คนอาชีพนักการเมืองฝ่ายค้านผสมโรงกับกลุ่มชังชาติ ยังเดินหน้า 2 ประเด็น ประเด็นแรกคือการรุกเร้าปลุกระดมให้ยุวชน เยาวชนและประชาชนออกมาชุมนุมใหญ่ในวันที่ 14 ตุลาคม 2563 เรียกร้องให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญโดยยังยืนยันที่จะให้มีการยกร่างใหม่ทั้งฉบับ โดย สมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ หรือ ส.ส.ร.ที่มาจากการเลือกตั้ง ทั้ง 200 คน โดยอ้างเหตุป้องกันร่างทรงของเผด็จการคสช.ที่จะแอบแฝงเข้ามาจากการแต่งตั้งของรัฐบาลทหารแก่และหรือคณะเผด็จการทหาร คสช.
เป็นความเคลื่อนไหวทางการเมืองโดยมิได้ คำนึงถึงความปลอดภัยของสังคมและความหายนะทางเศรษฐกิจ หากการชุมนุมครั้งนี้นำไปสู่การแพร่ระบาดของ “โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 หรือโควิด-19” ระลอกสองเฉกเช่นประเทศเพื่อนบ้านที่กำลังประสบหายนะนี้อยู่
นักการเมืองจากพรรคฝ่ายค้านที่ช่ำชอง ก็ ฉกฉวยโอกาสที่ว่านี้กล่าวอ้างว่าการชุมนุมครั้งนี้เป็นสัญญาณตอกย้ำว่า 6 ปี แห่งการปฏิวัติรัฐประหารที่ผ่านมาทั้งนักเรียน นิสิต นักศึกษา ประชาชน จนถึงกลุ่มเปราะบางได้รับความเดือดร้อนกันถ้วนทั่ว เพราะรัฐบาลไม่มีความจริงใจในการแก้ไขรัฐธรรมนูญยังยื้ออำนาจไว้ปัญหาความขัดแย้งแบ่งฝักแบ่งฝ่ายในสังคมไทยก็ไม่ได้ลดลงมีแต่จะเพิ่มมากขึ้น ยาเสพติด หนี้ครัวเรือนบ่อนการพนันผุดขึ้นราวกับดอกเห็ด เกิดผลกระทบในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน เศรษฐกิจมีแต่จะล่มสลาย หายนะ ความเหลื่อมล้ำยังสูงห่างขึ้นเรื่อยๆ
มาตรการต่างๆที่รัฐบาลนำออกมาใช้การไขปัญหากลับใช้ไม่ได้จริงไม่ตรงจุด ถึงเวลาที่รัฐบาลควรพิจารณาตัวเองว่าได้ใช้บุคลากรที่มีความรู้ความสามารถในการทำหน้าที่บริหารประเทศหรือไม่ เมื่อไม่มีความสามารถก็ควรยุติบทบาทลาออกจากตำแหน่ง ให้กลุ่มอื่นที่มีความรู้ความสามารถเข้ามาบริหารเพื่อนำพาประชาชนและประเทศชาติรอดพ้นวิกฤติและหายนะเหล่านี้
การดำเนินการทั้ง 2 ประเด็นนี้ กล่าวอ้างความต้องการของประชาชน ทั้งที่ผลการสำรวจความคิดเห็นประชาชนพบว่าร้อยละ 97.6% ของตัวอย่างการสำรวจรับไม่ได้จากขบวนการปั่นกระแส ยั่วยุ ปลุกระดมต่างๆ ในเรื่องใช้อารมณ์ ไร้เหตุผล ร้อยละ 96.1% ระบุจาบจ้วง ล่วงละเมิด ทำลายเสาหลักของชาติ,ทั้งยังเห็นว่ากลุ่มคนชังชาติกลุ่มนี้ คุกคาม ทำลายผู้อื่นที่เห็นต่าง, ใส่ร้าย ป้ายสี พ่นสี และสาดสี และก้าวร้าว หยาบคาย ใช้คำไม่สุภาพ ทั้งหมดจึงปฏิเสธไม่ได้ว่าการดำเนินการครั้งนี้เป็นยุทธการที่จับเอายุวชน เยาวชนและประชาชนเป็นตัวประกันอีกครั้ง เพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจการบริหารประเทศ เพื่อประโยชน์ส่วนตนและพวกพ้อง โดยไม่พยายามดำเนินการตามขั้นตอนในระบอบประชาธิปไตย
ซึ่งทั้งหลายทั้งมวลเหล่านี้ปราชญ์จีนกล่าวไว้ว่า “เถียงแพ้นักปราชญ์ยังได้ความรู้กลับมา เถียงกับคนโง่ มีแต่จะเสียเวลา” ตรองดูเถิด
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี