เป็นที่ฮือฮา เมื่อศาลอาญาพิพากษายกฟ้อง “ใบเตย” น.ส.สุธีวัน กุญชรฯ น้องร้องชื่อดัง ในคดี Forex-3D
คดีนี้ ไม่ใช่คดีหลักที่ดีเอสไอทำสำนวนสอบสวน (ยังไม่มีคำพิพากษาชี้ขาด)
แต่เป็นคดีที่มีนางพิกุลและพวก ประชาชนผู้เสียหายบางส่วน เป็นโจทก์ ยื่นฟ้องเองโดยตรง
กรณีเช่นนี้ มีข้อคิดอุทาหรณ์อย่างไร?
1. คดีที่มีผู้เสียหายยื่นฟ้องเอง แล้วศาลอาญายกฟ้องล่าสุดนี้ (เป็นคนละสํานวนกับที่ดีเอสไอสอบสวนและอัยการยื่นฟ้อง)
ทนายความของใบเตย เปิดเผยว่า ศาลมีคำตัดสินยกฟ้อง โดยให้เหตุผลว่าพยานหลักฐานที่โจทก์นำมายื่นฟ้องไม่เพียงพอ และไม่มีหลักฐานเส้นทางการเงินที่เชื่อมโยงถึงใบเตยและดีเจแมน โดยหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับทั้ง 2 คนมีเพียงภาพถ่ายใบเดียวเท่านั้น
ทนายความของใบเตย ระบุด้วยว่า แม้จะเป็นคนละสำนวน แต่พยานหลักฐานทั้ง 2 คดีเหมือนกัน หลังจากนี้จะนำคำตัดสินยกฟ้องดังกล่าวไปยื่นเป็นหลักฐานเพิ่มเติมในอีกสำนวน ซึ่งศาลนัดสืบพยานในเดือน ก.ค.
2. ดีเอสไอไปชี้แจง คดีที่ยกฟ้อง ยันเป็นคนละคดีกับที่ดีเอสไอสอบสวน
กรมสอบสวนคดีพิเศษ โดยกองคดีธุรกิจการเงินนอกระบบ ได้ชี้แจงว่า คดีดังกล่าว เป็นเรื่องที่ราษฎรซึ่งเป็นผู้เสียหายเกี่ยวกับแชร์ Forex-3D ได้เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นางสาวสุธีวัน หรือใบเตย อาร์สยาม ต่อศาลอาญาโดยตรง ซึ่งสามารถกระทำได้ตามกฎหมาย และเป็นคนละคดีกับกรณีที่กรมสอบสวนคดีพิเศษทำการสอบสวน
“...โดยในส่วนของกรมสอบสวนคดีพิเศษนั้น เป็นการดำเนินคดีอาญาตามคำแนะนำของพนักงานอัยการ โดยเป็นคดีพิเศษที่ 273/2565 ซึ่งมีผู้ต้องหาทั้งหมด 16 คน รวมทั้งนางสาวสุธีวัน ด้วยมีมูลค่าความเสียหายในคดี 2,489 ล้านบาทเศษ
จากการตรวจสอบข้อมูลทราบว่า พนักงานอัยการ สำนักงานคดีพิเศษ สำนักงานอัยการสูงสุด ได้ยื่นฟ้องผู้ต้องหาต่อศาลอาญาแล้ว เป็นคดีหมายเลขดำที่ อ.1227/2566 โดยคดีอยู่ระหว่างการนัดสืบพยาน
อย่างไรก็ตาม แม้คดีที่ผู้เสียหายฟ้องคดีเองดังกล่าวจะยังไม่ถึงที่สุด เนื่องจากเป็นคำพิพากษาศาลชั้นต้นพันตำรวจตรี วรณัน ศรีล้ำ ผู้อำนวยการกองคดีธุรกิจการเงินนอกระบบ ก็ได้สั่งการให้ส่วนอำนวยการคดี กองคดีธุรกิจการเงินนอกระบบ ประสานขอคัดสำเนาคำพิพากษาคดีดังกล่าวมาเพื่อตรวจสอบด้วย...”
เคยมีรายงานข่าวว่า สำนวนคดีแชร์Forex-3Dดังกล่าว มีเอกสารเกือบ 2 หมื่นแผ่น!!!
สำหรับคดีหลักที่ดีเอสไอสอบสวน อัยการสั่งฟ้อง ขณะนี้ยังอยู่ในชั้นศาล
3. ดูจากรูปการณ์ เชื่อว่า ทนายความของใบเตยน่าจะนำคำพิพากษายกฟ้องในคดีที่ชาวบ้านฟ้องเองดังกล่าว ไปยื่นเป็นหลักฐานต่อสู้ในคดีหลักที่ดีเอสไอทำสำนวน อัยการสั่งฟ้อง
โดยอาจจะอ้างว่า เป็นการดำเนินคดีฟ้องซ้ำ !!!
ย่อมเป็นสิทธิโดยชอบ และเป็นแนวทางการต่อสู้คดีที่ชาญฉลาดของทีมทนายความใบเตย
แต่จะได้ผลหรือไม่ อย่างไร?
น่าคิดว่า จะกระทบต่อความยุติธรรมแห่งคดีของผู้เสียหายรายอื่นๆ ที่ไม่ได้เป็นโจทก์ฟ้องเองในคดีที่ยกฟ้องไปก่อนนี้หรือไม่?
4. ถอดบทเรียนคดีโกงสหกรณ์คลองจั่น
เหตุการณ์ในลักษณะที่กำลังจะเกิดขึ้นนี้ เคยเกิดขึ้นมาแล้วกับคดีดังระดับประวัติศาสตร์ของการทุจริตในวงการสหกรณ์ไทย
นั่นคือ มหากาพย์คดีทุจริตสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น
คดีหลักของกรณีโกงสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น เกิดจากการทุจริต ผ่องถ่ายเงินออกไปจากสหกรณ์นับหมื่นล้านบาท กระทั่งสหกรณ์ขาดทุนล่มจม ประสบปัญหาทางการเงิน สมาชิกหลายหมื่นคนเดือดร้อนแสนสาหัส กระทบต่อเนื่องไปยังสหกรณ์เจ้าหนี้อีกนับร้อยแห่ง ต้องเข้าแผนฟื้นฟูกิจการ มีหนี้สินเงินฝาก 17,000 ล้านบาท
คดีหลัก ก็คือคดีที่ดีเอสไอสอบสวนดำเนินคดีมาก่อน ได้แก่ คดี อ.3339/2559 ความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน (ดีเอสไอ 63/2557) มูลค่าความเสียหาย 5,600 ล้านบาท และคดี อ.3056/2560 ความผิดฐานลักทรัพย์นายจ้าง (ดีเอสไอ 146/2556) มูลค่าความเสียหาย 13,334 ล้านบาท
คดีหลักเหล่านี้ ดีเอสไอสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานมากมาย ตั้งแต่ช่วงสมัยที่มีพลเอกไพบูลย์ คุ้มฉายาเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม (ปัจจุบันเป็นองคมนตรี)และมีการพิจารณากันในศาลมานาน
ปรากฏว่า เมื่อวันพุธที่ 30 มิถุนายน 2564 ศาลอาญาพิพากษายกฟ้องคดีหลัก เพราะเหตุ “ฟ้องซ้ำ”
ฟ้องซ้ำกับคดีไหน? เกิดขึ้นได้อย่างไร?
ศาลอาญา (ชั้นต้น) ระบุว่า ฟ้องซ้ำกับคดีที่ศาลอาญาพิพากษาไปเมื่อวันที่ 30 มิ.ย. 2563 (ก่อนนั้น 1 ปี)
นั่นคือคดีหมายเลขดำที่ อ.1260/2561 ที่มี น.ส.นวลฉวีกับพวก เป็นโจทก์ยื่นฟ้องสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่นฯ และนายศุภชัย เป็นจำเลย ข้อหาฉ้อโกงประชาชน
คือคดีที่ประชาชนเป็นโจทก์ยื่นฟ้องเอง!!!
คำพิพากษาคดีที่ประชาชนเป็นโจทก์ยื่นฟ้องเองนี้ ศาลระบุว่า โจทก์มิได้นำผู้ตรวจการสหกรณ์มาเป็นพยานยืนยันว่า สหกรณ์คลองจั่นฯ จัดทำบัญชีงบการเงินเป็นเท็จจริงหรือไม่ ส่วนกรณีนายศุภชัย นั้น โจทก์นำสืบโดยไม่มีรายละเอียดถึงพฤติการณ์ว่ากระทำการหลอกลวงอันเป็นความผิดฐานฉ้อโกงประชาชนต่อโจทก์ทั้ง 410 รายอย่างไรแม้โจทก์จะมีนายไพบูลย์ นิติตะวัน (ปัจจุบันเป็น สส.พรรคพลังประชารัฐ) มาเบิกความถึงพฤติการณ์ของนายศุภชัยแต่นายไพบูลย์เป็นเพียงผู้รับมอบอำนาจให้เป็นผู้ดำเนินคดีกับสหกรณ์คลองจั่นฯ และนายศุภชัยแทนโจทก์ และไม่ได้เป็นสมาชิกสหกรณ์คลองจั่นฯ มิได้รู้เห็นเกี่ยวกับพฤติการณ์ของนายศุภชัย เพียงแต่ได้รับคำบอกเล่ามาเบิกความตามที่รับฟังมาเท่านั้น เมื่อโจทก์กล่าวอ้างว่านายศุภชัยกระทำความผิด แต่ไม่มีพยานหลักฐานชัดเจนว่าหลอกลวงอย่างไร มีเพียงพยานบุคคลซึ่งมิได้รู้เห็นมาเบิกความเพียง 3 ปากเท่านั้น
อีกคดีก็มีประชาชนเป็นโจทก์ฟ้องเอง คือ คดีหมายเลขดำที่ อ.235/2562 ที่มีนายคนอง จุลมนต์ กับพวกเป็นโจทก์ โดยนายไพบูลย์ นิติตะวัน ผู้รับมอบอำนาจโจทก์ โดยบรรยายฟ้องลักษณะเดียวกับคดีหมายเลขดำที่ อ.1260/2561 ศาลชี้ว่า โจทก์ไม่ได้นำพยานหลักฐานมาแสดงเรื่องการขาดทุน และไม่นำผู้ตรวจบัญชีมาเบิกความถึงข้อบกพร่อง มีความเป็นเบิกความของผู้รับมอบอำนาจซึ่งไม่ใช่สมาชิก ไม่มีพยานหลักฐานแสดงว่าเป็นเท็จอย่างไร และนายศุภชัยให้การปฏิเสธมาโดยตลอด พิพากษายกฟ้อง
พูดง่ายๆ ว่า คดีที่สอบพยานแค่ 3 ปาก เป็นคดีที่มาทีหลัง แต่ได้คำพิพากษาออกมาก่อน (เพราะไต่สวนไม่นาน สำนวนไม่มีรายละเอียดมาก)
ส่วนคดีหลักที่ดีเอสไอสืบสวนรวบรวมพยานหลักฐานมาตั้งแต่ต้น ได้ถูกยื่นฟ้องเข้าไปในชั้นศาลก่อนนั้น (คดี อ.3339/2559 และคดี อ.3056/2560) และอยู่ระหว่างการพิจารณาในชั้นศาล ซึ่งมีพยานหลักฐานมากมาย จึงใช้เวลาพิจารณายาวนาน
ปรากฏว่า ศาลอาญา (ศาลชั้นต้น) พิพากษาคดีหลักที่ดีเอสไอสอบสวน มีเส้นทางการเงิน มีสำนวนรายละเอียดแน่นหนาว่า “ฟ้องซ้ำ” ยกฟ้อง
เดชะบุญ....
คดีที่ดีเอสไอสอบสวนนี้ ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ วินิจฉัยว่าไม่เป็นฟ้องซ้ำ !!!
พิพากษาว่า มีความผิด ลงโทษจำคุกรวม 765 ปี !!!
ในส่วนของนายศุภชัย (จำเลยที่1) ผิดฐานปลอมเอกสารสิทธิและใช้เอกสารสิทธิปลอม ให้ลงโทษฐานร่วมกันใช้เอกสารสิทธิปลอม กระทงละ 2 ปี จำนวน 22 กระทง เป็นจำคุก 44 ปี
ฐานร่วมกันลักทรัพย์นายจ้าง จำคุกนายศุภชัย กระทงละ 1 ปี จำนวน 721 กระทง เป็นจำคุก 721 ปี
เมื่อรวมโทษทุกกระทงแล้ว คงจำคุก มีกำหนด 20 ปี ตามกฎหมายอาญา 91 (2)
ให้นับโทษของจำเลยที่ 1 (นายศุภชัย) ต่อจากโทษในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 706/2559 ของศาลชั้นต้น และให้จำเลยที่ 1 คืนเงินจำนวน 10,812,663,995.29 บาทแก่โจทก์ร่วม
5. ลองเปรียบเทียบ
คดี Forex-3D ว่าคดีที่ชาวบ้านฟ้องเอง ไม่มีเส้นทางการเงิน ศาลชั้นต้นยกฟ้อง
ส่วนคดีหลัก Forex-3D ที่ดีเอสไอสอบสวนรวบรวมหลักฐานเส้นทางการเงินของผู้เกี่ยวข้อง ยังไม่มีคำพิพากษา
จะเดินซ้ำรอย หรือไม่ อย่างไร?
ดีเอสไอและอัยการ จะแก้เกม แก้ปมข้อกฎหมายที่ฝ่ายทนายใบเตยจะต้องต่อสู้ว่า “ฟ้องซ้ำ” ว่าอย่างไร? จะสู้อย่างฉลาด แหลมคม เต็มที่ หรือไม่?
อย่าลืมว่า คดีหลัก Forex-3D มีประชาชนผู้เสียหายหลายพันคน มูลค่าความเสียหายกว่า 2,500 ล้านบาท
ทนายแผ่นดินและดีเอสไอ จะต้องตระหนักถึงประโยชน์ต่อความยุติธรรมของแผ่นดินและผู้เสียหายรายอื่นๆที่ไม่ได้เป็นโจทก์ฟ้องเองในคดีแพ้ไปก่อนนั้น
สันติสุข มะโรงศรี
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี