ตัดคลิป หยิบภาพ วางคำ ย้ำดราม่า ด่าแรงๆแฝงอารมณ์โกรธแค้นสถาบันกับรัฐบาล และปลุกใจให้รู้สึกเท่ที่ออกมาร่วมม็อบ แม้ทั้งหมดนั้น อยู่บนฐานข้อมูลเท็จที่บิดเบือนเต็มไปหมด
นี่คือ ข้อสรุปวิชาปลุกม็อบยุคนี้ ที่จะพบเกลื่อน หากจับได้ไล่ทัน
1. แม้แต่เหตุคุกคามขบวนเสด็จฯของพระราชินี14 ต.ค. 2563 บริเวณสะพานชมัยมรุเชฐ ก็ยังมีคนบิดเบือนแบบน้ำขุ่นๆ หาว่าสร้างสถานการณ์บ้าง ขบวนจงใจฝ่าม็อบบ้าง ผู้ชุมนุมไม่ได้ทำอะไรกระทบขบวนบ้าง ฯลฯทั้งหมด ขัดแย้งกับข้อเท็จจริงที่ปรากฏ ซึ่งมีทั้งพยานหลักฐาน วีดีโอคลิปในที่เกิดเหตุ ทั้งก่อนเกิดเหตุ-ขณะเกิดเหตุ-และหลังเกิดเหตุ เต็มไปหมด
น่าสังเกตว่า นักการเมืองและพรรคการเมืองที่ออกมาแก้ตัวให้กับม็อบในเหตุการณ์นี้ ก็คือกลุ่มคนที่คอยป้อนข้อมูลและความเกลียดชังต่อสถาบันฯ มาอย่างต่อเนื่อง
2. คืนวันที่ 14 ต.ค.ก็มีการปราศรัยด่าสถาบัน(ทั้ง ร.9 ร.10) อย่างรุนแรง บนเวทีหลักหน้าทำเนียบ
การจับกุมแกนนำ อย่างเพนกวิน – อานนท์ นำภา –รุ้ง ปนัสยา เป็นไปโดยละม่อม ไม่มีความรุนแรง
และการสลายการชุมนุมเพื่อขอคืนพื้นที่หน้าทำเนียบ ช่วงเช้ามืดวันที่ 15 ต.ค. (เวลาประมาณตี 4) ก็ไม่มีการยิงแก๊สน้ำตา ไม่มียิงกระสุนยางหรือไล่ทุบตีทำร้ายประชาชนเลย เพราะในช่วงนั้น เหลือผู้ชุมนุมอยู่หลักร้อย ส่วนใหญ่ก็ให้ความร่วมมือ เลิกการชุมนุมออกไป มีแค่บางส่วนขว้างปาเจ้าหน้าที่ เขาก็ใช้วิธีกดดัน ก่อนตะครุบเอาทีละคน จับไปดำเนินคดี ไม่จำเป็นต้องใช้แก๊สน้ำตาหรือฉีดน้ำอะไรเลย แต่ก็มีการปลุกปั่นด้วยข้อมูลเท็จเสียแล้ว
3. เหตุการณ์ชุมนุมที่แยกราชประสงค์ 15 ต.ค. 2563 ยังปรากฏการปราศรัย การปลุกเร้าให้มวลชนตะโกนด่าสถาบันอย่างหยาบคาย ถ้าไม่หูหนวกตาบอด คงเลิกหลอกตัวเองและหลอกสังคม โดยอ้างว่า ม็อบพูดถึงสถาบันอย่างมีวุฒิภาวะ อย่างหวังดี เหมือนที่นายธนาธร-ปิยบุตร พยายามจะยกยอ ประจบม็อบ และสนับสนุนม็อบ
4. ตำรวจขอพื้นที่คืน ที่แยกปทุมวัน เมื่อคืนวันที่ 16 ต.ค.2563 มีการรายงานสด ถ่ายทอดสด ตลอดทุกวินาที เกือบจะทุกมุมถนน ทุกซอกซอย ไม่ปรากฏว่า ไม่มีการยิงแก๊สน้ำตา ไม่มีการใช้กระบองตีผู้ชุมนุม ไม่มีการใช้กระสุนยาง กระสุนจริงไม่มีทั้งนั้น
ที่ปรากฏชัดเจน คือ มีการประกาศตามขั้นตอนให้เลิกชุมนุม เพราะฝ่าฝืน พ.ร.ก. ฝ่าฝืนกฎหมายชุมนุม อยู่ใกล้เขตพระราชฐาน มีการแจ้งเวลา มีการนับถอยหลังมีการให้ออกจากพื้นที่ชุมนุม โดยตำรวจเดินเข้ามาด้านเดียวคือ ใต้เส้นบีทีเอสที่ไปสถานีสยาม ที่เหลือเปิดให้ผู้ชุมนุมเดินทางออกกลับบ้านได้
หลังจากนั้น ตำรวจใช้วิธีเดินหน้าดันด้วยโล่ ยันกันก่อนจะฉีดน้ำผสมสีที่มาร์คตัวเพื่อดำเนินคดี ซึ่งไม่ใช่แก๊สน้ำตา ก็ประกาศเตือนและนับถอยหลัง ซึ่งถ้าเทียบกับต่างประเทศนับว่าดำเนินการอย่างอ่อน และเทียบไม่ได้เลยกับตำรวจป่าเถื่อนยุคที่ทำกับพันธมิตรและ กปปส.
สื่อต่างประเทศจับภาพตอนที่ผู้ชุมนุมบางคน เอาคีมเหล็กตีหน้าตำรวจ ภาพกระโดดถีบตำรวจ เอาร่มตีตำรวจ มีทั้งภาพนิ่ง ภาพเคลื่อนไหว ชัดเจน ภาพจริงเหล่านี้ฝ่ายม็อบไม่ยอมเชื่อ ไม่ยอมรับรู้ ระดมกันรีพอร์ทโดยอ้างว่าเป็นภาพความรุนแรง
แต่กลับมีขบวนการปั่นเฟคนิวส์ ปลุกเร้าอารมณ์เกินจริงจนพิรุธ ตั้งแต่ช่วงราวทุ่มเศษ
นายปิยบุตร นายธนาธร และนักการเมืองเครือข่ายพรรคฝ่ายค้านที่สนับสนุนม็อบ (แต่ไม่กล้ามานำเอง) ใช้สื่อออนไลน์ในมือตนปั่นกระแสเกินจริง เช่น หาว่าใช้ความรุนแรงกับผู้ชุมนุม หาว่ารัฐบาลเป็นทรราชแล้ว ให้วางอาวุธ (ทั้งๆ ที่ เจ้าหน้าที่ไม่ได้ใช้อาวุธเลย) ฯลฯ
ยิ่งกว่านั้น ยังมีข่าวเท็จจำนวนมหาศาลในสื่อออนไลน์เครือข่ายม็อบ ปั่นอารมณ์ความรู้สึกให้เคียดแค้น ชิงชัง หวังกระตุ้นให้ออกมาร่วมต่อสู้ เช่น
มีการเอาภาพในฮ่องกงมาปั่นกระแส หาว่าเป็นภาพตำรวจจับกุมผู้ชุมนุมในไทย เหลือเชื่อที่มีคนดัง คนมีชื่อเสียงช่วยกันปั่น มีคนแชร์ไปหลายแสนคน ที่ซึมซับเอาข้อมูลเท็จอันนี้ กดทับเป็นความรู้สึกไม่พอใจต่อไปอีก
มีการโกหกว่า มีการใช้กระสุนจริงยิง โดยใช้คำใส่ร้ายถึงขนาดว่า...เป็นฆาตกร
มีการปั่นข่าวโกหกเรื่องรถพยาบาลว่ามีคนท้องกับเด็ก ถูกตำรวจขวาง แล้วเสียชีวิต ความจริงไม่มีใครตายเลย แล้วในรถก็เป็นผู้ป่วยเรื้อรัง ไม่ใช่คนท้อง ตำรวจให้อ้อมไปอีกทาง ไม่ไกลจากเดิม เพราะไม่สามารถรื้อแนวกั้นได้ทันที
ฯลฯ
5. วันต่อๆ มา ก็มีการปั่นข่าวเท็จกันไปสารพัดเรื่องและปลุกระดมกันเลยเถิด ไปปิดถนน จะไปเผาสถานที่บางแห่ง จะไปล้อมไปทำลาย ไปไล่ล่า ฯลฯ โดยที่นักการเมืองที่สนับสนุนม็อบ ไม่เคยออกมาป้องปรามเลย เพราะเห็นด้วยกับความรุนแรง หรือกลัวจะไม่ได้คะแนนนิยมจากม็อบ
ทั้งหมดพยายามอ้างว่า ไม่มีแกนนำ (เหมือนฮ่องกง) เพียงเพื่อหลบเลี่ยง ไม่อยากรับผิดชอบตามกฎหมาย
แต่เชื่อจริงๆ หรือ ว่าไม่มีใครชักนำการเคลื่อนไหวเหล่านี้?
เอาง่ายๆ ใครเขียนแถลงการณ์? ใครตัดสินใจกำหนดจังหวะและเดินเกมการเคลื่อนไหว?
ลองดูง่ายๆ ใครพยายามจะไปปรากฏตัว พยายามหล่อเลี้ยงเอาใจม็อบ เพื่อหวังผลประโยชน์ทางการเมืองจากการเคลื่อนไหวนั่นเอง (แต่ปฏิเสธที่จะขึ้นเวทีปราศรัย หรือนำการชุมนุมอย่างเปิดเผยและรับผิดชอบด้วยตนเอง)
6. การที่มีคนออกมาผสมโรงไล่รัฐบาล ด่ารัฐบาลอ้างว่าใช้ความรุนแรง โดยละเลยที่จะพูดถึงการเคลื่อนไหวของฝ่ายม็อบก่อนหน้านี้ ต้องถามย้อนกลับไปว่า แล้วสนับสนุนข้อเรียกร้องว่า “ประยุทธ์ออก+เปิดวิสามัญแก้รัฐธรรมนูญ +ปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ 10 ข้อ” อย่างนั้นหรือ?
ธนาธรย้ำด้วยว่าประยุทธ์ออกไม่พอ เพราะไม่ใช่หัวหน้าใหญ่ ต้องได้เรื่องกษัตริย์ด้วย
เพนกวินบอก ประยุทธ์เป็นแค่หมา เค้าจะเล่นงานเจ้าของหมา
อานนท์บอก ในหลวงคุยเป็นไปได้ แต่ไม่คุยประยุทธ์
คนไทยส่วนใหญ่ เขาสนับสนุน 10 ข้อต่อสถาบันกษัตริย์นั้น หรือไม่? มันไม่ใช่ (ต้องพฤติกรรมจริง ว่าเขาจะปฏิรูปหรือคุกคามกษัตริย์? ลองดูข้อความ คำพูด ป้าย การกระทำ ที่เขาปลุกปั่นกันที่ชุมนุมสิ)
ถ้าคณะก้าวหน้ามั่นใจว่าคนไทยส่วนใหญ่สนับสนุน ควรหาเสียงเลือกตั้งท้องถิ่นด้วย ว่าจะไม่จัดกิจกรรมงานพิธีเกี่ยวกับสถาบันกษัตริย์ทุกอย่าง ส่วนพรรคก้าวไกลและฝ่ายค้าน ก็ควรเอา 10 ข้อปฏิรูปสถาบันกษัตริย์มาเป็นนโยบายหาเสียง เริ่มจากเลือกตั้งซ่อมครั้งต่อไปเลย จึงจะเป็นประชาธิปไตย
ถ้าประยุทธ์ออก ก็เลือกนายกฯใหม่ในสภานักการเมืองก็ต่อรองกัน สรุปว่าสู้เพื่ออะไร? เพื่อใคร?
7. ปั้นแต่งวาทกรรม หวังเอาประโยชน์การเมือง แต่ไม่รับผิดชอบ
ประการสำคัญ ... วาทกรรมของแกนนำม็อบทำนองว่า “เป็นหมาจนตรอก สู้จนตัวตาย ไม่มีทางถอย” คือการปลุกปั่น ทั้งๆ ที่ นักศึกษาเกือบทั้งหมดไม่ใช่หมาจนตรอกเหมือนผู้พูด และประเทศชาติก็ไม่ได้สิ้นไร้ไม้ตอก เช่นเดียวกับข้ออ้างทำนองว่า ถ้าไม่สู้ ก็ต้องอยู่อย่างทาส ถ้าไม่ได้ตามข้อเรียกร้อง เราก็ไม่มีอนาคต ทั้งหมดสะท้อนความพยายามปลุกปั่นเกินจริง
ดูดีๆ ... ประเทศไทยไม่ขี้เหร่ ไม่ไร้อนาคตอย่างที่เขาด้อยค่าหรอกครับ
เอาจริงๆ ... แค่นักการเมืองบางคนที่ผิดหวังคนขี้แพ้ พยายามจะลากประเทศชาติให้หมดอนาคตด้วย
วาทกรรมพวกนั้น มันประกอบสร้างขึ้นมาจากข้อมูลบิดเบือนเต็มไปหมด เช่น
หาว่ารัฐบาลถังแตก… โกหกกันมาแบบนี้กว่า 4 ปีแล้ว ทั้งที่รัฐบาลไทยทำงบขาดดุลมาทุกยุค และมารัฐบาลนี้ก็มีเงินมาช่วยเหลือสารพัดโครงการ เราไม่ทิ้งกัน เยียวยาเกษตรกร โครงการจ้างงาน ฯลฯ
หาว่าประเทศไม่มีการพัฒนา... ความจริง ยุคนี้การลงทุนระบบราง ถนน สนามบินต่างจังหวัด ท่าเรือ แหล่งน้ำสายไฟลงดิน การวิจัยพัฒนา ฯลฯ มากที่สุด เพื่อเพิ่มความสามารถการแข่งขัน อีก 5-6 ปี หากโครงการที่กำลังสร้างเสร็จหมด เศรษฐกิจโลกมีกำลังรื้อฟื้นกลับมา การขนส่งสินค้าสะดวกพร้อมกว่าเดิม นักท่องเที่ยวต่างชาติย่อมจะมาสะดวกมากกว่าเดิม มีทั้งสนามบินอู่ตะเภา สุวรรณภูมิ ดอนเมือง รถไฟเชื่อม 3 สนามบิน รถไฟความเร็วสูงกรุงเทพฯ-โคราช-หนองคาย สถานีกลางบางซื่อใหญ่สุดในอาเซียน รถไฟทางคู่เฟสแรกเกือบพัน กม.จะสร้างเสร็จแล้ว ฯลฯ
หาว่าเศรษฐกิจไทยล้มละลาย... ความจริง เศรษฐกิจไม่ดีจริง ส่งออกลด นักท่องเที่ยวต่างชาติหาย เพราะโควิดทั่วโลก หนี้สาธารณะต่อจีดีพีรวมกู้ทุกอย่างแล้วถึงต.ค.ปีหน้ายังไม่ถึง 60% ของจีดีพี (ใช้หนี้จำนำข้าวด้วย) ไทยทุนสำรองปึ้ก (อันดับ 12 ของโลก) ยังเกินดุลบัญชีเดินสะพัด คนสนใจมาลงทุนเพียบ ไม่ใช่ไปเอาข่าวย้ายโรงงาน 2 แห่งไปเวียดนามมาสรุปภาพรวมทั้งหมด ฯลฯ
หาว่าเรียนจบจะตกงานกันหมด... แม้เป็นความจริงว่าเศรษฐกิจไม่ดี กระทบทั่วโลก แต่ปัจจุบันมีโครงการจ้างงานจำนวนมาก และเมื่อผ่านโควิดไป ถ้าไม่เลือกงาน มีงานทำแน่ ตรงกันข้าม ดูตามข้อเรียกร้อง มันยิ่งไม่ช่วยเพิ่มงานทำ การชุมนุมปิดแยก ปิดถนน สร้างผลกระทบความเดือดร้อนแก่ผู้อื่นในสถานการณ์โควิดแบบนี้ มีแต่จะซ้ำเติม
หาว่านายกฯ ทุจริต... แต่ไม่มีหลักฐานชัดเจนเลย (ต่างจากสมัยโกงจำนำข้าว) มีแต่ข่าวปลอมที่บิดเบือนเรื่องเหมืองอัคราบ้าง เรื่องที่ดินพ่อนายกฯ บ้าง ฯลฯ ทุกเรื่องล้วนมีข้อเท็จจริงชี้แจงรับฟังได้ทั้งหมด ฯลฯ
ลองคิดง่ายๆ ถ้าการเมืองอีกขั้วหนึ่งมาเป็นรัฐบาล (ตามที่ว่าให้พลเอกประยุทธ์ลาออก) เชื่อจริงๆ หรือ ว่าฝ่ายค้านตอนนี้ จะทำในสิ่งที่โจมตีไว้ทั้งหมด โดยเสกขึ้นมาได้ฉับพลัน (คนที่จะเข้ามาเป็นนายกฯ เก่งและดีกว่าจริงหรือ)
เชื่อจริงๆ หรือแค่ใครหลอกตัวเอง ยอมเป็นเบี้ยตัวหนึ่งของนักการเมืองที่หวังอยากจะชิงอำนาจ
สุดท้าย หากไม่ชังชาติ ก็อย่าพังสถาบันหลักของชาติ หรือพังเศรษฐกิจของประเทศชาติในยามโควิดเช่นนี้เลย
ย้ำ.. ไม่สนับสนุนความรุนแรง (ทุกฝ่าย)
สันติสุข มะโรงศรี
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี