ความจริงคนไทยที่ไม่มีใจคิดล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์รู้ดีว่าสถาบันพระมหากษัตริย์มีความจำเป็นและสำคัญต่อสังคมไทยอย่างไร เพราะตระหนักดีว่าสถาบันพระมหากษัตริย์มีบทบาทหน้าที่สำคัญมากมาย อาทิ การสงเคราะห์ประชาชน ดังได้พบเสมอมาว่าพระมหากษัตริย์ทรงเป็นผู้นำด้านการสาธารณประโยชน์ต่างๆ เช่น พระราชทานทุนทรัพย์ส่วนพระองค์เพื่อการสาธารณกุศล ทรงช่วยเหลือคนยากไร้ คนเจ็บป่วย พิการ และผู้ประสบภัยธรรมชาติ นอกจากนั้นยังทรงมีโครงการพระราชดำริเพื่อช่วยเหลือประชาชนอีกมากมาย เช่น โครงการด้านการเกษตร โครงการด้านการอนุรักษ์และพัฒนาแหล่งน้ำ โครงการอนุรักษ์ป่าไม้และทรัพยากร ดังปรากฏชัดในรูปของโครงการหลวง โครงการตามแนวพระราชดำริ หลายพันโครงการ
นอกจากนั้น พระมหากษัตริย์ยังทรงมีพระราชภารกิจด้านการสงเคราะห์อาณาประชาราษฎร์และพัฒนาสังคม โดยทรงบำเพ็ญพระราชกรณียกิจต่างๆ เพื่อยังให้เกิดผลประโยชน์ และความผาสุกกับอาณาประชาราษฎร์ อาทิ โครงการเพื่อการพัฒนาทั้งหลาย โดยมีพระราชประสงค์ให้ประชาชนมีความอยู่ดีกินดีมากยิ่งขึ้น มีความสุขสบายในชีวิตประจำวันมากยิ่งขึ้น
สิ่งที่กล่าวโดยสังเขปในข้างต้นนี้เป็นความจริงที่คนทั่วโลกประจักษ์แล้ว แต่ก็ยังคงมีคนบางกลุ่มบางจำพวกไม่เคยสนใจรับรู้ความจริงดังกล่าว แม้ในชีวิตจริงของคนเหล่านั้นจะได้รับความสุข ความสบายจากโครงการตามแนวพระราชดำริมาโดยตลอดก็ตาม
คนที่มีใจคิดล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์อ้างตลอดเวลาว่า สถาบันพระมหากษัตริย์ของไทยแตกต่างจากสถาบันพระมหากษัตริย์ของอังกฤษ ของญี่ปุ่น และของหลายประเทศในยุโรป แต่ไม่เคยพูดถึงสถาบันพระมหากษัตริย์ในประเทศตะวันออกกลาง หรือในประเทศบรูไน ซึ่งนั่นก็หมายความชัดเจนว่าผู้ที่คิดล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์ของไทย ไม่เคยมองสถาบันพระมหากษัตริย์ที่ยังดำรงอยู่บนโลกใบนี้ให้กระจ่างชัด แต่เลือกบางประเด็นมาเพื่อโจมตีและล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์เท่านั้น
ถามว่าทำไมพวกที่คิดล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์ไทยจึงอ้างเอาพระราชสถานะ และพระราชอำนาจของสถาบันพระมหากษัตริย์ไทยไปเปรียบเทียบเฉพาะกับสถาบันพระมหากษัตริย์ในอังกฤษ และญี่ปุ่นเท่านั้น ทั้งๆ ที่โลกใบนี้ยังมีพระมหากษัตริย์อยู่อีกมากมาย หรือเป็นเพราะว่าคนที่จงใจล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์ของไทยจะโกหกว่า เพราะประเทศมีความเป็นอยู่ และความเป็นมาเหมือนกับอังกฤษและญี่ปุ่นทุกประการ
การเปรียบเทียบสิ่งใดสิ่งหนึ่งกับอีกสิ่งหนึ่งเป็นเรื่องที่สามารถทำได้ แต่ทั้งนี้ก็ต้องขึ้นอยู่กับสติปัญญาของผู้ที่นำเรื่องนั้นๆไปเปรียบเทียบด้วย เพราะหากนำสิ่งที่มีความเป็นมาต่างกัน มีประวัติศาสตร์ต่างกัน มีความเป็นอยู่ต่างกัน มีขนบประเพณี และความเชื่อต่างกัน แต่ทว่าดันเอาสิ่งนั้นๆ ไปเปรียบเทียบกัน ก็เท่ากับว่าเปรียบเทียบผิดฝาผิดตัว ซึ่งเป็นการเปรียบเทียบที่หาประโยชน์ใดๆ มิได้ ยกเว้นแค่เพียงเปรียบเทียบเพื่อจงใจหาเรื่องเท่านั้น
ผู้ที่ชอบอ้างความต่างกันระหว่างสถาบันพระมหากษัตริย์ไทยกับอังกฤษ รู้ดีใช่ไหมว่าพระมหากษัตริย์ไทยเสด็จพระราชดำเนินไปทรงเยี่ยมเยียนราษฎรในถิ่นทุรกันดาร โดยเฉพาะในพื้นที่ซึ่งเต็มไปด้วยอันตรายสารพัดชนิดมายาวนานหลายสิบปี แล้วยังพระราชทานโครงการต่างๆ เพื่อช่วยแก้ปัญหาให้กับประชาชนมายาวนานหลายสิบปี แล้วขอให้ตอบให้ชัดว่า พระจักรพรรดิของญี่ปุ่นทรงมีพระราชภารกิจเช่นเดียวกับพระมหากษัตริย์ของไทยหรือไม่
แล้วที่มากกว่านั้นคือ คนไทยทุกคน (ยกเว้นคนที่ต้องการล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์) ต่างรู้ชัดมาโดยตลอดว่า พระมหากษัตริย์ไทยทรงแก้ไขวิกฤตการณ์ต่างๆ ของชาติไทยให้ลุล่วงไปได้ และทรงทำเรื่องสำคัญนี้มาแล้วหลายครั้ง ดังนั้นคนไทยจึงผ่านพ้นวิกฤตการณ์ที่ร้ายแรงมาได้ ทำให้ประเทศไม่ต้องประสบกัสงครามกลางเมือง
ข้อย้ำว่าการเปรียบเทียบสถาบันพระมหากษัตริย์นั้นสามารถทำได้ แต่ผู้เปรียบเทียบต้องมีสติปัญญา และต้องศึกษาความเป็นมาของสถาบันพระมหากษัตริย์ในแต่ละประเทศให้ถ่องแท้ก่อนนำมาเปรียบเทียบ ต้องรู้ด้วยว่าวิวัฒนาการของสถาบันพระมหากษัตริย์แต่ละประเทศมีความแตกต่างกัน ดังนั้นจึงจะให้สถาบันพระมหากษัตริย์ทุกประเทศเหมือนกันทุกกรณีจึงเป็นไปไม่ได้
หากจะเปรียบเทียบเรื่องง่ายๆ เพื่อให้เข้าใจชัดถึงการเปรียบเทียบสิ่งต่างๆ (โดยไม่เกี่ยวข้องกับสถาบันพระมหากษัตริย์) ตัวอย่างเช่น คนสอนหนังสือในมหาวิทยาลัยชั้นนำของไทยจำนวนหนึ่งสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาเอก มาจากประเทศสหรัฐอเมริกา หรือจากยุโรปตะวันตก แต่เมื่อคนกลุ่มดังกล่าวกลับมาทำมาหากินเลี้ยงกระเพาะตัวเองอยู่ในประเทศไทย คนที่เป็นพวกหอคอยงาช้างเหล่านั้นก็ไม่สามารถทำตัวเองให้เหมือนกับเมื่อครั้งอยู่ในสหรัฐฯ หรือในยุโรปตะวันตกได้ เพราะสังคมไทยกับสังคมอเมริกัน และสังคมยุโรปตะวันตกมีความแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง แต่เป็นเรื่องสุดพิสดารที่คนดัดจริตจำพวกนั้นกลับเรียกร้องให้สถาบันพระมหากษัตริย์ของไทยต้องเหมือนกับของยุโรปตะวันตก (โดยเฉพาะอังกฤษ)
ต้องขอวิจารณ์ตรงๆ ว่าคนพรรค์อย่างนี้เข้าข่ายเสียสติอย่างรุนแรง แล้วที่สำคัญ ไม่น่าอนุญาตให้คนเสียสติเช่นนี้ทำหน้าที่สอนหนังสือในมหาวิทยาลัยอีกต่อไป เพราะจะทำให้เกิดความผิดเพี้ยงอย่างมหันต์ต่อสังคมไทย
คนเสียสติจำพวกนี้ยังละเมออีกว่า พระมหากษัตริย์ต้องไม่ทรงเกี่ยวข้องกับการเมือง ทั้งๆ ที่รู้ดีว่าพระมหากษัตริย์ไทยไม่เคยทรงเข้าข้างพรรคการเมืองใดๆ และไม่ทรงมีผลประโยชน์ทางการเมือง แต่สิ่งสำคัญที่คนซึ่งมีสติปัญญาต่างรู้ดีคือ สถาบันพระมหากษัตริย์ไม่สามารถตัดขาดจากการเมืองได้อย่างสิ้นเชิง เพราะสถาบันพระมหากษัตริย์ต้องทรงมีบทบาทในการให้ความชอบธรรมกับระบบการเมือง ระบบกฎหมาย และกับรัฐบาลทุกรัฐบาล รวมถึงทุกสถาบันทางการเมืองและการปกครองที่ถูกกำหนดว่าต้องใช้อำนาจนั้นๆ ภายใต้พระปรมาภิไธยของพระมหากษัตริย์
คนไทยที่ยังมีสติ มีปัญญาต่างรู้ดีว่าสถาบันพระมหากษัตริย์มีส่วนเกื้อหนุนสังคมให้ดำรงอยู่ได้อย่างราบรื่น สาเหตุเพราะประชาชนยังรัก เคารพ ศรัทธา และมั่นใจในสถาบันพระมหากษัตริย์มากกว่าสถาบันนักการเมือง เพราะประจักษ์ชัดว่าสถาบันพระมหากษัตริย์ทรงให้ความอุปถัมภ์ประชาชนได้ดีกว่าสถาบันนักการเมือง และยังทรงให้เกียรติประชาชนมากกว่านักการเมือง ดังนั้นจึงไม่ต้องประหลาดใจ ถ้าหากจะถามว่า ประชาชนที่สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีต้องการรับปริญญาบัตรจากใครมากกว่ากัน แล้วประชาชนตอบว่ารับปริญญาบัตรจากพระหัตถ์ของพระเจ้าแผ่นดิน
ส่วนอีกเรื่องหนึ่งที่คนผู้ซึ่งจงใจล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์ต่างสร้างเรื่องเท็จมาโดยตลอดคือ เรื่องพระราชทรัพย์ของพระมหากษัตริย์ คนพรรค์อย่างว่าจงใจบิดเบือนว่าพระมหากษัตริย์ไทยทรงร่ำรวยล้นฟ้า ทั้งๆ ที่ในความจริงนั้น พระมหากษัตริย์ทรงมีพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์มาแต่ดั้งเดิม แต่คนที่จงใจล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์ก็ยังโกหกว่าทรงได้พระราชทรัพย์มาโดยมิชอบ แล้วยังโกหกด้วยว่าทรงใช้จ่ายเงินส่วนพระองค์โดยไม่โปร่งใส คนจำพวกนี้ยังโจมตีเรื่องโครงการตามแนวพระราชดำริต่างๆ ทั้งๆ ที่ในความเป็นจริงแล้ว การเบิกจ่ายเงินสำหรับโครงการตามแนวพระราชดำริมีขั้นตอนชัดเจน โปร่งใส ตรวจสอบได้ตามแบบแผนของการใช้เงินงบประมาณแผ่นดิน แล้วที่สำคัญคือโครงการตามแนวพระราชดำริทั้งหมดนั้น ทรงทำเพื่อความผาสุก ความอยู่ดีมีสุขของอาณาประชาราษฎร์ทั้งปวง
คนที่จงใจล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์โกหกตลอดเวลาว่า พระมหากษัตริย์ไทยทรงมีพระราชทรัพย์มากมายมหาศาล หรือพูดง่ายๆ คือทรงร่ำรวยมหาศาล แต่คนพรรค์อย่างว่านั้นกลับจงใจละเลยความจริงที่ว่าสถาบันพระมหากษัตริย์ทรงดำรงอยู่ในสังคมไทยมายาวนานมากกว่าสถาบันการเมือง และสถาบันเศรษฐกิจอื่น ๆ ดังนั้นจึงเป็นเรื่องปกติธรรมดาที่พระมหากษัตริย์จะทรงมีพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ แต่ข้อเท็จจริงที่คนไทยและคนทั้งโลกรู้ดีก็คือ พระมหากษัตริย์พระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์เพื่อทรงช่วยเหลือประชาชนมาโดยตลอด
ดังนั้น การที่มีผู้จงใจโจมตีสถาบันพระมหากษัตริย์ และองค์พระมหากษัตริย์ด้วยความเท็จมาโดยตลอด เพราะคนกลุ่มนั้นต้องการล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์มากกว่าจะคิดพัฒนาสถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งเรื่องที่เสกสรรปั้นแต่งมาเพื่อโจมตีนั้นก็ล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องเท็จทั้งสิ้น
ขอย้ำว่าการวิจารณ์สถาบันพระมหากษัตริย์เพื่อให้สถาบันพระมหากษัตริย์ดำเนินต่อไปในทิศทางที่เป็นประโยชน์กับประชาชนไทย เป็นเรื่องที่สามารถทำได้ และพระมหากษัตริย์ของไทยก็ไม่เคยทรงปิดกั้นการวิจารณ์ด้วยสติปัญญาและข้อเท็จจริง แต่สำหรับคนที่จงใจโกหกเพื่อต้องการล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์นั้น ประชาชนไทยไม่สามารถยอมรับเรื่องนี้ได้ และที่สำคัญคือประชาชนที่ยังต้องการสถาบันพระมหากษัตริย์ เพราะยังตระหนักในความสำคัญ และความจำเป็นของสถาบันพระมหากษัตริย์จะออกมาปกป้อง พิทักษ์ รักษาสถาบันพระมหากษัตริย์ไว้ให้อยู่คู่กับประเทศไทยตลอดไป
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี