องให้ประชาคมโลกร่วมกันปกป้องระบอบประชาธิปไตยเอาไว้
ตามกฎหมายดังกล่าว จีนสามารถขอให้องค์กรการเมืองและตัวแทนของไต้หวันและต่างประเทศให้ข้อมูลเกี่ยวข้องกับกิจกรรมเคลื่อนไหวของฮ่องกง ตราบใดที่หน่วยงานความมั่นคงแห่งชาติฮ่องกงมองว่าเป็นการกระทำที่มีส่วนร่วมหรือช่วยก่อให้เกิดภัยอันตรายต่อความมั่นคงของชาติ ตำรวจมีอำนาจตรวจค้น ดักฟัง อายัดหรือยึดทรัพย์สินที่เกี่ยวข้อง ยิ่งกว่านั้นหากไม่ปฏิบัติตามคำเรียกร้อง อาจถูกปรับและกักขัง การกระทำดังกล่าวคือการละเมิดสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐาน ด้านเสรีภาพในร่างกาย ต่อทรัพย์สิน ต่อสิทธิ์ความเป็นส่วนตัว ต่อเสรีภาพในการติดต่อสื่อสาร และต่อความลับทางธุรกิจการค้าอย่างร้ายแรง
บทลงโทษ 4 ประเภท ที่ระบุในกฎหมายดังกล่าว ประกอบด้วย ความผิดฐานแบ่งแยกดินแดน ความผิดฐานล้มล้างการปกครอง ความผิดฐานการก่อการร้าย และความผิดฐานการคบคิดกับต่างชาติบ่อนทำลายความมั่นคงในประเทศ ซึ่งดูแล้วมีเนื้อหาไม่เป็นรูปธรรม และดูแล้วเท่ากับเปิดช่องให้จีนตีความตามอำเภอใจ ซึ่งมาตราที่ 38 กำหนดให้บังคับใช้กฎหมายฉบับนี้กับบุคคลที่ไม่มีสถานภาพพำนักถาวรในฮ่องกงที่ฝ่าฝืนกฎหมายดังกล่าวนอกเขตปกครองพิเศษฮ่องกง การกระทำดังกล่าวเป็นการขยายสิทธิสภาพนอกอาณาเขตครอบคลุมไปทั่วโลก ตัดขาดความเป็นไปได้ที่ประชาคมโลกจะสนับสนุนฮ่องกง และสร้างความหวาดกลัวในการแสดงความคิดเห็นโดยเสรี
สำหรับกฎหมายความมั่นคงฯ ที่จีนพยายามผลักดัน กระทรวงพาณิชย์ของสหรัฐฯ ได้ประกาศยกเลิกสถานะพิเศษของฮ่องกง และระงับการบังคับใช้กฎหมายสิทธิพิเศษที่สหรัฐฯ มีต่อฮ่องกง พร้อมระงับการส่งออกยุทโธปกรณ์ และเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องให้ฮ่องกง โดยเมื่อเร็วๆ นี้ รัฐสภาสหรัฐฯ มีมติเอกฉันท์รับรอง กฎหมายปกครองตนเองของฮ่องกง (Hong Kong Autonomy Act) มอบอำนาจให้หน่วยงานรัฐบาลใช้มาตรการทางการเงินลงโทษองค์กรที่เกี่ยวข้องกับข้าราชการ และเจ้าหน้าที่จีนและฮ่องกง รวมถึงกับตำรวจที่ใช้กำลังปราบปรามผู้ประท้วงโดยไม่เป็นธรรมนอกจากนี้แคนาดา ออสเตรเลีย และอังกฤษ แสดงความกังวลในกรณีจีนจะใช้กฎหมายความมั่นคงฯ โดยมิชอบ จึงประกาศระงับสนธิสัญญาส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนกับฮ่องกง ส่วนรัฐบาลไต้หวันจัดตั้งสำนักงานแลกเปลี่ยนและบริการ ไต้หวัน-ฮ่องกง เพื่อให้คำปรึกษาและให้บริการช่วยเหลือด้านการศึกษา การทำงาน การประกอบธุรกิจและการลงทุน รวมถึงการอพยพย้ายถิ่นแก่พลเมืองฮ่องกงมายังไต้หวัน
จีนเพิกเฉยแถลงการณ์ร่วมระหว่างจีน-อังกฤษ (The 1985 Sino-British Joint Declaration)และยังบังคับให้กฎหมายความมั่นคงฯ เพื่อทำลายการปกครอง แบบ หนึ่งประเทศ สองระบบ และการปกครองตนเองของฮ่องกง โดยการกระทำดังกล่าวคือการแสดงให้เห็นว่าไม่เคารพหลักสิทธิมนุษยชนตามระบอบประชาธิปไตย แล้วยังทำพฤติกรรมดูเสมือนพยายามขยายขอบเขตการบังคับใช้กฎหมายความมั่นคงแห่งชาติครอบคลุมไปยังทุกคนทั่วโลก และรวมถึงผู้โดยสารทางเรือหรืออากาศยานสัญชาติฮ่องกง ซึ่งเป็นการฝ่าฝืนหลักการพื้นฐานกฎหมายระหว่างประเทศอย่างร้ายแรง การกระทำดังกล่าวส่อให้เห็นถึงการตั้งใจทำลายความสงบเรียบร้อยระหว่างประเทศที่มีอยู่ ซึ่งไต้หวันขอเรียกร้องให้ประชาคมโลกช่วยกันคัดค้านการกระทำดังกล่าวเพื่อรักษาไว้ซึ่งการปกครองตามระบอบเสรีนิยมประชาธิปไตยโดยแท้จริง และขอให้จีนคำนึงถึงสันติภาพในภูมิภาคเอเชียตะวันออกโดยเคร่งครัด
Paul Shek
รักษาการผู้อำนวยการใหญ่
สำนักงานเศรษฐกิจและวัฒนธรรมไทเป ประจำประเทศไทย
สำหรับปฐมเหตุที่ทางไต้หวันขอใช้พื้นที่ตรงนี้เพื่อแสดงความคิดเห็นและเรียกร้องในสิ่งที่ไต้หวันพิจารณาแล้วเห็นว่าเป็นสิ่งที่ควรจะต้องธำรงรักษาไว้ ก็สืบเนื่อง
มาจากมีบทความบางบทความกล่าวถึงไต้หวัน โดยทางฝ่ายไต้หวันพิจารณาแล้วเห็นว่าเนื้อหาในบทความดังกล่าวไม่น่าจะเป็นผลดีต่อไต้หวัน ดังนั้นจึงขอใช้สิทธิแสดงความคิดเห็นเพื่อชี้แจงบทความดังกล่าว
ทั้งนี้ไต้หวันยังคงยึดมั่นในเจตนารมณ์เดิมคือ รักษาและทำนุบำรุงการปกครองตามระบอบเสรีประชาธิปไตยอย่างเคร่งครัด การยึดมั่นในหลักสิทธิมนุษยชน การเคารพหลักสิทธิเสรีภาพส่วนบุคคล และการอยู่ร่วมกันโดยสงบสันติอย่างแท้จริง โดยเคารพในอธิปไตยของกันและกันอย่างเคร่งครัด
อย่างไรก็ตาม ทางไต้หวังยังฝากแจ้งให้ประชาชนไทยรับทราบว่า ไต้หวันมีความยินดีมากที่จะร่วมสนับสนุนประเทศไทยในทุกด้าน โดยเฉพาะด้านการศึกษา การสาธารณสุข การค้าพาณิชย์ ด้านการท่องเที่ยว และด้านศิลปวัฒนธรรม และที่สำคัญคือไต้หวันยังยินดีต้อนรับประชาชนไทยตลอดเวลา
ทั้งนี้ไต้หวันได้ขยายเวลาการให้ฟรีวีซ่ากับชาวไทย โดยเริ่มตั้งแต่ 1 สิงหาคม 2563 ถึง 31 กรกฎาคม 2564
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี